“บ้าน” ถือเป็นสินทรัพย์ที่มีขนาดใหญ่ ซึ่งการที่ธนาคารจะปล่อยสินเชื่อให้ได้นั้น ธนาคารจะต้องไว้วางใจในตัวผู้ยื่นกู้ว่าจะสามารถผ่อนชำระหนี้ได้จนหมด ดังนั้นนอกจากสถานะทางการเงินที่น่าเชื่อถือแล้ว ประวัติการผ่อนชำระหนี้ที่ดีก็เป็นปัจจัยที่สำคัญไม่แพ้กัน แต่ในการชำระหนี้หลายครั้งก็เกิดเหตุที่ทำให้ไม่สามารถใช้หนี้ต่อได้ จึงทำให้หลายๆ คน “ติดแบล็คลิสต์” จากทางสถาบันการเงิน แต่ถ้าเราติดแบล็คลิสต์แล้วเกิดอยากจะกู้ซื้อบ้านล่ะ … จะสามารถทำได้ไหม? มีวิธีการอย่างไรบ้าง?

แบล็คลิสต์” หมายความว่าอย่างไร

      ในขั้นตอนการยื่นเอกสาร ผู้ยื่นกู้จะต้องลงลายมือชื่อเพื่อยินยอมในการตรวจสอบประวัติการชำระหนี้ ที่ทาง “เครดิตบูโร” ทำการรวบรวมรักษาไว้ และส่งให้กับสถาบันทางการเงินเมื่อถูกขอข้อมูล 

เมื่อธนาคารพิจารณาและพบประวัติการชำระหนี้ที่ไม่ดี หรือมีหนี้หลงเหลือค้างชำระ ธนาคารจึงไม่สามารถอนุมัติการยื่นกู้ได้นั่นเอง

จึงเป็นเหตุให้ผู้ที่ไม่ผ่านการอนุมัติคิดว่าตัวเองถูกบันทึกชื่อในลงใน แบล็คลิสต์ นั่นเอง แต่ความจริงแล้วคำนี้เป็นเพียงคำที่คนพูดต่อ ๆ กันมา สิ่งที่ธนาคารทำมีเพียงแค่ตรวจสอบประวัติการชำระหนี้จากเครดิตบูโรเพื่อนำมาพิจารณาเท่านั้น 

หากจะพูดให้เข้าใจง่ายๆ แบล็คลิสต์ ก็คือ ผู้ที่มีประวัติการชำระหนี้ที่ไม่ดี นั่นเอง

เครดิตบูโร” คืออะไร

“บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด” หรือที่รู้จักกันดีในนาม “เครดิตบูโร” เป็นผู้ทำหน้าที่ในการจัดการรวบรวมข้อมูลสินเชื่อ และประวัติการชำระสินเชื่อทุกประเภทไว้ในระบบฐานข้อมูลของบริษัท และจะปรากฏในรายงานข้อมูลเครดิตเมื่อมีผู้ประสงค์เรียกดูข้อมูล 2 ส่วน คือ

ข้อมูลบ่งชี้ข้อมูลบ่งชี้  คือ ข้อมูลที่บ่งบอกถึงสถานะลูกค้า หรือตัวบุคคล ได้แก่ ชื่อ – นามสกุล, ที่อยู่, เลขประจำตัวประชาชน และวันเดือนปีเกิด ส่วนกรณีที่เป็นนิติบุคคลจะเป็น ชื่อ สถานที่ตั้ง และเลขทะเบียนนิติบุคคล

ข้อมูลสินเชื่อ คือ ข้อมูลเกี่ยวกับสินเชื่อที่ได้รับการอนุมัติ, สถานะของบัญชี เช่น ปกติ พักชำระหนี้ ค้างชำระหนี้ รวมถึงประวัติการชำระหนี้ที่ผ่านมา เช่น การชำระที่ตรงเวลา หรือล่าช้า ผิดนัดชำระ

ดังนั้นธนาคารจึงสามารถตรวจสอบและพิจารณาเครดิตของผู้ยื่นกู้โดยละเอียดได้อย่างง่ายดาย เมื่อข้อมูลเหล่านี้เป็นที่แน่ชัด ธนาคารพบประวัติที่ไม่ดีก็สามารถเลือกที่จะไม่อนุมัติได้ทันที 

ติดแบล็คลิสต์แล้วซื้อบ้านได้ไหม

คำถามยอดฮิตที่หลายคนสงสัย เป็นที่ทราบกันดีว่าทางธนาคารจะประเมินประวัติทางการเงินของผู้ยื่นกู้ก่อนเสมอ ซึ่งถ้าประวัติของผู้ยื่นกู้มีปัญหา ธนาคารจะตีว่าเราไม่มีวินัยในการชำระหนี้สินมากพอ และยังไม่พร้อมสำหรับการกู้บ้านในครั้งนี้ จึงเป็นเหตุที่ทำให้เราไม่ได้รับการอนุมัติ

หมายความว่าขณะที่คุณกำลัง “ติดแบล็คลิสต์” จะยังไม่สามารถกู้สินเชื่อเพื่อซื้อบ้านได้ … ดังนั้น ทางเดียวที่จะทำให้สามารถมีโอกาสกู้ผ่านได้ คือต้อง จัดการหนี้เก่าให้หมด เสียก่อน 

 

เคลียร์หนี้ทั้งหมดแล้วกู้ซื้อได้ทันทีเลยหรือไม่?

แม้ว่าจะสามารถชำระหนี้สินค้างชำระได้ทั้งหมดแล้ว ประวัติเสียของคุณก็จะยังคงอยู่ในระบบต่อไปอีก 2 ปี ข้อมูลการชำระหนี้ที่ไม่ดีของคุณจึงจะหายไป โดยระหว่างนี้ให้คุณเพิ่มความน่าเชื่อถือของประวัติทางการเงินให้ดูดียิ่งขึ้นเพื่อเพิ่มโอกาสในการกู้ ดังนี้ 

1.เดินบัญชีธนาคารอย่างสม่ำเสมอ มีรายการเงินเข้าเงินออกเป็นประจำ 

2.ปิดบัญชีบัตรเครดิตต่างๆ ที่ไม่ได้ใช้ เพื่อให้เห็นถึงวินัยในการใช้จ่ายเฉพาะที่จำเป็น 

3.มีเงินเก็บภายในบัญชีมากระดับหนึ่ง

4.รักษาประวัติการผ่อนชำระรายการอื่นๆ ที่ยังมีอยู่ให้สม่ำเสมอ

แม้ว่าคุณจะจัดอยู่ในกลุ่มคนที่มีเครดิตการชำระหนี้แย่ แต่หากมีการปรับพฤติกรรมการใช้เงินที่ดีขึ้นกว่าเดิม และมีความน่าเชื่อถือเพียงพอที่จะรับผิดชอบสินเชื่อนี้ได้ ในช่วง 2 ปีหลังจากนี้ ธนาคารจะพร้อมจะพิจารณาให้สินเชื่อกับคุณได้อีกครั้ง

>>>>>>>> ค้นหาบ้าน-คอนโดฯมือสอง ง่ายๆ คลิก 

ประกาศขาย บ้าน-คอนโดฯ มือสอ คลิก