สิงห์ เอสเตท ปั้นธุรกิจที่อยู่อาศัย ชูเป็นตัวขับเคลื่อนรายได้หลัก เตรียมอัดฉีดเงินลงทุน 3.5 หมื่นล้าน ดันรายได้ 5 ปีข้างหน้าโตทะลุหมื่นล้าน
บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) บริษัทชั้นนำผู้พัฒนาและการลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของเมืองไทย เปิดแผนรุกตลาดกลุ่มที่อยู่อาศัยระดับไฮเอนด์เต็มสูบ เผยเตรียมงบลงทุนกว่า 35,000 ล้านบาทเพื่อการพัฒนาโครงการบนทำเลศักยภาพเยี่ยมในช่วง 5 ปีนี้ คาดฟันรายได้ไม่ต่ำกว่าหมื่นล้านบาทภายในปี 2569 พร้อมดันกลุ่มธุรกิจที่พักอาศัยระดับบนเป็นพอร์ตโฟลิโอหลักในการสร้างความเติบโต หลังประสบความสำเร็จอย่างสูงจากโครงการอสังหาฯ ที่ผ่านมา ทั้งโครงการบ้านแนวราบ "สันติบุรี เดอะ เรสซิเดนเซส" และคอนโดมิเนียมระดับลักชัวรี่อย่าง "ดิ เอส แอท สิงห์ คอมเพล็กซ์" (The ESSE at Singha Complex) และ "ดิ เอส อโศก" (The ESSE Asoke)
นางฐิติมา รุ่งขวัญศิริโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) เผยว่า “ในปีที่ผ่านมา สิงห์ เอสเตท ได้ดำเนินการปรับเปลี่ยนโครงสร้างธุรกิจที่อยู่อาศัยครั้งใหญ่ โดยทำการขายบริษัทย่อยซึ่งทำหน้าที่พัฒนาโครงการแนวราบเป็นหลักออกไป เพื่อปลดล็อคให้ สิงห์ เอสเตท เป็นผู้พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบในเครือเองทั้งหมด พร้อมกันนี้เรายังได้พัฒนากลยุทธ์การขยายธุรกิจที่เข้มแข็ง และเดินหน้าพัฒนาโครงการระดับไฮเอนด์อย่างต่อเนื่อง เพื่อมุ่งสู่เป้าหมาย 10,000 ล้านบาทในปี 2569 โดยวางสัดส่วนโครงการอสังหาฯ แนวราบต่อแนวสูงที่ 75% และ 25% ตามลำดับ สำหรับปี 2565 ยอดโอนกรรมสิทธิ์จะมาจากโครงการที่พัฒนาโดย สิงห์ เอสเตท ทั้งหมด ซึ่งเรามั่นใจว่าจะสามารถรักษาระดับและสร้างการเติบโตในส่วนของรายรับจากยอดโอนกรรมสิทธิ์ได้อย่างต่อเนื่อง ผ่านการบริการการลงทุนโครงการอันเปี่ยมประสิทธิภาพและการดำเนินงานแผนการตลาดอย่างรัดกุม ตลอดจนความสามารถในการรับรู้รายได้ของโครงการระดับแฟล็กชิปต่างๆ ของเรา”
โดยในปี 2565 สิงห์ เอสเตท สามารถรับรู้รายได้ของโครงการบ้านแนวราบ "สันติบุรี เดอะ เรสซิเดนเซส" ซึ่งมีมูลค่า Backlog อยู่ที่ 2,600 ล้านบาท โดยคาดว่าจะรับรู้รายได้ 70% ในปีนี้ รวมไปถึงการโอนกรรมสิทธิ์คอนโดพร้อมอยู่ 2 โครงการได้แก่โครงการ ดิ เอส แอท สิงห์ คอมเพล็กซ์ (The ESSE at Singha Complex) และ ดิ เอส อโศก (The ESSE Asoke) และยังสามารถรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากโครงการร่วมทุนต่างๆ อีกด้วย
“จากสัญญาณบวกของตลาด และความสามารถในการรับรู้รายได้ในปีนี้ ทำให้เราคาดว่าจะสามารถสร้างการเติบโตด้านรายได้เพิ่มขึ้นราว 50% ในปี 2565 และสร้างการเติบโตสู่เป้าหมายรายได้ในอีก 5 ปีข้างหน้ากว่า 10,000 ล้านบาท หรือขยายการเติบโตเฉลี่ยตลอด 5 ปีที่ราว 27% ต่อปี พร้อมก้าวเข้าสู่การเป็นผู้นำด้านการพัฒนาธุรกิจที่พักอาศัยระดับบน โดยมีแผนเปิดโครงการใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง อาทิ โครงการบ้านแนวราบที่กำลังจะมีการเปิดตัวในช่วงครึ่งหลังของปีมูลค่า 2,900 ล้านบาท ขณะที่โครงการอื่นๆ จะทำการทยอยเปิดตัวต่อเนื่องนับตั้งแต่ต้นปีหน้าเป็นต้นไป โดยเราวางงบลงทุนเพื่อซื้อและพัฒนาที่ดินสำหรับธุรกิจที่อยู่อาศัยเอาไว้ที่ประมาณ 35,000 ล้านหรือราว 65% ของเงินลงทุนในระยะเวลาห้าปีทั้งหมดของบริษัทฯ โดยปัจจุบันได้ทำการซื้อและวางเงินมัดจำที่ดินไปแล้วหลายแปลง จึงมั่นใจได้ว่าจะสามารถพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยบนทำเลที่มีศักยภาพ ที่ตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายของลูกค้าระดับบนได้ตามแผนการที่วางไว้ นอกจากนี้ เรายังเล็งเห็นว่ากลุ่มธุรกิจที่อยู่อาศัยเป็นอีกหนึ่งธุรกิจในพอร์ตโฟลิโอของสิงห์ เอสเตทที่มีศักยภาพสูง และจะเป็นอีกหนึ่งธุรกิจหลักในการขับเคลื่อนการเติบโตที่ยั่งยืนของบริษัทต่อไป” นางฐิติมา กล่าว