The Crest Residences คอนโดมิเนียมระดับ Luxury จาก SC ASSET ซึ่งเป็นแบรนด์ The Crest ตัวล่าสุด หลังจากห่างหายไปเสียนาน โดยเลือกที่จะปักหมุดแบรนด์คอนโดระดับ Luxury แห่งนี้ บนทำเล ห้าแยกลาดพร้าว ย่านที่เติบโตจนกลายมาเป็นทำเลที่มีคุณสมบัติของการเป็น ศูนย์กลาง (Hub) อย่างครบถ้วนทุกประการ ทั้งในด้าน ศูนย์กลางแห่งไลฟ์สไตล์, ศูนย์กลางธุรกิจ, ศูนย์กลางของการเดินทาง และความเฉพาะตัวของการมี พื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ เทียบเคียงกับทำเลเมืองชั้นในอย่างสุขุมวิทได้เลยทีเดียว จึงไม่น่าแปลกใจที่ในปัจจุบัน จะพบเห็นคอนโดมิเนียมเกิดใหม่หลายแห่งบนทำเลห้าแยกลาดพร้าว

แต่ทำไม TERRABKK ถึงบอกว่า The Crest Park Residences เป็นโครงการที่ทำเลดีที่สุดแถมยังเป็นคอนโดระดับ Luxury Segment ไม่กี่แห่งในห้าแยกลาดพร้าว เราขอแนะนำผ่าน จุดขาย 7 ข้อ ต่อไปนี้

 

1. The Crest Park Residences โครงการที่ตั้งอยู่บนทำเลที่ดีที่สุดในลาดพร้าว

ด้วยลักษณะของ ห้าแยกลาดพร้าว ที่เป็นการเชื่อมต่อกันระหว่างถนน 3 เส้น ได้แก่ ถนนพหลโยธิน, ถนนวิภาวดีรังสิต และถนนลาดพร้าว รวมถึงการเป็น Interchange ของรถไฟฟ้า 2 สายที่สำคัญที่สุดของกรุงเทพ แน่นอนว่าจุดศูนย์กลาง หรือ Node ย่อมไม่พ้นบริเวณใจกลางห้าแยกแห่งนี้

สิ่งที่พิสูจน์ได้ชัดเจนคือความเข้มข้นของกิจกรรม ซึ่งจะมีความหนาแน่นและหลากหลายอย่างมากในรัศมี 600 เมตรรอบห้าแยกลาดพร้าว ไม่ว่าจะเป็น ศูนย์การค้า, ไลฟ์สไตล์มอลล์, ไฮเปอร์มาร์เก็ต, ร้านอาหาร, แหล่งแฮงค์เอ้าท์ รวมถึงออฟฟิศให้เช่าและแหล่งงานสำคัญ ในขณะที่เมื่อขยับออกจากใจกลางห้าแยกประมาณ 601-1,000 เมตร จะเป็นที่อยู่อาศัย, สำนักงานของรัฐ และร้านค้าที่มีความหนาแน่นน้อยกว่า

The Crest Park Residences ตั้งอยู่บนที่ดินหัวมุมของจุดตัดถนนพหลโยธินและถนนลาดพร้าว ใจกลางห้าแยกลาดพร้าวที่เดินเพียงไม่กี่ก้าว (ไม่เกิน 200 เมตร) ก็ครอบครองทุกไลฟ์สไตล์และความสะดวกสบายที่มีในทำเลได้ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น รถไฟฟ้า 2 สาย, เซ็นทรัล ลาดพร้าว, ยูเนียนมอลล์ และย่านแฮงค์เอ้าท์บริเวณห้าแยกลาดพร้าว และต้องบอกว่าเป็นที่ดินแปลงที่ไม่สามารถหาได้อีกแล้วในทำเลห้าแยกลาดพร้าว

นอกจากนี้ในอนาคตอันใกล้ภายในปีพ.ศ. 2567-2568 ทำเลห้าแยกลาดพร้าวจะยังได้รับอิทธิพลจากการปรับผังการใช้ประโยชน์ที่ดิน กทม. ซึ่งตั้งแต่บริเวณห้าแยกลาดพร้าวจรดแยกรัชโยธิน จะถูกยกระดับการใช้ประโยชน์ที่ดินให้เป็น ที่อยู่อาศัยหนาแน่นมาก (สีน้ำตาล) ทั้งแถบ ทำให้สามารถก่อสร้างอาคารได้พื้นที่ 8 เท่าของแปลงที่ดิน เปิดโอกาสให้เกิดการพัฒนาของทำเล รวมถึงดึงดูดประชากรใหม่ๆ เข้ามามากขึ้น

 

2. ใจกลางแยกสำคัญ เจริญต่อเนื่อง 40 ปี

หลายคนอาจไม่รู้ว่านอกจากการเป็นจุดเชื่อมต่อของถนนเส้นสำคัญหลายสาย ห้าแยกลาดพร้าว ยังได้รับอิทธิพลการพัฒนาในช่วงต้นจากสถานศึกษาชั้นนำอีกด้วย ย้อนกลับไปในช่วงปี พ.ศ. 2503 – 2509 ซึ่งเกิดการพัฒนาจนส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงมากมายในทำเลห้าแยกลาดพร้าว ไม่ว่าจะเป็น สถานีขนส่งหมอชิต (พ.ศ.2503), โรงเรียนเซนต์จอห์น (พ.ศ.2505), โรงเรียนหอวัง (พ.ศ.2509) และเปิดใช้งานถนนซุปเปอร์ไฮเวย์ (ถนนวิภาวดีรังสิต) ในปีเดียวกัน ซึ่งเพียงแค่ระยะเวลา 6 ปี ห้าแยกลาดพร้าวก็ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำของกรุงเทพตอนเหนืออย่างรวดเร็ว

หลังจากดึงดูด Traffic ของประชากรจากสถานศึกษาและการเดินทางได้แล้ว การพัฒนาด้านไลฟ์สไตล์ก็โถมกระหน่ำเข้ามาในห้าแยกลาดพร้าวและทำเลใกล้เคียงอย่างต่อเนื่องตลอดช่วงปี พ.ศ.2518-2625 ทั้ง แดนเนรมิต (พ.ศ.2518), สวนจตุจักร (พ.ศ.2523) และ เซ็นทรัล ลาดพร้าว (พ.ศ.2526) ซึ่งทำให้ห้าแยกลาดพร้าวได้ยึด Lifestyle Hub of North Bangkok ไปครองอีกหนึ่งตำแหน่ง

และตั้งแต่ช่วงปี พ.ศ.2536-2549 ก็นับเป็นอีกหนึ่งทศวรรษแห่งการเติบโตและเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ของห้าแยกลาดพร้าว เพราะเป็นช่วงเวลาแห่งการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานด้านการเดินทาง ทั้งการเปิดใช้โทลเวย์ดอนเมือง (พ.ศ.2537), รถไฟฟ้าสายสีเขียว หมอชิต-อ่อนนุช (พ.ศ.2542), รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน หัวลำโพง-บางซื่อ (พ.ศ.2547) ซึ่งทำให้ห้าแยกลาดพร้าวกลายเป็น Node ที่ครบครันด้านการเดินทางอย่างสมบูรณ์

นอกจากนี้ในช่วงปีเดียวกัน ยังมีไลฟ์สไตล์มอลและอาคารสำนักงานขนาดใหญ่เกิดใหม่หลายแห่ง ตั้งแต่แนวถนนวิภาวดีรังสิต, ถนนลาดพร้าว, ถนนพหลโยธิน และถนนรัชโยธิน อาทิ ยูเนียนมอลล์, ธนาคารทหารไทย (สำนักงานใหญ่), SCB Park Plaza, ตึกช้าง, Rasa Tower, อาคารวังเด็ก, การบินไทย (สำนักงานใหญ่), อาคารเล้าเป้งง้วน, ช่อง 7, ไทยรัฐ และอื่นๆ ภายในซอยลาดพร้าวตอนต้นก็เป็นที่ตั้งของออฟฟิศประเภทมีเดียเอเจนซีมากมาย ทั้ง RS (สำนักงานเก่า), นิตยสารเปรียว รวมถึงสตูอิโออีกหลายแห่ง ทำให้พื้นที่แหล่งงานในทำเลมากกว่า 400,000 ตารางเมตร และเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ห้าแยกลาดพร้าวได้เป็น Business District Hub of North Bangkok เช่นในปัจจุบัน

 

 

3. การเติบโตที่น่าติดตามของทำเล

และแน่นอนว่าการเติบโตของห้าแยกลาดพร้าวย่อมไม่หยุดแค่ในช่วงปีนี้ เพราะยังคงมีโครงการ Mixed-use ระดับมหากาฬทั้งจากภาครัฐและเอกชนให้ได้ติดตามรออยู่ ซึ่งล้วนแล้วแต่ส่งผลต่อภาพรวมของทำเลและมูลค่าที่ดินแทบทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น

  • สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ (สถานีกลางบางซื่อ) สถานีกลางของระบบขนส่งทางรางที่ใหญ่ที่สุดประเทศ รองรับผู้โดยสารมากกว่าวันละ 100,000 คน และในอนาคตยังมีที่ดินเตรียมพัฒนาอีกมากกว่า 500 ไร่
  • S OASIS โครงการ Mixed-use ที่ประกอบไปด้วยพื้นที่ค้าปลีกและอาคารสำนักงานเกรด A พื้นที่ 53,000 ตะรางเมตร
  • Ratchayothin Hills โครงการ Mixed-use ที่ภายในมีอาคารสำนักงาน โรงแรม ศูนย์จัดประชุม ฟิตเนส และพื้นที่ค้าปลีก พื้นที่รวม 49,000 ตารางเมตร
  • Mochit Complex โครงการ Mixed-use ที่ประกอบไปด้วย อาคารสำนักงานและพื้นที่ค้าปลีก พื้นที่กว่า 75,000 ตารางเมตร
  • Bangkok Terminal โครงการ Mixed-use Bangkok Terminal ที่ภายในมีครบทั้งสำนักงาน ที่พักอาศัย ศูนย์การค้า ศูนย์ประชุม และสถานีขนส่ง (บขส.) พื้นที่กว่า 63 ไร่
  • BTS x CPN โครงการ Mixed-use บนที่ดินผืนงามขนาดกว่า 48 ไร่ คาดมูลค่าโครงการกว่า 20,000 บาท ภายในประกอบด้วย คอนโดมิเนียม อาคารสำนักงาน พื้นที่ค้าปลีก และโรงแรม

ล่าสุดห้าแยกลาดพร้าวเป็นทำเลที่ตกอยู่ในประเด็นร้อนแรงเมื่อไม่นานมานี้ จากข่าวหนาหูว่า CPN จะต่อหรือไม่ต่อสัญญากับที่ดินการรถไฟ เพราะคาดว่ามูลค่าสัญญาที่ 3 มีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 20,000 ล้านบาท ซึ่งภายหลัง CPN ก็ออกมาแถลงอย่างเป็นทางการแล้วว่า ยังคงมุ่งมั่นไม่หยุดนิ่ง ในการสร้างสรรค์ประสบการณ์ใหม่ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าทุกท่าน ซึ่งก็ตีความหมายโดยนัยได้ว่า เซ็นทรัล ลาดพร้าว น่าจะยังคงปักหมุดและไม่ย้ายไปไหน เพราะเป็นที่รู้กันว่าเซ็นทรัล ลาดพร้าว คือสาขาหัวหอกของเซ็นทรัล และยังเป็นจุดหมายสำคัญแห่งห้าแยกลาดพร้าวอีกด้วย

แม้จะต้องแบกรับต้นทุนและความเสี่ยงในอนาคต แต่ CPN ก็ยังไม่ยอมปล่อยมือจากที่ดินบนทำเลห้าแยกลาดพร้าว เพราะไม่อาจหาทำเลที่ดีที่สุดกว่านี้ได้อีกแล้ว (แม้จะมีที่ดินของตัวเองรอการพัฒนาอยู่ก็ตาม) นับเป็นสิ่งที่ช่วยยืนยันได้เป็นอย่างดีว่า The Crest Park Residences ซึ่งอยู่บนทำเลเดียวกันและใกล้ใจกลางห้าแยกมากกว่า เป็นโครงการระดับ Rare Gems ที่ไม่อาจหาได้อีกแล้วบนทำเลใจกลางห้าแยกลาดพร้าว

 

4. ความทรงพลังของรถไฟฟ้า 2 สายที่ดีที่สุดของกรุงเทพ

หากย้อนไปในอดีตไม่นานก่อนหน้านี้ ทำเลห้าแยกลาดพร้าวมี่ราคาที่ดินเฉลี่ยประมาณ 500,000-600,000 บาทต่อตารางวา แต่เพียงแค่มีรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายเข้ามา ราคาที่ดินในทำเลที่ขยับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ย้ำเตือนว่าการเติบโตของทำเลมาพร้อมกับมูลค่าที่ดินที่น่าสนใจ และในอนาคตอันใกล้ยังสามารถเชื่อมต่อกับ รถไฟฟ้าสายสีเหลือง ลาดพร้าว-สำโรง ได้อีกด้วย ซึ่งทำให้เป็นทำเลที่สามารถเข้าถึงรถไฟฟ้า 3 สาย และถนนเส้นสำคัญ 3 สาย

และเมื่อผนวกรวมกับ สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ และ Bangkok Terminal ที่รอการพัฒนาอยู่ จะทำให้นอกจากการเป็น Node แล้ว ห้าแยกลาดพร้าวยังสามารถเชื่อมต่อศูนย์กลางของระบบขนส่งมวลชนระดับประเทศได้สะดวก บวกกับศักยภาพทำเลที่มีความครบครัน โอบล้อมด้วยแหล่งงาน แหล่งไลฟ์สไตล์ และโครงการ Mixed-use เกิดใหม่ ทำให้ห้าแยกลาดพร้าวมีศักยภาพการเชื่อมต่อที่เหนือกว่าสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ (สถานีกลางบางซื่อ) ในปัจจุบันเสียอีก!

 

5. วิวสวนสวยที่สุดบนทำเลลาดพร้าว

ด้วยความที่โครงการ The Crest Park Residences ตั้งอยู่บนทำเลหัวมุมจุดตัดของถนนพหลโยธินและถนนลาดพร้าว สามารถมองเห็นสวนสาธารณะพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่กว่า 700 ไร่ วิวพาโนรามาแบบไม่มีอะไรมากั้น ไม่มีอะไรมาบดบัง ได้วิวสวน 3 แห่งทั้งสวนจตุจักร, สวนวชิรเบญจทัศ (สวนรถไฟ) และสวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิตติ์ จึงเป็นโครงการที่วิวสวนสวยที่สุดบนทำเลลาดพร้าวเลยก็ว่าได้

พื้นที่โดยรอบของโครงการไม่มีตึกสูงมาบดบังวิว ทิศเหนือจะหันไปทางตึกช้าง, ทิศใต้ใกล้กับ สถานี MRT หันไปทางฝั่งอาคาร TTB และสวนจัตุจักร, ทิศตะวันออก ใกล้กับยูเนียนมอลล์ และ เห็นเป็นวิวถนนลาดพร้าว และด้านหน้าโครงการจะเป็นฝั่งที่หันไปทางวิวสวนจตุจักร ติดกับถนนพหลโยธินและ BTS ห้าแยกลาดพร้าวฝั่งตรงข้ามเป็นสวนสมเด็จย่า เยื้องๆ ก็จะเป็นสวนสาธารณะทั้ง 3 แห่งที่กรรมสิทธิ์เป็นของการรถไฟฟ้าซึ่งในอนาคตก็เป็นไปได้ยากที่จะมีตึกสูงเกิดขึ้น โครงการที่มองเห็นวิวสวนเหล่านี้แทบจะหาไม่ได้แล้วในทำเลนี้ The Crest Park Residences จึงเป็นโครงการที่วิวสวนสวยหนึ่งเดียวบนทำเลลาดพร้าวซึ่งเป็นโครงการที่มี Value เป็นอย่างมาก

 

6. ส่วนกลางออกแบบอย่างเข้าใจ Luxury Lifestyle ที่แท้จริง

The Crest Park Residences ออกแบบส่วนกลางอย่างเข้าใจ ใส่ใจในทุกรายละเอียด และตอบโจทย์ Luxury Lifestyle อย่างแท้จริง ตั้งแต่ Grand Cave Lobby ขนาดใหญ่ ความสูงพื้นถึงเพดานสูงถึง 8 เมตร ซึ่งปกติ SC ASSET จะทำแบบนี้ในโครงการระดับ Super Luxury เท่านั้น นอกจากนี้ยังมี Concierge service บริการพิเศษเสมือนผู้ช่วยส่วนตัว คอยอำนวยความสะดวกเหมือนอยู่โรงแรม ทั้ง บริการรับพัสดุ-ส่งของให้ผู้อยู่อาศัย, บริการ Laundry, บริการจอง Facility สำหรับใช้งานแบบเป็นส่วนตัว, บริการหาข้อมูลและจองโรงแรมหรือร้านอาหาร รวมถึงช่วยจัดการติดต่อหรือนัดบริการต่างๆ จากภายนอกเพื่อมาให้บริการลูกบ้านภายในโครงการ ถัดมาคือ Private Lobby พร้อม Waterior Garden ที่เชื่อมต่อบรรยากาศของธรรมชาติภายนอกสู่ภายในอย่างไร้รอยต่อ เป็นพื้นที่นั่งพักผ่อนในอาคารที่สามารถมองเห็นวิวธรรมชาติและสัมผัสกับบรรยากาศจากธรรมชาติที่อยู่ภายนอกได้ อีกทั้งนี้ยังมี Business lounge และ Meeting room สำหรับเจ้าของธุรกิจ/ผู้บริหารที่ต้องการประชุมงานแบบส่วนตัว และยังมีพื้นที่สำหรับนั่งอ่านหนังสือและ Work from Home อีกด้วย มี Private dressing room สำหรับสายออกงานอีเวนต์ จะนัดช่างมาแต่งหน้า-ทำผม สำหรับใครที่ต้องการปาร์ตี้สังสรรค์ก็สามารถใช้ห้อง Michelin Lounge และ BBQ Area หรือจะเชิญเชฟมาทำอาหารแบบ Chef Table แบบเป็นส่วนตัวก็ได้ นอกจากนี้ยังมี Swimming pool, Jacuzzi, Kids pool สระว่ายน้ำแบบ Semi Outdoor มองเห็นวิวสวน, Fitness Zone ที่แยกฟังก์ชันทั้ง Weight Training Room, Cardio Room และพื้นที่สำหรับโยคะ มี Spa room, Steam room และ Green space บนชั้น Rooftop ให้ได้พักผ่อนอีกด้วย

 

7. สเปคห้องระดับพรีเมียม วัสดุคุณภาพ ดีไซน์ที่ใส่ใจในทุกรายละเอียด

อีกหนึ่งจุดเด่นของโครงการ The Crest Park Residences คือสเปคห้องและวัสดุที่ให้มาอย่างดีและมีคุณภาพ แม้โครงการจะขายแบบ Fully Fitted แต่ก็มีเฟอร์นิเจอร์ Built-in ให้ครบ ขาดแค่เฟอร์นิเจอร์ลอยตัวกับเครื่องใช้ไฟฟ้าบางชิ้นก็พร้อมเข้าอยู่ได้เลย การออกแบบห้องพักที่ใส่ใจผู้อยู่อาศัยด้วยฝ้าเพดานที่สูงถึง 3 เมตร พร้อมช่องแสงขนาดใหญ่กระจกฉนวน (Insulated Glass) แบบ Full Height ถ่ายเทความร้อน กันร้อนได้ดี ช่วยให้ห้องโปร่งโล่งสบาย รับแสงธรรมชาติได้เต็มที่และมองเห็นวิวได้เต็มตา และที่พิเศษเฉพาะห้องวิวสวน ในบริเวณห้องนอนจะได้เป็น Insulated Glass แบบ Full Height อีกด้วย พื้นห้องเป็น Hybrid Engineering Wood กั้นน้ำ ทนแรงกระแทกได้ดี ชุดครัว Built in เคาน์เตอร์ครัว Top เป็นหินควอทซ์ (Quartz Stone) สีเทา มาพร้อมเครื่องใช้ไฟฟ้า เตาไฟฟ้า/Hood ดูดควัน/เตาอบ+ไมโครเวฟ ของ Gorenje แบรนด์ที่นำเข้าจากยุโรป ภายในห้องน้ำติดตั้ง Shower Box ฝักบัวแบบ Hand Shower และ Rain Shower ได้สุขภัณฑ์ยี่ห้อ TOTO แบบครบชุด และมีตู้เก็บของภายในห้องน้ำพอสมควร ระบบปรับอากาศ พื้นที่นั่งเล่นจะได้แอร์แบบซ้อนใต้ฝ้า (Concealed Type) ส่วนห้องนอนจะเป็นแอร์แบบ Wall type ยี่ห้อ Mitsubishi

The Crest Park Residences คอนโด High Rise สูง 36 ชั้น จำนวนห้องพักเพียง 418 ยูนิต ที่จอดรถแบบ Auto Parking ทั้งหมด 230 คัน และช่องจอดปกติ 5 คัน ห้องพักอาศัยมีให้เลือกหลากหลายแบบตั้งแต่ 1 Bedroom ขนาด 31-50 ตร.ม., 1 Bedroom Plus ขนาด 47-50 ตร.ม., 2 Bedroom ขนาด 73 ตร.ม. และ High Ceiling Unit ขนาด 31-73 ตร.ม. ที่สุดของความเป็นส่วนตัวกับอาคารแบบ Single Corridor เพียง 16 ห้อง/ชั้น เปิดประตูออกมาจะไม่เจอห้องฝั่งตรงข้ามเลย ลักษณะอาคารเป็นรูปตัว V มีช่องแสงขนาดใหญ่บริเวณหน้าโถงลิฟต์ บริเวณชั้น 4/12A/21/28 และ 36 มี Floating Oasis พื้นที่สีเขียวแทรกตามอาคาร ทำให้โถงทางเดินภายในอาคารดูโปร่งโล่งไม่อึดอัดและเชื่อมต่อธรรมชาติกับผู้อยู่อาศัยภายในอาคาร

ท้ายที่สุดแล้วเมื่อลองดูตลาดคอนโดของย่านนี้ในปัจจุบันจะพบว่าโครงการบนทำเลห้าแยกลาดพร้าวส่วนใหญ่เป็นคอนโดระดับ Mid to High Segment ยังไม่มี Product ที่จะมาตอบโจทย์ลูกค้าระดับ Luxury Segment ได้อย่างแท้จริง The Crest Park Residences ถือเป็นโครงการแรกที่เข้ามาเติมเต็มตลาดระดับ Luxury ในย่านนี้ ตอบโจทย์คนที่มองหาคอนโด Luxury ที่ให้ความเป็นส่วนตัว คอนโดที่สร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับผู้อยู่อาศัยในทุกมิติทั้งในเรื่องของการเดินทางที่สะดวกสบาย ใกล้ Interchange ของรถไฟฟ้า 2 สายหลัก การดีไซน์ที่ใส่ใจในทุกรายละเอียด และสิ่งอำนวยความสะดวก/การบริการที่เหนือระดับ

ไม่ต้องออกตามหาอีกต่อไป ในเมื่อทุกคำตอบของการใช้ชีวิตที่ดีที่สุด อยู่ที่นี่!!! The Crest Park Residences ราคาเริ่มต้น 6.29 ล้านบาท ลงทะเบียนรับข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://bit.ly/3ENDCDu


เดอะ เครสท์ พาร์ค เรสซิเดนเซส

รายละเอียดโครงการ

เดอะ เครสท์ พาร์ค เรสซิเดนเซส

ประเภททรัพย์สิน
คอนโดฯ
เจ้าของโครงการ
บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)

รายละเอียดโครงการ