โควิดระลอก 3 ฉุดยอดโอน “ทาวน์เฮ้าส์” โซนพื้นที่สีแดงเข้ม ลดวูบ 88%
ผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในส่วนของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ยังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะฝั่งผู้บริโภคที่ตอนนี้ขาดกำลังซื้อ ไม่มั่นใจ กังวล และขอชะลอการซื้อสินทรัพย์ขนาดใหญ่ออกไปอย่างไม่มีกำหนด แม้ว่าเหล่าผู้พัฒนาอสังหาฯจะงัดกลยุทธ์ โปรโมชั่น ลด แลก แจก แถม ออกมาอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ยังไม่สามารถดึงความสนใจจากลูกค้าได้ทั้งหมด ส่วนคนที่มีเงินเก็บ กลุ่มผู้มีกำลังซื้อ ช่วงนี้ก็ถือเป็นโอกาสดีที่จะสามารถช้อนซื้อสินทรัพย์ราคาถูก พร้อมโปรโมชั่นต่างๆ ได้
ลูกค้ากลุ่มโรงงาน ขาดกำลังซื้อ ฉุดยอดโอนQ1/64 นครปฐม,สมุทรสาคร,สมุทรปราการ ลดวูบ
แน่นอนว่าเมื่อสต๊อก บ้าน-คอนโดฯ ระบายออกช้า ผลกระทบหนักจะตกไปอยู่ที่กลุ่มผู้พัฒนาอสังหาฯ ที่ต้องแบกรับต้นทุนไว้มากมาย บทวิเคราะห์ โดยสายงานสินเชื่อธุรกิจ ธนาคารเกียรตินาคินภัทร หรือ ธนาคารเกียรตินาคินภัทร ได้ทำการวิเคราะห์ถึงกลุ่มธุรกิจอสังหาฯ พบว่า การระบาดของโควิด-19 ระลอก 3 ส่งผลกระทบต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์อย่างชัดเจน โดยเฉพาะในกลุ่มกำลังซื้อที่เป็นกลุ่มตลาดโรงงาน สะท้อนจากอัตราการโอนกรรมสิทธิ์ที่ลดลงมาก ใน 3 จังหวัด คือ นครปฐม สมุทรสาคร และสมุทรปราการ
“ทาวน์เฮ้าส์” เป็นกลุ่มสินค้าที่มีอัตราการโอนกรรมสิทธิ์ลดลงสูงสุด เมื่อกับช่วงเดียวกันของปี 63 โดย จ.นครปฐม อัตราการโอนกรรมสิทธิ์ลดลงถึง 88% ขณะที่ จ.สมุทรสาคร ลดลง 45% และ จ.สมุทรปราการ ลดลง 28% ตามลำดับ ส่วนกรุงเทพฯ ลดลงราว 10% สวนทางกับสินค้าในกลุ่ม “บ้านเดี่ยว” ที่เพิ่มขึ้น 35% สะท้อนให้เห็นถึงกลุ่มลูกค้าที่ต้องการที่อยู่อาศัย (real demand) ยังคงมีการตัดสินใจซื้อและโอนกรรมสิทธิ์
ทั้งนี้ตลาดทาวน์เฮ้าส์ระดับราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท ในพื้นที่ที่กำลังซื้อหลักเป็นพนักงานในนิคมอุตสาหกรรมหรือกลุ่มโรงงาน มีโอกาสที่จะชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง จากผลกระทบโดยตรงด้านรายได้ที่ไม่แน่นอนและการระบาดของคลัสเตอร์ใหม่ในกลุ่มโรงงาน
กำลังซื้อยุคโควิด ชอบคอนโดฯไม่เกิน 2 ล้าน – บ้าน ราคา 3-10 ล้านบาท ยังไปต่อได้
สำหรับภาพรวมการเปิดโครงการใหม่พื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑลในไตรมาสแรกปีนี้ มีการเปลี่ยนแปลงลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญ โดยมีจำนวนยูนิตเปิดใหม่รวม 12,985 ยูนิต ลดลง 7,212 ยูนิต หรือลดลงราว 35% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 63 เพราะผู้ประกอบการเริ่มปรับตัวในการเปิดโครงการโดยจับกลุ่มเป้าหมายเฉพาะในกลุ่มที่ยังมีกำลังซื้อและได้รับผลกระทบไม่มากจากโควิด-19
โดยกลุ่มสินค้าที่มียูนิตเปิดขาย รายละเอียดดังนี้
- คอนโดมิเนียม มียูนิตขายใหม่เข้ามาในตลาด 5,857 ยูนิต ลดลง 15%
- ทาวน์เฮ้าส์ มียูนิตเปิดขายใหม่ 4,159 ยูนิต ลดลง 56%
- บ้านเดี่ยว มียูนิตเปิดขายใหม่ 1,274 ยูนิต ลดลง 44%
ส่วนกลุ่มสินค้าที่เปิดใหม่และขายดีในช่วงโควิดปีนี้ เป็นกลุ่มที่อยู่อาศัยในระดับราคา 3-5 ล้านบาท และกลุ่ม 5-10 ล้านบาท จากกลุ่มลูกค้าที่ยังมีกำลังซื้อไปได้ โดยกลุ่มทาวน์เฮ้าส์ เป็นสินค้าเปิดใหม่ที่ขายดีที่สุดโดยกลุ่มระดับราคาที่ขายดีเป็นช่วงระดับราคา 3-4 ล้านบาท (ทาวน์เฮ้าส์ 2 ชั้น) และระดับราคา 5-7 ล้านบาท (ทาวน์เฮ้าส์ 3 ชั้น)
ขณะที่บ้านแฝดในระดับราคา 5-7 ล้านบาทในพื้นที่เมืองรอบนอก เป็นกลุ่มสินค้าเปิดใหม่ที่น่าสนใจ เพราะมาทดแทนบ้านเดี่ยวที่ขยับราคาสูงขึ้นเป็น 8-10 ล้านบาทและบ้านแฝดมากกว่า 10 ล้านบาท โดยโซนฝั่งตะวันออกและทางเหนือของกรุงเทพฯ เช่น บางนา-ศรีนครินทร์ รามอินทรา รังสิต-ลำลูกกา (ไม่เกินแนววงแหวนตะวันออก) เป็นพื้นที่ที่โครงการทาวน์เฮ้าส์และบ้านแฝดมีการเปิดขายใหม่มากที่สุด
และกลุ่มคอนโดมิเนียมที่เปิดใหม่และขายดีมีแนวโน้มที่จะปรับราคาลดลง เป็นกลุ่มระดับราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท จากแนวโน้มการเปิดตัวโครงการใหม่และระดับราคาที่ขายดี ได้สะท้อนสัญญาณของกำลังซื้อที่เปลี่ยนแปลง ขนาดของดีมานด์ในช่วง 1 ปีข้างหน้า มีแนวโน้มหดตัว เป็นกำลังซื้อเฉพาะกลุ่ม และขยายตัวในบางพื้นที่เท่านั้น สำหรับในช่วงที่สถานการณ์โควิด-19 ยังไม่สามารถควบคุมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ขอบคุณข้อมูล : สายงานสินเชื่อธุรกิจ ธนาคารเกียรตินาคินภัทร หรือ ธนาคารเกียรตินาคินภัทร