เมื่อโควิดเข้ามาทำให้ชีวิตผู้คนทั่วโลกให้แยกจากกัน  ปิดกั้นความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ  เศรษฐกิจ  สังคม  ชุมชน ตลอดจนบุคคล  ก่อให้เกิดการเปลี่ยนพฤติกรรมของคนทั่วโลกอย่างรวดเร็ว  และเมื่อทำซ้ำอย่างต่อเนื่องกลายเป็นความปกติใหม่ที่คุ้นเคย (New Normal) สิ่งนี้ได้เขย่าประวัติศาสตร์โลกยุคดิจิทัลอย่างไร  จะมีเทรนด์อะไรตามมาบ้าง  หลังจากการสิ้นสุดลงของโควิด

1. การย้อนกลับถิ่นฐานการผลิต 

จากการปิดประเทศต่างๆ ทั่วโลก   ทำให้หลายประเทศที่ไม่ฐานการผลิตภายในต้องพึ่งพาสินค้าจากต่างประเทศได้รับผลกระทบตามมามากมาย   ซึ่งฐานการผลิตที่สำคัญของโลกก็คือ จีน  ดังนั้นแนวคิดเรื่องการกระจายกำลังการผลิตไปยังที่อื่น เพื่อบริหารความเสี่ยงจึงมีมากขึ้น  รวมถึงแนวคิดในการพึ่งพาตัวเองของแต่ละประเทศ   ทำให้หลายธุรกิจเริ่มสร้างฐานการผลิตภายในท้องถิ่นและหาแหล่งผลิตที่ไม่ได้พึ่งพาเพียงแค่ประเทศใดประเทศหนึ่งอีกต่อไป 

2. Digital Takeover เทคโนโลยีกลายเป็นเรื่องปกติของชีวิต

เพราะโควิดได้เร่งปฏิกิริยาให้คนหันมาใช้ดิจิทัลเพิ่มมากขึ้น  ซึ่งในอนาคตเครือข่ายอินเทอร์เน็ตจะกลายเป็นเสมือนโครงสร้างพื้นฐานที่รัฐพึงมีให้แก่ประชาชน  เช่นเดียวกับน้ำประปาหรือไฟฟ้า   จากการวิจัยในช่วงโควิดพบว่ามีการใช้แฟลตฟอร์มดิจิทัล เพิ่มขึ้น  ในการทำกิจกรรมต่างๆ  ไม่ว่าจะเป็นการเรียนออนไลน์  หัดทำอาหาร  ออกกำลังกาย  รวมไปถึงการหากิจกรรมทำในรูปแบบ Virtual    การมี  e-Market Place ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว   การสั่งออนไลน์เดลิเวอร์รี่ที่เพิ่มแบบก้าวกระโดด  นอกจากนี้ในเรื่องของ  Untact- Relationship  หรือการลดสัมผัสต่างๆ  ทำให้มีการเปิดรับการใช้เทคโนโลยี  ลดการใช้คน  แทนการสื่อสารแบบ  Face to Face  รวมไปถึงการเป็น Cashless Society  ด้วยการใช้เงินดิจิทัลผ่านการชำระค่าสินค้าและบริการผ่านแอปพลิเคชัน , e-Payment , บัตรเครดิต  และ  Mobile Banking  

3. รูปแบบการทำงานเปลี่ยน

การทำงานที่บ้าน  หรือ  Work From Home จะกลายเป็นเรื่องปกติ   หลายบริษัทจะปลดล็อคให้อิสระพนักงานในการทำงานอยู่ที่บ้านมากขึ้น  โดยไม่จำเป็นต้องเช้าออฟฟิศทุกวันหรือไม่ต้องเข้าออฟฟิศเลย  ทำให้บริษัทลดภาระในด้านต่างๆ  ไม่ว่าจะเป็นการเช่าอาคารสำนักงานที่ไม่ต้องมีพื้นที่ขนาดใหญ่  ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา  รวมไปถึงอุปกรณ์สำนักงาน    ส่วนพื้นที่ที่เหลือก็สามารถนำมาปล่อยเช่าเพื่อสร้างรายได้อีกทางหนึ่ง   ขณะที่บางบริษัทที่พนักงานยังจำเป็นจะต้องเข้าออฟฟิศก็จะมีการปรับเปลี่ยนพื้นที่ให้เป็นแบบปิดมากขึ้น  เช่น  มีพาร์ทิชั่นกั้นระหว่างโต๊ะทำงาน  โดยไม่เปิดโล่งเหมือนแต่ก่อน   ในส่วนการประชุมออนไลน์จะกลายเป็นเรื่องปกติโดยไม่จำเป็นต้องเดินทางเข้ามาเจอกันที่ออฟฟิศอีกต่อไป

4. การจ้างงานเปลี่ยน

หลังจากนี้จะเป็นโอกาสทองของคนเก่ง  เพราะบริษัทสามารถเลือกจ้างคนเก่งมีฝีมือจากที่ไหนก็ได้ในโลก  เป็นการเปิดโอกาสให้คนมีฝีมือสามารถรับงานโดยไม่จำกัดในเรื่องระยะทางและสถานที่   ต่อไปการจ้างงานจะเปลี่ยนจากการจ้างเป็นรายเดือนสู่การจ้างเป็นชิ้นงานแทนหรือที่เรียกว่า GIG Economy มากขึ้น  เป็นการทำงานแบบชั่วคราว  เปลี่ยนแปลงรูปแบบการจ้างงาน รวมถึงความสัมพันธ์ระหว่างนายจ้างและลูกจ้าง   ซึ่งจะส่งผลต่อความมั่นคงทางการเงินและสวัสดิการของมนุษย์เงินเดือนในอนาคต แต่ในทางกลับกันคนเก่งอาจทำงานได้หลายที่ภายใต้การจ่ายเงินตามความสามารถ  รวมไปถึงแรงงานที่มีความรู้ความสามารถแบบดั้งเดิมจะนำไปสู่การเลิกจ้าง  และจะมีคนทั่วโลกที่ตกงานเพิ่มขึ้น 

5. การรื้อระบบความปลอดภัยทางสังคม

ต่อไปโลกจะเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและไม่มีความแน่นอน  เศรษฐกิจถูกขับเคลื่อนด้วย GIG Economy หรือการทำงานแบบชั่วคราว  ทำให้แรงงานต่างรู้สึกว่าตนเองไม่มีความมั่นคงในเรื่องการจ้างงาน  ขาดรายได้ที่แน่นอน  และไม่มีสวัสดิการรองรับ   ดังนั้นในอนาคตอาจจะเห็นภาครัฐมีการจัดเก็บเงินประกันสังคมเพิ่มขึ้น หรือการออกมาตรการให้บริษัทที่จ้างพนักงานชั่วคราวจะต้องมีส่วนร่วมในการจ่ายเงินสมทบต่างๆ เพื่อช่วยเหลือพนักงานชั่วคราวยามที่เกิดวิกฤตและสร้างความมั่นคงให้กับแรงงานกลุ่มดังกล่าว  

6. Big Data ไม่ใช่สิ่งไกลตัว

ก่อนมีโควิดองค์กรใช้  Big Data ช่วยการขายและการตลาดของธุรกิจ  เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลทำความเข้าใจลูกค้าหรือผู้บริโภคมากขึ้น  รวมถึงลดต้นทุนและระยะเวลาดำเนินการ  ช่วยการตัดสินใจได้อย่างแม่นยำมากขึ้น    พอเกิดโควิด Big Data  ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป เพราะภาครัฐและเอกชนได้นำ Big Data มาใช้ในการติดตามผู้ติดเชื้อเพื่อควบคุมการระบาด หรือแจ้งเตือนประชาชนว่าสถานที่ที่จะไปเป็นพื้นที่เสี่ยงหรือไม่  ช่วยในการป้องกันไม่ให้เข้าไปในบริเวณที่มีการระบาด หรือการนำฐานข้อมูลประชาชนเพื่อใช้ในพิจารณามาตรการช่วยเหลือภาครัฐ   ดังนั้นการใช้  Big Data ของประชาชนจะกลายเป็นความเคยชินและเป็นเรื่องปกติ  เพราะผู้คนจะยอมให้ข้อมูลส่วนตัวเพื่อแลกกับความปลอดภัยที่มีมากยิ่งขึ้น   

7. การยกระดับมาตรฐานด้านสุขอนามัยและสุขภาพทั่วโลก

ช่วงโควิดทำให้คนใส่ใจเรื่องสุขอนามัยเพิ่มมากขึ้น   ทั้งการใส่หน้ากากอนามัย   การล้างมือ   การรักษาความสะอาดพื้นผิวสัมผัสต่างๆ   รวมถึงการระมัดระวังตัวเองมากขึ้นเมื่อไปสัมผัสกับจุดสาธารณะ  จนกลายเป็นเรื่องปกติที่คนให้ความสำคัญด้านสุขอนามัยและจะเป็นมาตรฐานใหม่  นอกจากนี้แพลตฟอร์มดูแลสุขภาพและการป้องกันจะมีความสำคัญมากยิ่งขึ้น  โครงสร้างพื้นฐานของเมือง   อาคาร  บ้านเรือน  จะต้องมีแพลตฟอร์มดูแลสุขภาพเป็นบริการขั้นพื้นฐาน  ทำให้หน่วยงานภาครัฐและเอกชนจะต้องลงทุนในสิ่งเหล่านี้  เพื่อลดความเสี่ยงและทำให้ลูกค้าหรือผู้ใช้บริการเกิดความมั่นใจในมาตรฐาน  สุขอนามัย  


นอกจากนี้ในเรื่องระบบสาธารณสุขและการแพทย์ของประเทศต่างๆ  จะมีการพัฒนาทั้งในเรื่องของคุณภาพและการเข้าถึงที่มากขึ้น  ซึ่งต่อไป Medical & Wellness Tourism  จะกลายเป็นเทรนด์ท่องเที่ยวแนวใหม่ที่คนสนใจ  และจากการให้ความสำคัญต่อสุขภาพต่อไปคนจะเริ่มหันมาทานอาหารที่มีประโยชน์  ดีต่อสุขภาพ  ต้องการความมั่นใจว่าอาหารที่นำมาปรุงมีมาตรฐาน ปลอดภัย และสะอาด   เมื่อให้ความสำคัญในด้านคุณภาพคนจะยอมเสียเงินกับของที่มีคุณภาพสูงมากกว่าของที่ไม่มีคุณภาพหรือขาดมาตรฐาน   

8. เศรษฐกิจติดบ้าน

การเคยชินกับการอยู่ที่บ้านทั้งทำงาน  ทำกิจกรรมต่างๆ  ส่งผลให้ความต้องการที่อยู่อาศัยของคนเปลี่ยนไป  จากเดิมที่หาที่พักใจกลางเมือง  เดินทางสะดวกติดรถไฟฟ้า  จะเปลี่ยนเป็นบ้านชานเมืองที่มีพื้นที่ใช้สอยมากขึ้น  สามารถทำกิจกรรมต่างๆ ภายในบ้านได้  เพราะไม่จำเป็นต้องออกจากบ้านไปไหนและคุ้นชินกับการทำกิจกรรมเพื่อหาความสุขและสร้างความสนุกในแบบที่ต้องการ  ทั้งการทำอาหาร   ปลูกผักสวนครัว   ดู  Netflix   ออกกำลังกาย  การทำชาเลนจ์ผ่าน TikTok  ทำให้เกิดเทรนด์ใหม่ที่เรียกว่า New Luxury  คือ  การต้องมีของหรืออุปกรณ์ที่สามารถสร้างความสุขให้กับตัวเองได้โดยไม่ต้องออกนอกบ้าน  เช่น  เครื่องทำกาแฟสด,  หม้อทอดไร้น้ำมัน  เป็นต้น

8  New Normal ที่กล่าวมานี้ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป  เพราะจะกลายเป็นความปกติใหม่ของคนทั่วโลกและจะอยู่อย่างนี้ไม่น้อยกว่า 1- 2 ปีจนกว่าจะมีการผลิตวัคซีนได้สำเร็จ  และเมื่อถึงตอนนั้น  New Normal ที่กล่าวมานี้จะกลายเป็นวิถีชีวิตใหม่ที่ทุกคนคุ้นเคยตลอดไปหรือไม่   คงต้องรอพิสูจน์กันเมื่อวันนั้นมาถึง  

ที่มา :

https://marketeeronline.co/archives/162863

https://brandinside.asia/new-normal-after-covid-19/

https://www.posttoday.com/life/work-life-balance/623097

https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/878648

SOURCE : www.scb.co.th