สั่งรับมือ 'ต่างด้าว' ทะลักไทย ค้านปิดเมือง รัฐฯทุ่มงบ 600 ล้าน ซื้อวัคซีน ม.ออกฟอร์ด
กำชับทุกฝ่าย เตรียมรับมือแรงงานต่างด้าวทะลักเข้าไทย หลังคลายล็อกเฟส 6 กำชับเอกชนให้ความร่วมมือ ด้านสธ.มั่นใจระบาดระลอก 2 เฉพาะจุด พร้อมแนะคุมเข้มมาตรการรายพื้นที่-ค้านปิดเมือง เผยรัฐบาลเล็งทุ่มงบ 600 ล้าน ซื้อวัคซีนจากมหาวิทยาลัยออกฟอร์ด
ความคืบหน้าการคลายล็อกมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในเฟส6 ที่จะมีการเปิดรับนักท่องเที่ยวและแรงงานต่างด้าวบางกลุ่มเดินทางเข้ามาในประเทศ วานนี้(23 ก.ค.)พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม แถลงภายหลังการประชุมหัวหน้าส่วนราชการกระทรวงการต่างประเทศว่า สำหรับระยะต่อไปเป็นการเตรียมการเปิดโรงงานรับแรงงานต่างด้าว ซึ่งจะต้องมีมาตรฐานในการคัดกรอง ความร่วมมือจากภาคเอกชนที่มีความต้องการแรงงาน เพราะหลายอย่างรัฐบาลรับเองไม่ไหว ดังนั้น ต้องช่วยกัน ตนได้ให้แนวทางไปแล้ว เมื่อไหร่ อย่างไร เดี๋ยวค่อยว่ากันอีกที
“เราต้องเตรียมความพร้อมการรองรับคน โดยจะรับคนแต่ไม่รับโรคโควิด-19 เข้ามา หลายคนต้องช่วยกัน ทุกคนต้องติดตามมาตรการของภาครัฐเพื่อจะได้มีส่วนร่วมในมาตรการของรัฐบาล และเจ้าหน้าที่เพื่อลดความขัดแย้ง ใครจะทำผิดทำถูกอย่างไรประชาชนรู้ บางครั้งรัฐบาลกำชับไปก็ขึ้นอยู่กับการมีส่วนร่วม จะได้ประโยชน์หรือเสียประโยชน์มันต้องร่วมกัน ไม่เช่นนั้นจะมีความเสี่ยงที่จะเสียมากกว่าได้ อย่าลืมว่าวันนี้รัฐบาลให้ความสำคัญเรื่องเศรษฐกิจพร้อมๆ กับสุขภาพ ซึ่งสุขภาพเราทำได้ดีมากในขณะนี้” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
วันนี้ต้องทำงานแบบนิวนอร์มอล เร่งรัดสร้างการรับรู้ ช่องทางการสื่อสาร สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่รัฐบาลฝ่ายเดียวที่จะเป็นผู้กำหนด เพราะจะทำให้เกิดความขัดแย้ง หลายอย่างรัฐบาลพยายามทำ ขึ้นอยู่กับความร่วมมือของประชาชน แต่ภาครัฐจะต้องทำให้ดีที่สุดให้ประชาชนเห็น ถ้าจ้องแต่โครงการใหญ่ๆอย่างเดียว โดยไม่ดูพื้นฐานเล็กๆ น้อยๆ ก็จะทำให้โครงการใหญ่เกิดไม่ได้ ส่งผลกระทบให้โครงการพื้นฐานเล็กๆ ทำไมได้ด้วย
“ข้อสำคัญการจะทำอะไรก็ตามจะต้องได้รับการยอมรับจากคนในพื้นที่ โดยผู้ว่าราชการจังหวัดจะต้องบริหารจัดการพื้นที่ข้างล่างร่วมกับท้องถิ่นและประชาชน เพื่อให้สิ่งต่างๆ ตรงความต้องการของประชาชน ฟื้นฟูเศรษฐกิจเหล่านี้ให้ได้ และต้องมองในส่วนของผู้ประกอบการ นักธุรกิจด้วย ไม่ใช่ว่าดูแลคนรวยคนจน มันไม่ใช่ เป็นคนละมิติกัน สิ่งสำคัญต้องทำให้เกิดการจ้างงานมากยิ่งขึ้น และไม่ทำให้เขาล้มละลาย แต่จะมากน้อยขึ้นอยู่กับงบประมาณที่มีอยู่”
ขอย้ำว่างบประมาณที่ได้มาจากการจัดเก็บรายได้ของประเทศ ช่วงนี้การจัดงบประมาณเป็นงบฟื้นฟูที่มาจากเงินกู้จะต้องผ่อนชำระเขา ถ้าเราไม่ร่วมฟื้นฟูกันในตอนนี้ บ้านเมืองไม่มีเสถียรภาพแล้วจะหาเงินจากไหน ในวันข้างหน้าทั้งการขับเคลื่อนประจำปีและแผนงานระยะยาว
สธ.มั่นใจระบาดระลอก2เฉพาะจุด
ด้านนพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข(สธ.)กล่าวว่า หลังมีการผ่อนปรนระยะต่างๆภาคสังคมและภาคกิจการก็จะมีการดำเนินกิจการกิจกรรมมากขึ้น แต่ที่สำคัญแม้ว่าสถานการณ์ในประเทศจะดีแต่ทั่วโลกยังมีปัญหา เพราะฉะนั้นสิ่งที่ต้องดำเนินการควบคู่กับการผ่อนปรนเพื่อให้เศรษฐกิจสังคมขับเคลื่อน คือการดำเนินการแบบวิถีชีวิตใหม่
ส่วนการระบาดระลอกที่ 2 หากเกิดขึ้นจะไม่มีลักษณะเหมือนระลอกที่ 1 ด้วยปัจจัย 3 ข้อ คือ 1.ไม่ได้ปล่อยให้ผู้คนเดินทางเข้าประเทศโดยไม่ได้จัดการ 2.ในระลอกที่1 ผู้คนทั้งสังคมยังไม่มีการดำเนินการเรื่องมาตรการ สวมหน้ากาก ล้างมือ เว้นระยะห่างเท่าที่ควร แต่ปัจจุบันประชาชนส่วนใหญ่มากกว่า 80 % ดำเนินการ และ 3.การเตรียมความพร้อมและประสบการณ์ทั้งของภาครัฐ เอกชน และประชาชน ที่มีการบูรณาการและเตรียมทรัพยากรไว้
“หมายความว่าระลอกที่ 2 มีโอกาสเกิดการติดเชื้อภายในประเทศ แต่จะเป็นแบบจุดๆ เหมือนสะเก็ดไฟที่เกิดขึ้น และเชื่อว่าด้วยความพร้อม เมื่อเจอเกิดขึ้นก็จะมีการเข้าไปดับได้ทัน หรือบางครั้งอาจจะลามได้ แต่เชื่อว่าด้วยมาตรการต่างๆจะจัดการได้ เพราะฉะนั้นเมื่อยืนยันว่าจัดการได้ ยืนยันในการใช้ชีวิตทางสังคมและเศรษฐกิจ เพียงแต่ต้องใช้ในวิถีชีวิตใหม่ที่ไม่เหมือนเดิม ”นพ.สุวรรณชัยกล่าว
ค้านล็อกดาวน์ทั่วปท.รออบ2
ส่วนนพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ รองปลัดสธ. กล่าวว่า การตั้งเป้าว่าประเทศไทยไม่มีผู้ป่วยเลยจนกว่าจะมีวัคซีนนั้นเป็นสิ่งไม่ถูกต้อง เพราะทั่วโลกมีการระบาดอยู่จำนวนมาก และท้ายที่สุดเป็นไปได้ที่จะมีการระบาดในประเทศไทย แต่จะต้องคุมการระบาดให้อยู่ในระดับที่จัดการได้ เมื่อมีผู้ติดเชื้อเกิดขึ้นก็ต้องดูแลควบคุมให้โรคสงบโดยเร็ว และหากจำเป็นต้องล็อกดาวน์ก็เลือกเฉพาะบางที่ บางแห่ง ไม่ใช่ทำทั่วประเทศ เหมือนกับที่จ.ระยองซึ่งเป็นโมเดล และเชื่อว่าจะได้รับความร่วมมือจากสถานประกอบการต่างๆเป็นอย่างดี เพราะไม่ต้องการให้เกิดการระบาดในสถานประกอบการแน่นอน
“คาดการว่าหากมีการระบาดระลอก2 เกิดขึ้นในประเทศไทยจะเป็นแบบเตี้ยๆ และจัดการให้สงบได้ จัดการให้ดีที่สุดไม่ให้เป็นแบบยออดเจดีย์แหลมและมีคนตายเป็นเบือ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องด้วยความร่วมมือของประชาชนและทุกภาคส่วนด้วย”นพ.ศุภกิจกล่าว
ทุ่ม600ล้านซื้อวัคซีนออกฟอร์ด
วันเดียวกันนายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข กล่าวในการแถลงข่าวโครงการ “พักระยองอุ่นใจ รับฟรีความคุ้มครองโควิด-19 ” ว่า ขณะนี้มีวิจัยวัคซีนหลายตัวในโลกที่มีความก้าวหน้า ที่มีความหวังเริ่มทดลองในคนคือมหาวิทยาลัยออกฟอร์ด ซึ่งทางรัฐบาลได้ตั้งงบประมาณ 600 ล้านบาท มีนพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร อดีตรมว.สธ.เจรจาขอซื้อ ซึ่งทราบว่าตอนนี้ทางเกาหลีก็พยายามเจรจาอยู่เช่นกัน ส่วนของไทยมีการพัฒนาอยู่หลายตัว ที่มีความก้าวหน้ามากคือที่พัฒนาโดยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งผ่านการทดลองในลิงแล้ว คาดว่าเร็วสุดน่าจะประมาณกลางปีหน้า
“เข้าใจว่าหลายคนตื่นตระหนก แต่เราจะอยู่กับความตระหนกแบบนี้ไม่ได้ ทางด้านการแพทย์สาธารณสุขของเรามีความพร้อมทั่วประเทศ เฉพาะในกรุงเทพฯ มีศักยภาพรองรับผู้ป่วยไม่ต่ำกว่า 150 คนต่อวัน เราต้องรู้ก่อนว่าตอนนี้ โรคนี้มีเพียงประมาณ 35% ที่มีอาการ และมี 5% ที่อาการรุนแรง ส่วนอัตราการเสียชีวิตเฉลี่ย 2% ถ้าเทียบแล้วไข้เลือดออก และอุบัติเหตุมีอัตราการเสียชีวิตเยอะกว่า แต่ประเด็นสำคัญคือโรคโควิด-19 เป็นโรคระบาด จึงต้องมีมาตรการควบคุม ป้องกันอย่างเข้มข้นจนกว่าจะมีวัคซีนป้องกันใช้”นายสาธิตกล่าว
ทหารกลับจากสหรัฐไข้สูง10คน
วันเดียวกันพญ.พรรณประภา ยงค์ตระกูล ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 (โควิด-19)แถลงถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดว่ามีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม8รายอยู่ในสถานกักกันของรัฐเดินทางกลับมาจากอียิปต์4รายซูดาน2รายและสหรัฐอเมริกา2รายทำให้มีตัวเลขผู้ป่วยสะสม3,269รายส่วนผู้ที่รักษาหายแล้ว3,105รายขณะผู้ที่รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล106รายและผู้เสียชีวิตเท่าเดิมที่58ราย
ด้านพล.อ.ณฐพนธ์ ศรีสวัสดิ์ ที่ปรึกษาพิเศษกองทัพบก ในฐานะผอ.ศบค.ทบ. เปิดเผยกรณีที่วันที่22ก.ค. มีทหารกองร้อยทหารราบกำลังผสม จากกองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 3 และนักเรียนนายร้อย จปร. ชั้นปีที่ 5 รวมจำนวน 151 นาย ได้เดินทางกลับจากการฝึกผสม ที่ค่ายทหารสกอร์ฟิลด์ มลรัฐฮาวาย สหรัฐอเมริกาว่าจำนวนนี้พบมีไข้ 10 นาย และอีก 1 นายมีอาการบาดเจ็บนิ้วหัก จากการฝึก ต้องได้รับการผ่าตัด จึงส่งเข้าโรงพยาบาลพระมงกุฎในคราวเดียว เพื่อตรวจหาเชื้อโควิด-19 อย่างละเอียด
โดยทหารทั้งหมดที่เข้าตรวจหาเชื้อโควิด-19 ได้ถูกแยกตัวออกจากผู้ป่วยทั่วไป จึงขอให้ประชาชนสบายใจได้ ทั้งนี้ทหารทั้ง11คนได้รับการตรวจหาเชื้อแล้วและคาดจะทราบผลวันนี้ โดยโรงพยาบาลจะรายงานผลส่งตรงไปยัง ศบค.ทันที หากพบว่ามีทหารติดเชื้อโควิด-19 ไม่มีปิดบังข้อมูลเว้นแต่รายชื่อของผู้ที่ป่วยเท่านั้นที่ไม่เปิดเผย
ส่วนผู้ผ่านการตรวจคัดกรองคณะนายทหารจากกองทัพบก และกรมแพทย์ทหารบก ได้พาไปกักตัวที่โรงแรมแอมบาสซาเดอร์ซิตี้ จอมเทียน จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นสถานที่ควบคุมแห่งรัฐโดยยืนยันว่าไม่มีการแวะพักที่ใดและปฏิบัติตามมาตรการของศบค.และกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัดเช่นกัน
SOURCE : www.bangkokbiznews.com