เสนาฯ เปิดใจพร้อมปรับแผนธุรกิจรับมือ ในมหาวิกฤติโควิดป่วน
โควิด กระทบกำลังซื้อบ้าน-คอนโดฯหนัก เสนาฯ เผยทิศทางธุรกิจอสังหาฯในช่วงมรสุม พร้อมปรับกลยุทธ์ธุรกิจทุกวินาที รับมือสถานการณ์ที่คาดไม่ถึง เผยไตรมาส 3/64 เลื่อนเปิดโครงการใหม่ 4 โครงการออกไปก่อน รอดูสถานการณ์อีกครั้ง
ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า โควิด19 ระลอกนี้ ทำให้ธุรกิจเผชิญกับความท้าทายค่อนข้างมาก บริษัทจึงต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ เพราะการแพร่ระบาดโควิด-19 รอบนี้ ซึ่งมีผลกระทบหลายด้าน ทำให้การเปิดตัวโครงการใหม่ทำได้ยากขึ้น จึงจำเป็นต้องเลื่อนการเปิดตัวโครงการใหม่ ออกไปก่อน 4 โครงการ จากเดิมที่จะต้องเปิดในช่วงเดือน ส.ค.-ก.ย. นี้
ทั้งนี้ เสนาฯ จะยังคงเน้นการเปิดตัวคอนโดฯใหม่ ไปที่กลุ่มคอนโดฯต่ำล้าน “แบรนด์ เสนา คิทท์” ซึ่งสอดคล้องกับความต้องการของลูกค้า และสามารถทำยอดขายได้ดีต่อเนื่อง นอกจากนี้เสนายังมุ่งเน้นไปที่โครงการแนวราบ ตามดีมานด์ของลูกค้าในช่วงนี้
แม้ว่าภาพรวมธุรกิจจะยังไม่สู้ดีนัก และในช่วงครึ่งปีแรกจะทำยอดขายได้เพียงกว่า 3,000 ล้านบาท แต่เสนาก็ยังมุ่งมั่นที่จะทำงานในช่วงสถานการณ์โควิดนี้ อย่างเต็มกำลัง โดยยังคงเป้าหมายยอดขายในปีนี้ที่ 1.1 หมื่นล้านบาท เพราะเชื่อว่าถ้าสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายลงชัดเจนในช่วงปลายเดือน ส.ค.-ก.ย. 64 ก็คาดว่าจะเห็นการฟื้นตัวของยอดขายกลับมาอย่างก้าวกระโดด จากการเร่งเปิดตัวโครงการใหม่ก่อนสิ้นปี
ส่วนยอดโอนคาดว่ายังตามเป้าหมายที่ 10,000 ล้านบาท เพราะลูกค้าบางส่วนกังวลสถานการณ์โควิด-19 อยู่บ้าง จึงมีการชะลอการโอนออกไปก่อน โดยปัจจุบันบริษัทมีมูลค่ายอดขายรอโอน อยู่ที่ 8,000 ล้านบาท และคาดว่าจะรับรู้รายได้เข้ามาในครึ่งปีหลังราว 5,000 ล้านบาท
ด้วยสถานการณ์โควิดในประเทศที่ยังไม่แน่ไม่นอน การทำธุรกิจจึงต้องพร้อมปรับเปลี่ยนแผนตลอด จากสถานการณ์ในปีนี้ที่โรครุนแรงและเป็นเรื่องใกล้ตัวมากขึ้น รวมถึงมาตรการควบคุม ที่อาจต้องใช้เวลานาน จากตัวเลขผู้ติดเชื้อที่เพิ่มสูงขึ้นทุกวัน ซึ่งถ้าโควิดลากยาวไปถึงไตรมาส 4 ก็คงกระทบกับเป้าหมายยอดขาย-ยอดโอนของบริษัทในปีนี้ได้ ดังนั้นจึงต้องติดตามสถานการณ์อยู่ตลอด
อย่างไรก็ดี จากมหาวิกฤติโควิดทำให้ภาคธุรกิจอสังหาฯปีนี้ ถือว่าได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบครบทุกด้านทั้งมาตรการล็อกดาวน์ที่มีผลต่อ Supply Chain ทั้งระบบเศรษฐกิจ กำลังซื้อและดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคหดตัว ทำให้ผู้ประกอบการต้องระมัดระวังในการทำการตลาดหรือแม้แต่การเปิดโครงการใหม่ในช่วงเวลาที่เหลือหลังจากนี้ด้วย แต่คาดว่าการฟื้นตัวของภาคอสังหาฯ จะทยอยกลับมาฟื้นตัวในช่วงปี 65 เป็นต้นไป หากสถานการณ์โควิด-19 สามารถคลี่คลายลงได้ชัดเจนภายในสิ้นปีนี้ รวมถึงการที่มีวัคซีนโควิด-19 เข้ามาในประเทศมากขึ้น จะทำให้ภาพรวมของเศรษฐกิจกลับมาฟื้นได้ การกลับมาเปิดเมือง จะทำให้ภาคเศรษฐกิจภายในประเทศเดินหน้า และคนเริ่มกลับมาทำงานมีรายได้มากขึ้น ซึ่งจะส่งผลบวกต่อภาคอสังหาฯ ในอนาคต