20 เรื่องที่คุณอาจจะยังไม่รู้เกี่ยวกับในหลวงรัชกาลที่ 9
NOTE:
– “พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช” จากประเทศไทยทรงเป็นกษัตริย์ที่ครองราชย์ยาวนานที่สุดในโลกคือ 70 ปีกับอีก 126 วัน รองลงมาคือ สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 จากสหราชอาณาจักร 64 ปี และ สมเด็จพระราชาธิบดีสุลต่านตวนกู อับดุล ฮาลิม มูอัซซัม ชาห์ จากประเทศมาเลเซีย 58 ปี
– “พระบาทสมเด็จพระปรมินทรา มหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร” คือพระนามเต็มของพระองค์
– พระองค์ทรงเสด็จขึ้นครองราชย์ในวันที่ 9 มิถุนายน 2489 และเสด็จสวรรคตในวันที่ 13 ตุลาคม 2559 สิริรวมพระชนมายุได้ 88 พรรษา
5 ธันวาคม ของทุกปีนับเป็นวันสำคัญวันหนึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าประชนชนชาวไทยให้ความสำคัญเป็น “วันพ่อแห่งชาติ” ซึ่งตรงกับวันพระบรมราชสมภพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในหลวงรัชกาลที่ 9 แห่งราชวงศ์จักรี ตรงกับวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2470
ในฐานะที่พวกเราคือพสกนิกรชาวไทยใต้ร่มพระบารมีของพระองค์ อยากให้ทุกคนได้ระลึกถึงเรื่องราวของพระองค์อีกครั้ง จาก 20 เรื่องนี้
1.พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันจันทร์ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2470 เวลา 08.45 น.
2.พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จพระราชสมภพ ณ โรงพยาบาลเมาต์ออเบิร์น รัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐอเมริกา โดยมีนายแพทย์ผู้ทำคลอดชื่อ Dr. W. Stewart Whittemore
3.“Baby Songkla” คือพระนามแรกของพระองค์ในพระสูติบัตร ก่อนที่ “พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว” (รัชกาลที่ 7) จะทรงพระราชทานพระนาม “ภูมิพล” ที่หมายถึง “พลังของแผ่นดิน” ให้
4.แต่เดิมพระองค์ทรงสะกดคำว่า “อดุลเดช” แบบไม่มีตัว “ย ยักษ์” เนื่องจากใช้หลักการสะกดเหมือนกับพระนามของพระบิดา คือ “มหิดลอดุลเดชฯ” แต่ต่อมาได้ทรงเขียนเป็น “อดุลยเดช” ซึ่งนิยมใช้แบบหลังจวบจนถึงปัจจุบัน
5.”สงขลา” คือนามสกุลเดิมที่สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนกของพระองค์ทรงใช้เมื่ออยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา
6.พระองค์ทรงมีพระนามเล่นว่า “เล็ก” หรือ “พระองค์เล็ก”
7.พระองค์ทรงเคยเข้าเรียน ณ โรงเรียนมาแตร์เดอี ในช่วงพระชนมายุ 5 พรรษา โดยมีพระนามในใบลงทะเบียนว่า “H.H Bhummibol Mahidol” หมายเลขประจำตัว 449
8.พระองค์ทรงเริ่มสวมฉลองพระเนตรตั้งแต่พระชันษายังไม่ถึง 10 ขวบเต็ม
9.กล้องถ่ายภาพคู่พระหัตถ์ตัวแรกของพระองค์นั้นคือยี่ห้อ “Coconet Midget” ที่พระองค์ทรงซื้อด้วยเงินสะสมส่วนพระองค์เอง เมื่อพระชนมายุเพียง 8 พรรษาเท่านั้น
10.พระองค์ทรงมีพระอัจฉริยภาพทางด้านดนตรีเป็นอย่างยิ่ง โดยพระองค์ทรงเริ่มเรียนดนตรีเมื่อพระชนมายุ 13 พรรษา และสามารถเล่นเครื่องดนตรีได้หลากหลายชนิดตั้งแต่ เปียโน กีตาร์แซกโซโฟน และ แอกคอร์เดียน ที่เป็นเครื่องดนตรีชิ้นแรกที่ทรงหัดเล่น
11.พระองค์ทรงพระราชนิพนธ์เพลงครั้งแรกเมื่อพระชนมายุเพียง 18 พรรษา โดยเพลงนั้นมีชื่อว่า “แสงเทียน”
12.พระองค์ทรงเคยได้เหรียญทองจากการแข่งขันกีฬาเรือใบ ในกีฬาแหลมทอง (กีฬาซีเกมส์ในปัจจุบัน) ครั้งที่ 4 เมื่อปี พ.ศ. 2510
13. เนื่องจากเคยประสบอุบัติเหตุเศษกระจกกระเด็นเข้าพระเนตร ขณะประทับอยู่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์เมื่อช่วงพระชนมายุ 20 พรรษา จึงทำให้พระองค์ต้องใส่พระเนตรเทียมทางด้านขวาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2491 เป็นต้นมา
14.พระองค์ทรงหมั้นกับ ม.ร.ว.สิริกิติ์ กิติยากร เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2492 และอภิเษกสมรสที่วังสระปทุมในวันที่ 28 เมษายน 2493
15.พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์พระองค์แรกของโลกที่ได้รับสิทธิบัตรทางด้านผลงานประดิษฐ์ “กังหันชัยพัฒนา” เมื่อปี พ.ศ. 2536
16.ปัจจุบันมีโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริของพระองค์มากกว่า 3,000 โครงการที่ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของพสกนิกรชาวไทยดีขึ้น
17.โครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา นั้นเกิดขึ้นจากพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์จำนวน 32,866.73 บาท ที่ได้มาจากการขายหนังสือดนตรีและการขายนมวัว
18.พระองค์ทรงเป็นผู้ริเริ่มการเลี้ยงปลานิลเป็นที่แรกในประเทศไทย โดยใช้สระว่ายน้ำในพระตำหนักสวนจิตรลดาเป็นบ่อเลี้ยง ก่อนที่จะแจกจ่ายพ่อพันธ์แม่พันธ์ให้กรมประมงนำไปแจกจ่ายแก่ราษฎรอีกทอด
19.พระองค์ทรงเป็นผู้ประดิษฐ์รูปแบบอักษรในคอมพิวเตอร์ที่ใช้กันอยู่ในทุกวันนี้อย่าง “จิตรลดา” และ “ภูพิงค์”
20.พระองค์ทรงพระราชทานปริญญาบัตรให้แก่เหล่าบัณฑิตครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2493 เป็นต้นมา โดยมีจำนวนรวมทั้งสิ้น 490 ครั้ง ครั้งละ 3 ชม.เป็นอย่างต่ำ