‘เวิลด์แบงก์’ คาดเศรษฐกิจโลกปีนี้หดตัว 5.2% ถดถอยสุดในรอบ 80 ปี
ธนาคารโลกหรือ “เวิลด์แบงก์” เปิดเผยคาดการณ์เศรษฐกิจโลกปี 2020 ระบุว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และมาตรการล็อกดาวน์ที่หลายประเทศบังคับใช้ควบคุมโรค จะส่งผลให้เศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอยต่ำสุดในรอบ 80 ปี นับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 แม้ว่าหลายประเทศจะยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์และกลับมาดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจอีกครั้งแล้วในขณะนี้
โดยธนาคารโลก คาดการณ์การเติบโตของจีดีพีทั่วโลกในปี 2020 ว่าอาจหดตัวลงถึง 5.2% ซึ่งจีดีพีของกลุ่มประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่อาจหดตัวลงถึง 7% และประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่อาจหดตัว 2.5% ซึ่งในไตรมาส 2/2020 นับเป็นช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดสำหรับประเทศตะวันตก เนื่องจากมีการแพร่ระบาดอย่างหนักในภูมิภาคยุโรปและอเมริกา และหากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ยังยืดเยื้อ เศรษฐกิจโลกมีโอกาสจะหดลึกถึง 8% โดยคาดจะฟื้นตัวราว1% ในปีหน้า
ทั้งนี้ คาดการณ์จีดีพีของสหรัฐอเมริกาอาจหดตัวลง 6.1% ก่อนที่จะฟื้นตัวในปี 2021 เช่นเดียวกันกับญี่ปุ่น ส่วนคาดการณ์จีดีพีของประเทศกลุ่มยูโรโซนจะหดตัวลงราว 9.1% ขณะที่คาดการณ์จีดีพีของจีนคาดว่าจะขยายตัวเพียง 1% ลดลงจากปี 2019 ที่ขยายตัวถึง 6.1% และประเทศอื่นอย่าง บราซิลก็คาดว่าจะหดตัว 8.0% อินเดียหดตัว 3.2% และไทยหดตัว 5.0%
ภาวะเศรษฐกิจถดถอยจากโรคระบาดครั้งนี้ยังอาจส่งผลให้เกิด “บาดแผลทางเศรษฐกิจ” ที่ยาวนาน เนื่องจากระดับการลงทุนทั่วโลกจะยังคงอยู่ในระดับต่ำในช่วงเวลาไม่นานนัก ส่วนการค้าและห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกก็ถูกทำลายไปบางส่วน ขณะที่อัตราการว่างงานก็เพิ่มสูงขึ้น พร้อมกับภาคธุรกิจจำนวนมากที่ต้องประสบภาวะล้มละลายหรือเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ
ขณะที่ประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่มีความเสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบหนักกว่า เนื่องจากมีเศรษฐกิจที่พึ่งพิงห่วงโซอุปทาน การท่องเที่ยว การส่งออก และตลาดการเงินอย่างมาก ทำให้เศรษฐกิจต้องหยุดชะงักเมื่อภาคธุรกิจเหล่านี้ไม่สามารถดำเนินการได้ อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันที่ตกต่ำลงในช่วงโรคระบาดนี้จะเป็นผลดีต่อการกลับมาดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจอีกครั้ง