“แฮปปี้มาร์เก็ตติ้ง” แพลตฟอร์มคอนเทนต์ บันเทิง มาแรง รับเทรนด์การตลาดยุคโควิด-19
การแพร่ระบาดของโควิด – 19 ที่ทำให้เกิดนโนบาย Social Distancing ได้ส่งผลต่อพฤติกรรมผู้บริโภคยุคนี้หันมาใช้สื่อออนไลน์ในการใช้ชีวิตประจำวันกันมากขึ้น ทั้งการติดตามข่าวสาร รับชมความบันเทิง และการช้อปปิ้งออนไลน์ ซึ่ง
“แฮปปี้มาร์เก็ตติ้ง” ผ่านเอ็นเตอร์เทนเม้นท์แพลตฟอร์ม กำลังเป็นที่นิยมอย่างมากของกลุ่มนักการตลาด
วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล (CMMU) เผยข้อมูลงานวิจัย “How to Hook” เทคนิคมัดใจลูกค้ายุคดิจิทัล พบว่า การทำการตลาดแบบ “แฮปปี้มาร์เก็ตติ้ง” ผ่านแพลตฟอร์มความบันเทิงต่างๆ หรือที่เรียกว่า เอ็นเตอร์เทนเม้นท์แพลตฟอร์ม กำลังเป็นที่นิยมเพื่อมาใช้มัดใจผู้บริโภค จากพฤติกรรมการเสพคอนเทนต์ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19
จากข้อมูลการวิจัยการตลาดของกลุ่มผู้บริโภค จำนวน 1,035 คน ครอบคลุมกลุ่ม Gen Y, Gen X, Baby Boomer และ Gen Z พบว่า 3 กิจกรรมบนแฟลตฟอร์มออนไลน์ที่กลุ่มผู้บริโภคเหล่านี้นิยมทำบ่อยที่สุด คือ ติดตามข่าวสาร คิดเป็น 36% , ติดต่อสื่อสาร 20% และดูภาพยนตร์ 16% ตามลำดับ โดย Facebook เป็นช่องทางที่คนส่วนใหญ่เลือกใช้ติดตามข่าวสารมากที่สุด จากมีความหลากหลายของข้อมูล มีความสะดวก รวดเร็วทันต่อเหตุการณ์ ตามมาด้วย ทวิตเตอร์ และไลน์
“แฮปปี้มาร์เก็ตติ้ง” ผ่านเอ็นเตอร์เทนเม้นท์แพลตฟอร์ม กำลังเป็นที่นิยมอย่างมากของกลุ่มนักการตลาด ไม่ว่าจะเป็น TikTok, Netflix, Youtube, Joox และ Spotify โดยมีซีรีย์ที่ได้รับความนิยม คือ Crash Landing on You , Kingdom และ Game of thrones รวมถึงเล่นเกม ROV, HAYDAY และ LINE GAME เป็นต้น
ซึ่งข้อมูลผลการวิจัยยังแสดงให้เห็นว่า โฆษณาที่จะสามารถมัดใจผู้บริโภคให้รับชมจนจบได้ต้องมีเนื้อหาสนุกสนานขำขันสูงถึง 83% ตามมาด้วยเนื้อหาตื่นเต้นชวนติดตาม 78% และการมีนักแสดงที่ชื่นชอบ 25% ตามลำดับ
โดยรูปแบบเนื้อหา 3 อันดับแรกที่สามารถดึงดูดผู้บริโภคได้มากที่สุด ได้แก่ รูปภาพ คิดเป็น 58% เพราะสะดุดตา ดูง่าย และไม่เสียเวลา โดยกลุ่มเจนวายและกลุ่มเจนซีจะหยุดดูรูปภาพที่สวยหรือสื่อความหมายสะท้อนถึงไลฟ์สไตล์ของตนเอง ส่วนกลุ่มเจนเอ็กซ์และกลุ่มเบบี้บูมเมอร์จะหยุดดูรูปภาพที่มีข้อความโดนใจ วิดีโอ - คิดเป็น 29% โดยวิดีโอที่มีเนื้อหาตลกและสนุกสนานได้รับความนิยมมากที่สุด ตามมาด้วยวิดีโอที่มีเนื้อหาสั้น ๆ กระชับ และ Cover Video ที่น่าสนใจ ตามลำดับ ข้อความ - คิดเป็น 13% ซึ่งรูปแบบข้อความที่มัดผู้บริโภคได้อยู่มัดคือต้องมีความกระชับ โดนใจ และสะดุดตา โดยเนื้อหาที่ใช้ควรเป็นประเด็นเด่นหรือข้อมูลสำคัญ
ดังนั้นทีมข้อมูลงานวิจัย “How to Hook” เทคนิคมัดใจลูกค้ายุคดิจิทัล จึงได้เสนอกลยุทธ์ 4E ยกกำลัง 2 ที่นักการตลาดหรือผู้ประกอบการสามารถนำไปปรับใช้ในการทำการตลาดบนแฟลตฟอร์มออนไลน์เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อแบรนด์ โดยกลยุทธ์ 4E กำลัง 2 ประกอบด้วย
4E เพื่อให้ผู้บริโภคเกิดความสนใจ (Attention)
- Easy คือการสร้างคอนเทนต์ให้เข้าใจง่ายและกระชับ
- Engagement ดึงดูดความสนใจด้วยการสร้างเนื้อหาที่มีรูปภาพหรือวิดีโอที่เป็นเชิงไลฟ์สไตล์ มีความสนุกสนานให้เข้าถึงความรู้สึกของคนได้ง่ายเพื่อให้เกิดการอยากมีส่วนร่วม
- Exclusive นำเสนอคอนเทนต์ให้ตรงกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการ เพื่อให้เป้าหมายรู้สึกได้ถึงความพิเศษเฉพาะ
- Experience สร้างสรรค์คอนเทนต์ที่แตกต่าง เพื่อทำให้ผู้บริโภคมีประสบการณ์ที่ดีต่อแบรนด์
4E เพื่อสร้างความภักดี (Loyalty) ของผู้บริโภคให้มีต่อแบรนด์ ได้แก่
- Easy แบรนด์ต้องทำให้ผู้บริโภคเข้าถึงได้ง่าย มีความสะดวกสบาย และสามารถเชื่อมต่อทุกความต้องการในการใช้งาน
- Engagement สร้างความสัมพันธ์และการมีส่วนร่วมของลูกค้ากับแบรนด์ให้ได้มากที่สุด เช่น การทำกิจกรรมพิเศษต่าง ๆ
- Exclusive ให้มากกว่าที่ลูกค้าคาดหวังด้วยการออกแบบสินค้าและบริการแบบเฉพาะบุคคล
- Experience สร้างประสบการณ์ที่ดีที่แตกต่างและมีคุณค่าต่อลูกค้า เช่น ระบบสมาชิกสะสมคะแนน เป็นต้น
ผลวิจัยยังเผยให้เห็นว่าการเปลี่ยนแบรนด์เกิดขึ้นได้เสมอบนโลกออนไลน์ ดังนั้นนักการตลาดหรือผู้ประกอบการต้องให้ความสำคัญต่อการสร้างแบรนด์เพื่อป้องกันการเปลี่ยนใจของผู้บริโภคด้วยการหมั่นสร้างความแตกต่าง ผสานการแสดงจุดยืนของแบรนด์อย่างชัดเจนควบคู่ไปกับการสร้างคุณภาพของแบรนด์ในทุก ๆ ด้าน
ขอบคุณข้อมูล วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล (CMMU)