เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ อินดัสเทรียล (ประเทศไทย) ประเดิมโปรเจ็กต์ใหม่

พัฒนาคลังสินค้าระดับภูมิภาคขนาด 34,000 ตร.ม. ให้ ไทยเบฟเวอเรจ โลจิสติก (TBL) ด้วยสัญญาระยะยาวถึง 10 ปี

 

  • เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ อินดัสเทรียล (ประเทศไทย) หรือ FPIT ปักหมุดความสำเร็จครั้งใหม่หลังทำสัญญาเช่าคลังสินค้านาน 10 ปีกับไทยเบฟเวอเรจ โลจิสติก การันตีความเชื่อมั่นขององค์กรธุรกิจชั้นนำของเมืองไทยที่มีต่อ FPIT ในฐานะพันธมิตรเชิงกลยุทธ์
  • ความร่วมมือระหว่างสองบริษัทยักษ์ใหญ่ ช่วยเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันทางธุรกิจด้วยความแข็งแกร่งทางด้านโลจิสติกส์ที่แข็งแกร่งและเปี่ยมประสิทธิภาพครอบคลุมทุกพื้นที่ในประเทศไทย 
  • คลังสินค้าแบบสร้างตามความต้องการแห่งใหม่ พื้นที่กว่า 34,000 ตร.ม. นี้ ตั้งอยู่ใน เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โลจิสติกส์ พาร์ค (วังน้อย 2) จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นพื้นที่เชิงยุทธศาสตร์ทั้งด้านการผลิตและห่วงโซ่อุปทานอีก ทั้งยังเป็นเกตเวย์หลักในการขนส่งสินค้าไปยังภาคกลาง ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย
  • ยกระดับพื้นที่กว่า 40 ไร่ให้กลายเป็นศูนย์กระจายสินค้าระดับภูมิภาคแห่งใหม่สำหรับผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มในกลุ่มไทยเบฟ ผู้นำเครื่องดื่มครบวงจรชั้นนำในภูมิภาคอาเซียนกำหนดก่อสร้างแล้วเสร็จภายในไตรมาส 3 ปี 2564

กรุงเทพฯ 17 มีนาคม 2564

บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ อินดัสเทรียล (ประเทศไทย) จำกัด หรือ “FPIT” ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรมสมัยใหม่ชั้นนำของเมืองไทย ภายใต้เครือบริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ “FPT” เตรียมก่อสร้างศูนย์กระจายสินค้าระดับภูมิภาคแห่งใหม่ (Regional Distribution Centre หรือ RDC) ที่จะพัฒนาขึ้นตามความต้องการของ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ โลจิสติก จำกัด (“TBL”) ซึ่งเป็นบริษัทผู้บริหารโลจิสติกส์ในเครือบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) (“ไทยเบฟ”) โดยจะเป็นการเช่าระยะยาว 10 ปี ถือเป็นการมอบความไว้วางใจในการร่วมมือระยะยาวกับ FPIT ในฐานะพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ผู้ให้บริการโซลูชั่นครบวงจรสำหรับธุรกิจอุตสาหกรรมชั้นนำของเมืองไทย

นายโสภณ ราชรักษา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ อินดัสเทรียล (ประเทศไทย) กล่าวว่า “เรารู้สึกยินดีที่ไทยเบฟเวอเรจ โลจิสติก มอบความเชื่อมั่นและความไว้วางใจแก่ FPIT ในฐานะพันธมิตรหลักเชิงกลยุทธ์เพื่อพัฒนาศูนย์กระจายสินค้าที่มีประสิทธิภาพสูงซึ่งออกแบบตามความต้องการของ TBL บนรากฐานของการพัฒนาอย่างยั่งยืน เราใส่ใจในทุกรายละเอียดเพื่อทำความเข้าใจในความต้องการทางธุรกิจของลูกค้า พร้อมวิเคราะห์โอกาสการขยายตัวของธุรกิจในอนาคตเพื่อเป็นแนวทางการออกแบบคลังสินค้าให้สามารถเพิ่มพื้นที่จัดเก็บสินค้าได้สูงสุด ตลอดจนเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการสินค้า การบริหารทรัพยากรบุคคล และการบริหารต้นทุนได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ สนองตอบการทำงานและรูปแบบการหมุนเวียนสินค้าที่รวดเร็วของ TBL ในขณะเดียวกันยังสามารถควบคุมคุณภาพสินค้าคงคลัง ได้อย่างดีเยี่ยม”

หลังจากปีที่แล้ว FPIT ได้ส่งมอบศูนย์กระจายสินค้าแบบสร้างตามความต้องการไปมากกว่า 100,000 ตารางเมตรในพื้นที่ย่านบางพลี ซึ่งรวมไปถึงคลังสินค้าควบคุมอุณหภูมิให้กับฮาวี ลอจิสติกส์ ประเทศไทย และคลังสินค้าที่รองรับการเติบโตของตลาดค้าปลีกให้กับแบรนด์รีเทลชั้นนำในคอนเซ็ปต์ Omnichannel  FPIT จึงได้เดินหน้าต่อเพื่อนำความเชี่ยวชาญในการออกแบบคลังสินค้าภายใต้แนวคิด ‘สถาปัตยกรรมที่คำนึงถึงผู้ใช้อาคารเป็นศูนย์กลาง’ หรือ ‘Human-Centric Architecture’ เข้ามาใช้ในการออกแบบคลังสินค้าแห่งใหม่นี้ให้กับ TBL โดยการออกแบบจะคำนึงถึงการสร้างสรรค์สภาพแวดล้อมในการทำงานที่ดี และความปลอดภัยตามมาตรฐานขั้นสูงเพื่อพนักงานของ TBL

  

ในส่วนของอาคารคลังสินค้า มีพื้นที่เปิดโล่งสูงถึง 12 เมตรทั่วอาคารรองรับระบบจัดเก็บสินค้าในแนวตั้ง พื้นอาคารรองรับน้ำหนักได้มากถึง 5 ตันต่อตารางเมตร ตลอดจนห้องชาร์จแบตเตอรี่สำหรับรถฟอร์คลิฟท์ที่แยกเป็นสัดส่วนจากโซนปฏิบัติงานเพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการทำงาน การออกแบบหลังคาขนาดใหญ่บริเวณจุดรับส่งสินค้า (Loading Bay Canopies) ที่มีขนาดกว้างเป็นพิเศษทำให้มีความยืดหยุดในการถ่ายสินค้าเข้า-ออกคลังรองรับการทำงานของรถบรรทุกทั้งแบบโหลดสินค้าจากด้านหลังและจากด้านข้างสอดรับกับรูปแบบการขนส่งสินค้าของไทยเบฟ นอกจากนี้ FPIT ได้นำประสบการณ์และเทคโนโลยีมาช่วยในการวางระบบระบายอากาศซึ่งทำให้อากาศภายในคลังสินค้าถ่ายเทได้ดีและ การออกแบบช่องแสงด้านข้างอาคาร (Translucent siding) เปิดช่องทางลมและแสงตามธรรมชาติ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าพนักงานของ TBL จะได้ปฏิบัติงานในสภาพแวดล้อมที่ดีต่อสุขภาพ 

ศูนย์กระจายสินค้าระดับภูมิภาคแห่งนี้ก่อสร้างบนพื้นที่กว่า 40 ไร่ ตั้งอยู่ในโครงการ เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โลจิสติกส์ พาร์ค (วังน้อย 2) ซึ่งได้รับการยอมรับว่าเป็นพื้นที่เชิงยุทธศาสตร์สำหรับการกระจายสินค้าอุปโภคบริโภคอาหารและเครื่องดื่ม และธุรกิจโมเดิร์นเทรดชั้นนำของประเทศ เนื่องจากมีการคมนาคมที่สะดวกสบายเชื่อมต่อทางหลวงแผ่นดินทั้งสองสายหลักคือทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1 และ 9 และเมื่อทางหลวงพิเศษสายบางปะอิน-นครราชสีมา ก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์ในปี 2564 ก็จะยิ่งเพิ่มความได้เปรียบให้ย่านวังน้อยก้าวสู่การเป็นย่านโลจิสติกส์ที่ดีที่สุดของประเทศ และศูนย์กระจายสินค้าหลักของภูมิภาคอาเซียนต่อไป