เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ 2566 พลิกโฉมการเติบโต LifeScape at a New Height ลุยเปิดตัวโครงการใหม่ ทั้งบ้าน - คอนโด มูลค่ากว่า 14,700 ล้านบาท
เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ ตอกย้ำความมุ่งมั่นสู่การเป็น LifeScape Developer เปิดแผนธุรกิจปี 66 LifeScape at a New Height พลิกโฉมการเติบโตสู่อีกระดับผ่านการสร้างความแข็งแกร่ง 3 ด้าน ธุรกิจอสังหาฯ-แบรนด์-ธุรกิจใหม่ บุกหนักธุรกิจอสังหาฯ แบบ All Time High เปิดโครงการบ้านและคอนโดใหม่ 7 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 14,700 ล้าน
ชูหลากแบรนด์และเซ็กเมนท์ใหม่ อาทิ คอนโดลักซูรีตอบโจทย์ Wellness พรีเมียมทาวน์โฮม ควบคู่การขยายทำเลครอบคลุมตั้งแต่ CBD ถึงกรุงเทพฯรอบนอก ตั้งผู้บริหารระดับสูงดูแล Customer Experience สร้าง Warrior Mindset ให้พนักงาน ควบคู่ลงทุน Digital Transformation รองรับอนาคต ยืนหยัดแบรนด์สร้างความสุขทั้งคนและสัตว์เลี้ยง ตอกย้ำเบอร์ 1 ที่อยู่อาศัยเลี้ยงสัตว์ได้ทุกโครงการ ใส่ใจสังคม-สิ่งแวดล้อมต่อเนื่อง เมเจอร์ฯ มั่นใจธุรกิจโตแกร่งและมั่นคง ตั้งเป้ายอดขายที่อยู่อาศัย 7,000 ล้าน และรายได้รวม 5,000 ล้าน ในปี 2566
นางสาวเพชรลดา พูลวรลักษณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านการพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ระดับลักซูรีและโครงการที่อยู่อาศัยที่สามารถเลี้ยงสัตว์ได้ (Pet-Friendly Residences) กล่าวว่า บริษัทยังคงมุ่งมั่นขับเคลื่อนองค์กรให้เปลี่ยนสถานะจากผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ (Real Estate Developer) สู่การเป็นผู้พัฒนารูปแบบการใช้ชีวิต (LifeScape Developer) อย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับการใช้ชีวิตของผู้บริโภคทุกมิติ
ล่าสุด ในปี 2566 บริษัทจะเดินหน้าแผนธุรกิจ “LifeScape at a New Height” ผลักดันความแข็งแกร่งและศักยภาพ เพื่อการเติบโตสู่อีกขั้น โดยมี 3 ด้านหลักที่มุ่งผลักดัน ได้แก่
1. Solidify Residential-Scape ผลักดันความแข็งแกร่งให้กลุ่มธุรกิจหลัก
2. Fortify LifeScape & PetScape ตอกย้ำความแข็งแกร่งให้จุดเด่นของแบรนด์
3. Diversify Revenue ปรับสัดส่วนประเภทของธุรกิจหลัก พร้อมผลักดันความแข็งแกร่งธุรกิจใหม่
1. ด้าน Solidify Residential-Scape ผลักดันความแข็งแกร่งให้กลุ่มธุรกิจหลักในหลากหลายมิติ ได้แก่ All Time High เปิดตัวโครงการใหม่มากที่สุดในประวัติศาสตร์การก่อตั้ง 24 ปี จำนวน 7 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 14,700 ล้านบาท แบ่งเป็น
- คอนโดมิเนียม Super Luxury High-rise 2 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 8,800 ล้านบาท
- บ้านจัดสรร 5 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 5,900 ล้านบาท
ในภาวะความต้องการและเศรษฐกิจฟื้นตัวหลังโควิด-19 New Brand and Segment เปิดตัว 5 แบรนด์ใหม่ เจาะหลากเซ็กเมนท์ เพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภคที่หลากหลายขึ้น อาทิ
- แบรนด์ Marquis (มาร์ควิส) แบรนด์คอนโดมิเนียมระดับซูเปอร์ลักซูรีที่มีฟังก์ชันตอบโจทย์ด้านการมีชีวิตที่ดี (Wellness)
- แบรนด์ Mayfield (เมย์ฟิลด์) พรีเมียมทาวน์โฮมระดับไฮเอนด์ที่ออกแบบให้ใช้ชีวิตท่ามกลางธรรมชาติ ระดับราคา 12-30 ล้านบาท ทำเลปิ่นเกล้า และทำเลรามอินทรา
- แบรนด์ Mayfield Lane (เมย์ฟิลด์ เลน) แบรนด์บ้านเดี่ยวระดับลักชูรีทำเลใจกลางเมือง ระดับราคา 30-60 ล้านบาท บนทำเล รัชดา - ลาดพร้าว
- แบรนด์ Milford (มิลฟอร์ด) แบรนด์ทาวน์โฮมระดับไฮเอนด์ ระดับราคา 12-30 ล้านบาท บนทำเลลาดพร้าว-รามคำแหง
- 1 แบรนด์ใหม่ เป็น Super Luxury Limited Edition ที่จะเปิดเผยชื่อแบรนด์ในอนาคต New Location ระดับราคา 60 ล้านบาทขึ้นไป ทำเลพัฒนาการ
เพื่อขยายอาณาจักรที่อยู่อาศัยสะสมของบริษัทให้ครอบคลุมตั้งแต่พื้นที่ใจกลางย่านธุรกิจ (CBD) ไปจนถึงพื้นที่ใจกลางธุรกิจส่วนต่อขยาย (Extended CBD) และพื้นที่กรุงเทพฯรอบนอก (Greater Bangkok) โดยโครงการใหม่ในปีนี้จะเกาะทำเลที่มีความต้องการสูง ตั้งแต่ สุขุมวิท- พร้อมพงษ์ พญาไท พัฒนาการ ลาดพร้าว และรามคำแหง
“แม้ในช่วงที่ผ่านมา เราจะชะลอการเปิดตัวโครงการใหม่ลงไป แต่เราไม่ได้อยู่เฉยๆ เราผ่าตัดองค์กรหลายๆ ด้าน เพื่อให้พร้อมรองรับการพลิกโฉมการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ทั้งการแต่งตั้งผู้บริหารระดับสูง มาดูแลด้านการพัฒนาประสบการณ์ของลูกค้าหรือ Customer Experience โดยตรง การปรับวิธีคิดของพนักงานให้เป็น Warrior Mindset มีวิธีคิดแบบนักสู้ พร้อมรับมือทุกสถานการณ์ รวมถึงได้ทยอยลงทุนด้าน Digital Transformation พัฒนา Future Platform วางรากฐานที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ปีนี้และปีหลังจากนี้ เรามั่นใจว่าจะสร้างการเติบโตสู่อีกระดับ” นางสาวเพชรลดา กล่าว
2. ด้าน Fortify LifeScape & PetScape ตอกย้ำความแข็งแกร่งให้จุดเด่นของแบรนด์ จับมือพันธมิตร พัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวก บริการ กิจกรรม สิทธิพิเศษต่างๆ ตอบโจทย์การใช้ชีวิตทั้งในและนอกที่อยู่อาศัยของทั้งคนและสัตว์เลี้ยง ตอกย้ำความเป็นผู้นำอันดับ 1 โครงการที่อยู่อาศัยเลี้ยงสัตว์ได้ทุกโครงการ (No.1 Pet-Friendly Residences) รวมถึงจับมือพันธมิตรด้านคุณภาพการออกแบบ การก่อสร้าง วัสดุ เพื่อสร้างสรรค์งาน Craft & Quality พร้อมทั้งเดินหน้ายกระดับความเป็นอยู่ที่ดีของคนในสังคมผ่านโครงการ Care-Share-Change ทั้งการติดตั้งเครื่องฟอกอากาศขนาดใหญ่ตามไซต์ก่อสร้าง รวมถึงการจัดถังขยะสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะ การช่วยเหลือสัตว์เลี้ยงผ่านมูลนิธิต่างๆ
3. ด้าน Diversify Revenue คือ การปรับสัดส่วนโดยเพิ่มการพัฒนาโครงการแนวราบมากขึ้น อีกทั้ง ยังขับเคลื่อนวิสัยทัศน์ LifeScape Developer ด้วยการขยายธุรกิจใหม่ๆ ให้ครอบคลุมทุกมิติการใช้ชีวิตและไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคอีก 2 ธุรกิจ คือ
- HealthScape
- TechScape
สถานการณ์เศรษฐกิจไทยและภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้ มีแนวโน้มฟื้นตัวที่ดี โดยเฉพาะจากภาคการท่องเที่ยว ที่จะช่วยสร้างเม็ดเงินสะพัด เพิ่มบรรยากาศการจับจ่ายใช้สอย กำลังซื้อให้แก่ตลาด เมื่อประกอบกับแผนธุรกิจ LifeScape at a New Height การเดินหน้าเปิดตัวโครงการใหม่สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ การฟื้นตัวของกลุ่มธุรกิจโรงแรมและอาคารสำนักงานมาช่วยสร้างรายได้ประจำ (Recurring Income) ตลอดจนการเดินหน้าลุยธุรกิจใหม่
บริษัทฯ มั่นใจว่า ภาพรวมธุรกิจของเมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จะเติบโตได้อย่างมั่นคงและแข็งแกร่ง สร้างยอดขายจากโครงการที่อยู่อาศัยตลอดปี 2566 ที่ 7,000 ล้านบาท และสร้างรายได้รวมที่ 5,000 ล้านบาท
“เรามุ่งมั่นสรรสร้างอนาคตที่ดีให้ผู้บริโภค ควบคู่กับการเติบโตอย่างมั่นคงและแข็งแกร่ง โรดแมประยะยาวของเราจะเห็นการกระจายพอร์ตฟอลิโอที่อยู่อาศัยระหว่างคอนโดมิเนียมและบ้านจัดสรร ให้พร้อมรองรับทุกสภาวะเศรษฐกิจ เราจะมีการเปิดตัวโครงการใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน กลุ่มธุรกิจใหม่ที่ไม่ใช่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ก็จะค่อยๆ เพิ่มสัดส่วนขึ้นมาเป็น 20% ในอีก 5 ปีข้างหน้า” นางสาวเพชรลดา กล่าว