บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ FPT ผู้นำอสังหาริมทรัพย์ครบวงจรรายแรกของประเทศไทยที่รวมทั้งธุรกิจอสังหาฯ เพื่อที่อยู่อาศัย-อุตสาหรรม-พาณิชยกรรม ไว้ในแพลตฟอร์มเดียวกัน ปักธงสร้างการเติบโตพร้อมมุ่งสร้างประสบการณ์ที่ดีให้ลูกค้า ผ่าน โรดแมป FPT Next 2025 ยกระดับธุรกิจสู่ “Real Estate as a Service Brand” เพื่อส่งมอบการบริการที่เป็นเลิศ (Service Excellence) ในทุกมิติ โดยเตรียมแผนสร้างความแตกต่างมากกว่าการเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ด้วยการต่อยอดผลิตภัณฑ์และบริการที่หลากหลาย เพื่อสอดรับเทรนด์และความต้องการของลูกค้าได้อย่างครอบคลุมทั้งในปัจจุบันและอนาคต

นายธนพล ศิริธนชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (Country Chief Executive Officer) บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ภายใต้การดำเนินงานของแบรนด์เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ บริษัทฯ ไม่เพียงแต่ให้ความสำคัญกับการส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้าและผู้ใช้บริการ แต่เราต้องการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับทุกคนผ่านพื้นที่ของเรา โดยการเดินหน้าสานต่อเจตนารมณ์ของแบรนด์ให้สำเร็จได้

เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย จะขับเคลื่อนองค์กรผ่านการเป็น Real Estate as a Service Brand ซึ่ง หมายถึง การขับเคลื่อนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โดยต่อยอดด้านนวัตกรรมการบริการ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริการลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น และยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการให้บริการ

บริษัทฯ ได้ผนึกกำลังความสามารถด้านเทคโนโลยีและองค์ความรู้สมัยใหม่ของทีมงานมืออาชีพจากทั้ง 3 กลุ่มธุรกิจ โดยในด้านเทคโนโลยีการบริการต่าง ๆ อาทิ

  • การส่งเสริมด้านความปลอดภัยอัจฉริยะ มีการใช้ระบบจดจำใบหน้า (Face Recognition) ในการเข้า-ออกพื้นที่
  • ระบบอำนวยความสะดวกด้านการควบคุมยานยนต์เข้า-ออกพื้นที่
  • การติดตามการจราจรและระดับมลภาวะภายในพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • สนับสนุนการใช้พลังงานสะอาด และให้ความสำคัญกับการพัฒนาอาคารที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมตามมาตรฐานระดับสากล

ธุรกิจที่อยู่อาศัย ได้เสริมการให้บริการลูกค้าอย่างไร้รอยต่อมากขึ้นด้วย แอปพลิเคชัน Home+ ซึ่งอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าตลอดกระบวนการขายและบริการ รวมถึงมอบบริการเสริมต่าง ๆ ผ่านเครือข่ายพันธมิตรเพื่อดูแลลูกบ้านให้ดียิ่งขึ้น สอดรับกับไลฟ์สไตล์และความต้องการในการอยู่อาศัย พร้อมส่งมอบนวัตกรรมและเทคโนโลยีต่าง ๆ ภายในบ้านซึ่งช่วยยกระดับการใช้ชีวิต

ธุรกิจอาคารสำนักงาน เพื่อรองรับรูปแบบการใช้งาน ที่ต้องการความยืดหยุ่น จึงเดินหน้านวัตกรรมการบริการ ภายใต้คอนเซ็ปต์ Core & Flex มาพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างครบครัน โดยมีค่าใช้จ่ายตามประเภทการบริการหรือระยะเวลาที่ต้องใช้งาน  ที่มีทั้ง

  • พื้นที่สำนักงานแบบมาตรฐาน
  • พื้นที่สำนักงานแบบยืดหยุ่น

ธุรกิจด้านอุตสาหกรรม เตรียมผลักดันการให้ บริการ Co-Warehousing โดยจ่ายค่าบริการตามจำนวนการใช้งาน ที่มาพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวก และเทคโนโลยีที่เป็นของส่วนกลาง เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าที่ต้องใช้

  • บริการรายครั้ง (Pay-Per-Use)
  • บริการจัดเก็บสินค้าภายในคลังสินค้าตามจำนวนพาเลท (Pay-Per-Pallet)

ทั้งหมดนี้ เพื่อขับเคลื่อน FPT สู่การเป็น Real Estate as a Service Brand ภายในปี 2025 บริษัทฯ กำหนดแผนการดำเนินงานใน 3 มิติหลัก ได้แก่

  • People : มุ่งดูแลพนักงานซึ่งเป็นหัวใจหลัก ในการเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันให้กับธุรกิจ โดยให้ความสำคัญในการพัฒนาบุคลากรอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มความสามารถและขยายศักยภาพ ควบคู่กับการสนับสนุน ให้ทุกคนในองค์กรมีเส้นทางการเติบโตในอาชีพอย่างชัดเจน พร้อมดูแลด้านสวัสดิการที่เท่าเทียมและสอดรับกับการดำเนินชีวิตในปัจจุบัน เพื่อสร้างทีมงานที่เข้มแข็ง พร้อมด้วยความรู้ ความสามารถ ซึ่งจะเป็นกำลังสำคัญในการเดินหน้าธุรกิจทั้งในปัจจุบันและการเติบโตในอนาคต ด้วยเป้าหมายในการมุ่งสู่การเป็น Employer of Choice หรือ บริษัทที่คนอยากร่วมงานด้วย
  • Planet : ดำเนินธุรกิจโดยยึดมั่นและคำนึงถึงสังคม สิ่งแวดล้อม และธรรมาภิบาล (Environment, Social and Governance : ESG) และมุ่งสร้างความยั่งยืนให้แก่บริษัทฯ ในทุกด้าน โดยปัจจุบัน FPT เป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ของไทยรายแรกที่ได้รับจัดอันดับมาตรฐานในระดับ A ด้านการเปิดเผยข้อมูลความยั่งยืนของบริษัทในหมวดหมู่ Southeast Asia Diversified Business ตามมาตรฐานของ GRESB (Global Real Estate Sustainability Benchmark) ซึ่งเป็นดัชนีด้านความยั่งยืนของภาคอสังหาริมทรัพย์ พร้อมเดินหน้าสู่การลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 6 ล้านกิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า หรือเท่ากับการปลูกต้นไม้ 6 แสนต้นในปี 2025 เพื่อที่จะเป็นองค์กรที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Carbon) ภายในปี 2050

  • Purpose : เพิ่มเติมจากการส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการที่มีคุณภาพ FPT จะเดินหน้าสร้างความแข็งแกร่งของ แบรนด์เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ให้เป็นที่จดจำและเป็นสัญลักษณ์ที่สะท้อนถึงการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าผ่านการดำเนินงานของทั้ง 3 กลุ่มธุรกิจ โดยบริษัทฯ ตั้งเป้าติด Top 5 ของแบรนด์อสังหาริมทรัพย์ของไทยในปี 2025

“เพื่อตอกย้ำเจตนารมณ์ Inspiring experiences, creating places for good หรือ สร้างสรรค์พื้นที่ ให้ประสบการณ์ที่ดีคงอยู่ FPT จึงดำเนินตามแผน FPT Next 2025 และมุ่งมั่นส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการคุณภาพสูงที่เต็มเปี่ยมไปด้วยการสร้างประสบการณ์ที่ดี พร้อมทั้งตอบโจทย์ความต้องการและยกระดับคุณภาพชีวิตของลูกค้าและผู้ใช้บริการไปพร้อมกัน” นายธนพลกล่าว

ด้าน ภาพรวมธุรกิจของเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย มีรายละเอียดดังต่อไปนี้

  • กลุ่มอสังหาริมทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัย มีการพัฒนาบ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์โฮม รวม 10 แบรนด์ ซึ่งปีนี้จะขยายพอร์ตโฟลิโอโครงการบ้านเดี่ยวระดับลักชัวรี่และระดับซูเปอร์ลักชัวรี่ราคา 60-120 ล้านบาท นำทัพด้วย 3 แบรนด์หลัก ได้แก่
    - The Royal Residence (เดอะ โรยัล เรสซิเดนซ์)
    - Alpina (อัลพีน่า)
    - The GRAND (เดอะ แกรนด์)
    รวมถึงมีแผนบุกตลาดคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ราคา 3-5 ล้านบาท

 

  • กลุ่มอสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรม มีทีมงานที่มากด้วยประสบการณ์และความชำนาญ พร้อมทั้งมี พื้นที่ภายใต้บริหารจัดการกว่า 3.4 ล้านตร.ม. ในประเทศไทย อินโดนีเซีย และเวียดนาม และเตรียมส่งมอบพื้นที่ให้ลูกค้าอีกกว่า 150,000 ตร.ม. ส่งผลให้บริษัทฯ จะมีพื้นที่ภายใต้การบริหารจัดการรวมกว่า 3.55 ล้านตร.ม. ตอกย้ำการเป็นผู้นำอันดับ 1 ในการเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรม ขณะเดียวกันมีเมกะโปรเจกต์เป็นเมืองอุตสาหกรรมขนาดใหญ่บนพื้นที่ 4,600 ไร่ในจังหวัดสมุทรปราการ

  • กลุ่มอสังหาริมทรัพย์เพื่อพาณิชยกรรม แข็งแกร่งด้วย โครงการมิกซ์ยูสใจกลางเมือง สามย่านมิตรทาวน์และสีลมเอจ, ธุรกิจโรงแรม และอาคารสำนักงานเกรดเอที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ใจกลางกรุงเทพฯ ย่าน CBD ซึ่งด้วยการบริหาร จัดการที่ดีเยี่ยมส่งผลให้มีผู้เช่าและผู้ใช้บริการจำนวนมาก สามารถรักษาอัตราการเช่าเฉลี่ยของทั้งพอร์ตโฟลิโอสูงกว่า 90%

จากความหลากหลายของธุรกิจที่ช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้แพลตฟอร์มของ FPT ทำให้ปัจจุบันพอร์ตโฟลิโอของบริษัทฯ (ณ วันที่ 30 ก.ย. 2565) มีมูลค่าสินทรัพย์สูงถึง 98,967 ล้านบาท และตั้งเป้าปี 2025 จะมีมูลค่าสินทรัพย์เพิ่มขึ้นเป็นกว่า 100,000 ล้านบาท พร้อมตั้งเป้าหมายในการเป็น แบรนด์ Top 5 ของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ทั้งในกลุ่มที่อยู่อาศัย อุตสาหกรรม และพาณิชยกรรม อีกด้วย