โนเบิล มั่นใจเศรษฐกิจไทยหลังโควิด-19 เปิด 3 โครงการใหม่ มูลค่ารวมกว่า 5,000 ล้านบาท ตอกย้ำความสำเร็จแบรนด์ NUE บนทำเลศักยภาพติดรถไฟฟ้าทั่วกรุงเทพฯ
โนเบิล มั่นใจเศรษฐกิจไทยหลังโควิด-19 เปิด 3 โครงการใหม่ มูลค่ารวมกว่า 5,000 ล้านบาท ตอกย้ำความสำเร็จแบรนด์ NUE บนทำเลศักยภาพติดรถไฟฟ้าทั่วกรุงเทพฯ
บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) เดินหน้าสานต่อความสำเร็จแบรนด์ NUE ที่เน้นเจาะตลาดกลุ่มเป้าหมายใหม่ ด้วยราคาต่อยูนิตที่ประมาณ 2-3 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นช่วงราคาที่จับต้องได้และตอบรับกับกำลังซื้อของกลุ่มเป้าหมายเป็นอย่างดี โดยแบรนด์ NUE เป็นโครงการคอนโดมิเนียมที่ตั้งอยู่บนทำเลที่เป็นศูนย์กลางในย่านเมืองใหม่ หรือ New Urban Epicenter ตามแนวรถไฟฟ้าเส้นหลักและส่วนต่อขยายทั่วกรุงเทพฯ นับเป็นแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2561 กับการเปิดตัว นิว โนเบิล แจ้งวัฒนะ (NUE NOBLE CHAENGWATTANA) เป็นโครงการแรก ตามด้วยนิว โนเบิล ศรีนครินทร์-ลาซาล (NUE NOBLE SRINAKARIN-LASALLE) เมื่อปลายปี 2562 ที่กวาดยอดขายอย่างถล่มทลายตั้งแต่รอบพรีเซล โดยภายในครึ่งหลังของปี 2563 นี้ บริษัทฯ พร้อมเดินหน้าดัน 3 โครงการคอนโดมิเนียมใหม่ภายใต้แบรนด์ NUE ได้แก่ “นิว โนเบิล งามวงศ์วาน” (NUE NOBLE NGAMWONGWAN) ติดรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำตาล สถานีจุฬาเกษม เชื่อมต่อรถไฟฟ้า 5 สาย ซึ่งได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดีจากการเปิดจองรอบพิเศษที่สำนักงานขายและรอบจองออนไลน์ที่ผ่านมา, “นิว โนเบิล รัชดา – ลาดพร้าว” (NUE NOBLE RATCHADA – LAT PHRAO) ติดรถไฟฟ้าทั้งบนดินและใต้ดิน และ “นิว โนเบิล ไฟฉาย – วังหลัง” (NUE NOBLE FAI CHAI - WANG LANG) ติดรถไฟฟ้าสถานีไฟฉาย ทั้ง 3 โครงการเน้นชูจุดเด่นดีไซน์คอนโดห้องหน้ากว้าง ส่วนกลางจัดเต็ม ในราคาที่จับต้องได้
คุณอรัฐ เศวตะทัต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานพัฒนาธุรกิจ บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “นิว โนเบิล งามวงศ์วาน” (NUE NOBLE NGAMWONGWAN) ประสบความสำเร็จจากการเปิดจองรอบพิเศษที่สำนักงานขายและรอบจองออนไลน์โดยสามารถกวาดยอดขายแล้วมากกว่า 50% จากมูลค่าโครงการทั้งหมด 1,800 ล้านบาทจากกลุ่มลูกค้าภายในประเทศ ภายในระยะเวลาเพียง 3 สัปดาห์หลังจากเปิดตัว โดยลูกค้ากลุ่มนี้ได้ชำระเงินทำสัญญาพร้อมเงินจองเป็นที่เรียบร้อย พร้อมคาดการณ์ว่าจะสร้างยอดขายจากกลุ่มลูกค้าต่างประเทศได้อีกกว่า 20% และมั่นใจว่าจะสามารถทำยอดขายรวมได้ประมาณ 70 % เร็วๆ นี้ ซึ่งเกินจากเป้าหมายที่บริษัทฯ ได้ตั้งไว้ ทั้งนี้ด้วยศักยภาพของทำเลที่ติดรถไฟฟ้า MRT สถานีจุฬาเกษม เชื่อมต่อรถไฟฟ้า 5 สายได้แก่ สีน้ำตาล สีม่วง สีชมพู สีแดง และสีเขียว ทำให้เป็นทำเลที่โดดเด่นที่สุดในย่านงามวงศ์วานเพราะเป็นศูนย์กลางการเดินทางและเหมาะแก่การอยู่อาศัยที่สะดวกสบาย ตอบโจทย์ทุกความต้องการ ทั้งการซื้อเพื่ออยู่เอง ลงทุน และปล่อยเช่า ในราคาเริ่มต้นเพียง 1.59 ล้านบาท*”
ด้วยผลตอบรับที่ดีจากตลาด บริษัทฯ ได้ทำการเปิดตัวคอนโดมิเนียมแบรนด์ NUE อย่างต่อเนื่องอีก 2 ทำเล ที่ใจกลางย่านรัชดา-ลาดพร้าว และสี่แยกไฟฉาย สำหรับโครงการ “นิว โนเบิล รัชดา – ลาดพร้าว” (NUE NOBLE RATCHADA – LAT PHRAO) ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา คุณธีรพล วรนิธิพงศ์ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานพัฒนาธุรกิจ บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ได้กล่าวว่า “โครงการนี้เป็นโครงการแรกที่โนเบิลฯ ร่วมมือกับ บริษัท ยู ซิตี้ จำกัด (มหาชน) ในกลุ่ม บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) โดยแต่ละฝ่ายได้ลงทุนในอัตราส่วน 50% เพื่อร่วมทุนพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์โดยมีมูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท บริษัทฯ มั่นใจว่าจะสามารถเติมเต็มทุกความต้องการของชีวิตคนเมืองได้อย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยทำเลที่ตั้งอยู่ใจกลางย่านรัชดา - ลาดพร้าว ติดกับรถไฟฟ้าใต้ดินสายสีน้ำเงิน สถานีลาดพร้าว และรถไฟฟ้าสายสีเหลือง สถานีรัชดา ซึ่งเตรียมเปิดให้บริการเต็มรูปแบบภายในปี 2565 ก่อนโครงการสร้างเสร็จ พร้อมชูจุดเด่นของโครงการ NUE คือแบบแปลนห้องหน้ากว้าง เน้นความโล่ง โปร่ง สบาย และฟังก์ชันการใช้งานที่ครบครัน พร้อมพื้นที่ส่วนกลางที่หลากหลายครอบคลุมพื้นที่กว่า 3,000 ตร.ม. เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนเมืองรุ่นใหม่” ทั้งนี้ โครงการนิว โนเบิล รัชดา – ลาดพร้าวเปิดรอบพิเศษให้ชมห้องตัวอย่างที่สำนักงานขายและจองยูนิตสวยก่อนใคร วันนี้ ในราคาเริ่มต้นเพียง 2.39 ล้านบาท* พร้อมเตรียมรับข้อเสนอสุดพิเศษ จองเลย! คืนได้! หายห่วง!* สำหรับรอบ Online Booking ในวันที่ 16 สิงหาคมนี้ เพียงวันเดียวเท่านั้น
สำหรับ นิว โนเบิล ไฟฉาย – วังหลัง” (NUE NOBLE FAI CHAI - WANG LANG) ที่เตรียมเปิดตัวกลางเดือนสิงหาคมนี้ เป็นโครงการคอนโดมิเนียม High-Rise แห่งแรกของโนเบิลฯ ในพื้นที่ฝั่งธนบุรี มูลค่าโครงการ 1,200 ล้านบาท บนทำเลใจกลางแยกไฟฉาย - วังหลัง เพียง 80 เมตรจากสถานีไฟฉาย ซึ่งเป็นส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงบางซื่อ – ท่าพระ ที่เชื่อมฝั่งธนบุรีและฝั่งพระนครเข้าด้วยกัน อีกทั้งยังรายล้อมไปด้วยแหล่งอำนวยความสะดวกมากมาย อาทิเช่น มหาวิทยาลัย โรงพยาบาล ห้างสรรพสินค้า และยังอยู่ไม่ไกลจากย่านตลาดวังหลังอันเลื่องชื่อเรื่องของกินและแหล่งช้อปปิ้ง จากตรงนี้ยังสามารถนั่งเรือข้ามฟากไปยังท่าเตียนหรือท่าพระอาทิตย์ เพื่อสัมผัสมนต์เสน่ห์ริมแม่น้ำของกรุงเทพฯ ได้ไม่ยาก นับว่าเป็นทำเลศักยภาพที่ผสมผสานความเป็นชุมชนเก่าและความสะดวกสบายแบบคนเมืองไว้ได้อย่างลงตัว บริษัทฯ มั่นใจว่าด้วยศักยภาพของทำเลและคุณภาพของโครงการ “นิว โนเบิล ไฟฉาย – วังหลัง” จะเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จของแบรนด์ NUE ที่ได้รับกระแสตอบรับที่ดีเยี่ยมจากกลุ่มลูกค้าทั้งในไทยและต่างประเทศ
บริษัทฯ เชื่อมั่นว่าทั้ง 3 โครงการใหม่จากแบรนด์ NUE จะสามารถตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายใหม่ที่มีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยบนทำเลศักยภาพติดรถไฟฟ้า ใกล้สิ่งอำนวยความสะดวก ซึ่งตอบโจทย์การใช้ชีวิตและการลงทุน โดยในปี 2564 ทางบริษัทฯ วางแผนเตรียมเปิดตัวคอนโดมิเนียมแบรนด์ NUE เพิ่มอีกอย่างน้อย 3 โครงการ เพื่อรุกตลาดกลุ่มเป้าหมาย NUE และขยายโครงการอย่างต่อเนื่อง คุณอรรถวิทย์ เฉลิมทรัพยากร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการเงิน บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวเสริมว่า “บริษัทฯ เชื่อมั่นว่าจะสามารถสร้างรายได้ทั้งปีได้มากกว่า 10,000 ล้านบาท จากการทยอยรับรู้รายได้จากโครงการที่สร้างแล้วเสร็จพร้อมโอนมูลค่ากว่า 8,600 ล้านบาท และการขายยูนิตเพิ่มจากโครงการที่สร้างเสร็จอีกเพียง 1,400 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯ มียอดขายรอโอน (backlog) มากกว่า 15,000 ล้านที่จะทยอยรับรู้ภายใน 3 ปีข้างหน้า”
เกี่ยวกับบริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน)
บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ก่อตั้งในปีพ.ศ. 2534 และได้ดำเนินการด้วยความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง มาเกือบ 3 ทศวรรษ โนเบิล ได้เข้าเป็นบริษัทจดทะเบียนของตลาดหลักทรัพย์ในประเทศไทยในปีพ.ศ. 2540 ภายใต้ชื่อ Stock Quote ว่า NOBLE โดยดำเนินธุรกิจหลัก คือ ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัย ในรูปแบบที่หลากหลายอันได้แก่ บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ อาคารชุดพักอาศัย ทั้งแนวราบและแนวสูง โดยมุ่งเน้นการนำเสนอแนวคิดในการอยู่อาศัยรูปแบบใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายเป็นทางเลือกทางใหม่ให้แก่ผู้บริโภค ทุกโครงการของโนเบิล คือ ภาพสะท้อนแนวคิดและปฏิญญาที่บุคลากรทุกคนยึดถือ ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ในการออกแบบที่อยู่อาศัยอันเป็นเอกลักษณ์ที่ตอบสนองความต้องการ และรูปแบบการใช้ชีวิตในโลกยุคปัจจุบัน