ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ ชี้ไทยเปิดประเทศส่งสัญญาณบวกต่อเศรษฐกิจไทยและอสังหาฯเตรียมกลยุทธ์พร้อมรับมือ หลังไตรมาสแรกปี 65 ยังเติบโตตามเป้า
นายชูรัชฏ์ ชาครกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ (LALIN) ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์คุณภาพภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘บ้านที่ปลูกบนความตั้งใจที่ดี’ เปิดเผยว่า ในปี 2565 ยังเป็นอีกหนึ่งปีที่ไทยต้องเผชิญผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 แต่ก็ได้มีการผ่อนคลายมาตรการรับมือลงไปมาก และพร้อมประกาศเปิดประเทศตั้งแต่ต้นพฤษภาคม 2565 เป็นต้นมา เพื่อกระตุ้นภาพรวมธุรกิจท่องเที่ยวของไทยให้ฟื้นตัวหลังจากชะลอตัวมาตลอด 2 ปี เสริมด้วยภาคการส่งออกที่ส่งสัญญาณฟื้นตัวตั้งแต่ปีที่ผ่านมา ซึ่งช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตอยู่ได้ รวมถึงมาตรการของภาครัฐที่เข้ามาเยียวยาในด้านต่างๆ และกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยของภาคประชาชนผ่านมาตรการของรัฐทำให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนทางเศรษฐกิจอยู่พอสมควร
แม้ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยในปี 2565 จะยังได้รับผลกระทบจากโควิด-19 แต่ ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ ก็ยังคงเติบโตถึง 15% ทั้งยอดขายและกำไรในปีที่ผ่านมา ด้วยการวางกลยุทธ์ทางธุรกิจที่ถูกต้องและประเมินสถานการณ์ได้อย่างแม่นยำ ส่งผลให้บริษัทฯ ทำผลงานได้ตามเป้าหมาย อีกทั้งมีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง “บริษัทฯ จะยังเน้นพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์แนวราบเพื่อเจาะกลุ่ม real demand หรือกลุ่มกำลังซื้อจริงเป็นหลัก และมีการปรับกระบวนการทำงานภายในเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ โดยรวมถึงการนำระบบไอทีและเทคโนโลยีต่างๆ เข้ามาใช้ในการดำเนินธุรกิจเพื่อให้สอดรับกับไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไปของโลกด้วยกลยุทธ์ Smart Marketing เพื่อรองรับการเติบโตที่ยั่งยืนขององค์กรในอนาคต” นายชูรัชฏ์ ชาครกุล กล่าว “ในปี 2565 ถือเป็นปีที่ท้าทายยิ่งกว่า เพราะนอกจากจะได้รับผลพวงจากการระบาดของโควิด-19 แล้ว ทั่วโลกยังต้องเผชิญกับผลกระทบจากภาวะสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ควบคู่กันไปด้วย ส่งผลให้เกิดภาวะเงินเฟ้อ สินค้าปรับขึ้นราคาในวงกว้าง ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายในการดำเนินธุรกิจให้เกิดการเติบโต ด้วยการพัฒนากลยุทธ์ที่พร้อมเผชิญความท้าทาย ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จึงมั่นใจในความพร้อมที่จะรับมือกับความเสี่ยงที่มีเข้ามาในปี 2565”
“ศักยภาพด้านการคาดการณ์สถานการณ์ล่วงหน้าของบริษัทฯ ทำให้ลลิลฯ ยังสามารถบริหารราคาต้นทุนเดิมได้ ซึ่งถือเป็นจุดแข็งหลักของ ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ อีกปัจจัยที่ต้องนำมาวิเคราะห์ร่วมด้วยคือการปรับตัวสูงขึ้นของอัตราดอกเบี้ยในไทย หากมีแรงส่งจากต่างประเทศก็อาจเห็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นของดอกเบี้ยในช่วงปลายปีนี้ได้เช่นกัน”
โดยในปี 2565 บริษัทฯ ยังคงตั้งเป้าการเติบโตไว้ที่ 10% ตามแผนงานของบริษัทฯ ที่ได้ประกาศไว้เมื่อต้นปี “การดำเนินธุรกิจในอนาคตจากนี้ต้องอาศัยความรอบคอบและกลยุทธ์ที่พร้อมจะบริหารความเสี่ยงจากสภาพแวดล้อมให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งบริษัทฯ ก็ไม่ได้ปิดกั้นการขยายธุรกิจไปสู่รูปแบบอสังหาริมทรัพย์อื่นๆ แต่ต้องพิจารณาอย่างละเอียดตราบใดที่ภาพรวมเศรษฐกิจโลกยังคงผันผวน ก็ต้องนำประเด็นดังกล่าวมากำหนดเป็นปัจจัยหลักเพื่อใช้วิเคราะห์ร่วมกับการวางแผนธุรกิจของบริษัทฯ นับจากนี้” นายชูรัชฏ์ กล่าวสรุป