บริทาเนีย x ออริจิ้น เฮลท์แคร์ ยกระดับการพัฒนาบ้านแนวราบสู่ Wellness Community รองรับไลฟ์สไตล์วัยเกษียณและตอบสนองเทรนด์รักษ์สุขภาพ4
“บริทาเนีย” จับมือ “ออริจิ้น เฮลท์แคร์” ผสานจุดแข็งด้านความเชี่ยวชาญการพัฒนาบ้านแนวราบและบริการด้านสุขภาพ ยกระดับการพัฒนาที่อยู่อาศัยแนวราบโครงการใหม่สู่ Wellness Community ภายใต้คอนเซปต์ Longevity Service & Health fulfilment เพื่อเติมเต็มสุขภาพที่ดีและชีวิตที่ยืนยาว รองรับผู้สูงอายุและไลฟ์สไตล์ของคนยุคปัจจุบันที่จะเข้าสู่วัยเกษียณในอนาคต ตอบสนองการก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์และเทรนด์รักษ์สุขภาพในประเทศไทย
นางศุภลักษณ์ จันทร์พิทักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บริทาเนีย จำกัด (มหาชน) หรือ BRI เปิดเผยว่า จากโครงสร้างประชากรของประเทศไทยปัจจุบันที่ก้าวสู่การเป็นสังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ (Aging Society) เป็นประเทศแรกๆ ในภูมิภาคอาเซียน โดยมีสัดส่วนประชากรอายุ 65 ปีขึ้นไป เกือบ 15% ของจำนวนประชากรทั้งประเทศ ประกอบกับพฤติกรรมของคนรุ่นใหม่ที่หันมาใส่ใจการดูแลรักษาสุขภาพมากยิ่งขึ้น จึงทำให้ผู้บริโภคเริ่มให้ความสำคัญกับการเลือกซื้อที่อยู่อาศัย ที่สามารถรองรับการใช้ชีวิตวัยเกษียณของตนเองในอนาคต เช่น บ้านที่ออกแบบและมีสิ่งอำนวยความสะดวกรองรับผู้สูงอายุและการใช้ชีวิตหลังเกษียณของตนเอง, สภาพแวดล้อมภายในโครงการที่เป็นมิตรกับผู้สูงอายุ, มีพื้นที่รองรับการใช้ชีวิตกับผู้อยู่อาศัยภายในบ้านที่มีหลากหลายเจเนอเรชั่นและพื้นที่ภายในโครงการเพื่อรองรับการเข้าสังคมกับเพื่อนบ้าน เป็นต้น
ล่าสุด บริษัท บริทาเนีย จำกัด (มหาชน) และบริษัท ออริจิ้น เฮลท์แคร์ จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจให้บริการด้านสุขภาพเพื่อการดูแลด้านเวชศาสตร์การฟื้นฟูเฉพาะทาง ผนึกความร่วมมือครั้งสำคัญ นำจุดแข็งของบริทาเนียที่ให้ความสำคัญกับการออกแบบให้บริการแก่ลูกค้า ภายใต้แนวคิด “Human Centric” ด้วยการศึกษาและวิเคราะห์ความต้องการพื้นฐานของผู้อยู่อาศัย รวมถึงศึกษาปัญหาต่างๆ ของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย (Customer Pain Point) เพื่อเข้าใจการใช้ชีวิตและความต้องการของผู้อยู่อาศัย มีการเรียนรู้และพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทำให้แบบบ้านปรับเปลี่ยนตามยุคสมัยและไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนแปลงไป สู่การนำมาพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบภายใต้โมเดลใหม่ที่เป็นมากกว่าโครงการที่อยู่อาศัย โดยมุ่งสร้าง “Wellness Community” (ชุมชนผู้มีสุขภาพดีแบบองค์รวม) รองรับการอยู่อาศัยของผู้สูงอายุและเทรนด์การดูแลสุขภาพ ตลอดจนตอบสนองความต้องการที่อยู่อาศัยที่เปลี่ยนแปลงไป
การพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยภายใต้โมเดลใหม่ จะอยู่ภายใต้คอนเซปต์ “Longevity Service & Health fulfilment” หรือการเติมเต็มสุขภาพและบริการในทุกช่วงวัย ครอบคลุม 4 แกนหลัก ได้แก่ Relationship, Relaxing service, Retreat program และ Home health care services โดยมีบริการและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ทั้งในพื้นที่ส่วนกลางภายในโครงการที่อยู่อาศัยของบริทาเนีย การนำเทคโนโลยีทางการแพทย์เข้ามาให้บริการ รวมถึงการมอบสิทธิประโยชน์รูปแบบต่างๆ เพื่อเสริมสร้างสุขภาพที่ดีและยืนยาว เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตแก่ผู้ซื้อที่อยู่อาศัยในโครงการของบริทาเนีย
“ปัจจุบันบริทาเนียและออริจิ้น เฮลท์แคร์ กำลังร่วมกันวางแผนพัฒนา Wellness Community ในโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบของบริทาเนีย เพื่อสร้างสุขภาพที่ดีแบบองค์รวมแก่ลูกบ้าน ซึ่งจะตอบสนองความต้องการด้านการใช้ชีวิตและสังคมผู้สูงอายุ และในขณะเดียวกันก็ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตและการทำงานของคนรุ่นปัจจุบันอีกด้วย เพราะลูกค้าเปรียบเหมือนเพื่อนสนิทคนสำคัญจึงต้องให้การดูแลที่ดีที่สุด ให้ได้ใช้ชีวิตนแบบที่รักอย่างเต็มที่ (CRAFT a life you love)” นางศุภลักษณ์ กล่าว
นายชวกิจ ภูมิบุญชู ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น เฮลท์แคร์ จำกัด ในเครือ ORI กล่าวว่า เราพร้อมนำจุดแข็งของบริษัทฯ สนับสนุนบริทาเนียเติมเต็มการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยเพื่อตอบสนองสังคมและการใช้ชีวิตของผู้สูงอายุและคนรุ่นปัจจุบันที่จะเข้าสู่วัยเกษียณในอนาคต โดยบริษัทฯ ได้ศึกษาและทำความเข้าใจกับความต้องการของผู้อยู่อาศัย เพื่อดูแลด้านสุขภาพให้แก่ Britania family เสมือนเป็น “Lifestyle Partner” เพื่อส่งมอบบริการดูแลลูกบ้านและประสบการณ์ที่ดีสำหรับไลฟ์สไตล์ในทุกช่วงวัยได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข มีสุขภาพที่ดีและอายุยืนยาว ภายใต้แนวคิด “Life Longer Life Happier”
ทั้งนี้ บริษัทฯ จะคัดสรรบริการและการดูแลที่จำเป็นและเหมาะสมต่อผู้อยู่อาศัยอย่างครอบคลุมทุกมิติทั้ง Mind Body และ Soul ตลอดจนกิจกรรมในแต่ละวัน ตั้งแต่การกิน อยู่อาศัย นอนหลับ อย่างมีคุณภาพเพื่อเป็นส่วนสำคัญในการมีชีวิตที่ยืนยาวอย่างมีความสุข โดยจะอำนวยความสะดวกด้านการประสานงานเกี่ยวกับสุขภาพ การตรวจสุขภาพ บริการดูแลสุขภาพ การดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน ครอบคลุมถึงการดูแลสุขภาพด้านจิตใจแก่ลูกบ้านในโครงการของบริทาเนีย
“ความร่วมมือกันครั้งนี้จะเข้ามาเติมเต็มด้านการอยู่อาศัยและประสบการณ์ด้านการให้บริการที่ดีแก่ลูกบ้านของบริทาเนีย เพื่อให้ผู้ซื้อที่อยู่อาศัยได้รับความสะดวกสบายในการใช้ชีวิต อยู่ในสังคมที่ดี มีสุขภาพและยกระดับคุณภาพชีวิตให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น” นายชวกิจ กล่าว