เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ผมได้เขียนเรื่อง “5 เทรนด์การพัฒนาอสังหาฯ ปี 2566” และ “Smart Residence” เป็น 1 ใน 5 เทรนด์ในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในปี 2566 ที่ผมนำมาขยายความต่อในบทความเดือนมีนาคมนี้ เพื่อเป็นแนวทางสำหรับผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ และผู้ซื้อที่อยู่อาศัยที่จะใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาโครงการ รวมไปถึงการเลือกซื้อที่อยู่อาศัยภายใต้แนวคิด “Smart Residence” หรือ “บ้านอัจฉริยะ”

จากการสำรวจกลุ่มตัวอย่างจำนวน 2,415 กลุ่มตัวอย่างเกี่ยวกับความต้องการด้านเทคโนโลยี่ และอะไรคือ”บ้านอัจฉริยะ หรือ Smart Residence” กับผู้อยู่อาศัยในอาคารชุดพักอาศัยหรือ คอนโดมิเนียม ระหว่างเดือนสิงหาคม 2565 ของ บริษัท ลุมพินี วิสดอม แอนด์ โซลูชัน จำกัด พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามมากกว่า 90% มีความเห็นว่าบ้านอัจฉริยะ จำเป็นต้องมีงานระบบและบริการภายในโครงการ ไม่ว่าจะเป็น ระบบกล้อง CCTV, ระบบติดต่อสื่อสาร/สัญญาณแจ้งเตือน รวมไปถึงมีศูนย์รับแจ้งเหตุและประสานงานที่ดูแลความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง ที่สามารถตอบสนองกับความต้องการของผู้อยู่อาศัย

ในขณะเดียวกัน 88% ของผู้ตอบแบบสอบถามให้ความสำคัญกับการมี Application มาเป็นส่วนหนึ่งของช่องทางการใช้บริการและอำนวยความสะดวกสบายภายในที่อยู่อาศัย และ 80% ของผู้ตอบแบบสอบถาม ให้ความสำคัญกับเรื่องสุขอนามัยที่ดี โดยมีความกังวลในเรื่องฝุ่น เชื้อโรค ภายในโครงการ ทำให้มีความต้องการระบบกำจัดเชื้อโรคและป้องกันฝุ่นละอองภายในโครงการ รวมถึงการให้ความสำคัญกับเรื่องของการรักษาสิ่งแวดล้อมและพลังงานสะอาดมากขึ้น โดยมีความต้องการใช้ EV Charger มากถึง 50% และตู้อัตโนมัติรับขยะรีไซเคิลกว่า 75% รวมถึงติดตั้ง Solar Cell เพื่อเป็นแหล่งผลิตพลังงานไฟฟ้าไว้ใช้ภายในโครงการ

จากผลการสำรวจดังกล่าว ผมสรุปออกมาเป็น 4 ประเด็นสำคัญในการพัฒนาที่อยู่อาศัยอัจฉริยะ เพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาโครงการรวมถึงเป็นแนวทางสำหรับผู้ซื้อที่อยู่อาศัยที่จะใช้เป็นคู่มือ หรือ Check List ในการเลือกซื้อที่อยู่อาศัยภายใต้แนวคิด “ที่อยู่อาศัยอัจฉริยะ หรือ Smart Residence” ประกอบด้วย

-ความสะดวกสบาย (Comfortable)

ความสะดวกสบาย (Comfortable) เป็นหัวใจของการอยู่อาศัย ปัจจุบันมีเทคโนโลยีที่ช่วยอำนวยความสะดวกสบายในการใช้ชีวิตภายในที่อยู่อาศัย ทำให้การใช้ชีวิตประจำวันภายในบ้านเป็นไปได้อย่างง่ายยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ระบบ Home Automation ที่สามารถควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆภายในบ้านได้ผ่าน Smart Phone, ระบบ Smart Lighting ที่สามารถปรับเปลี่ยนสีของหลอดไฟได้ หรือแม้กระทั่ง Smart Thermostat ที่ควบคุมอุณหภูมิบ้านให้เหมาะสม นอกจากนี้ระบบ Smart Service ที่สามารถใช้บริการพื้นที่ส่วนกลางหรือติดต่อนิติบุคคลผ่าน Application ก็เป็นเรื่องที่จำเป็นในยุคปัจจุบัน

-ความปลอดภัย (Safety)

ความปลอดภัย (Safety) ในการอยู่อาศัยเป็นสิ่งที่คนในปัจจุบันให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ ปัจจุบันเทคโนโลยี่ได้มีการพัฒนานวัตกรรมเพื่อการอยู่อาศัยอย่างปลอดภัยออกมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งระบบที่รียกว่า Active Technology เช่น Digital Door Lock ที่ประตูทางเข้า, ระบบการเข้า-ออกอาคารโดยใช้ Key Card หรือระบบ Face Recognition และ Passive Technology เช่น ระบบสัญญาณกันขโมยภายในบ้าน, กล้อง IP Camera ที่สามารถควบคุมได้ผ่าน Smart Phone เป็นต้น

-สุขอนามัยในการอยู่อาศัย(Wellbeing)

หลังจากการแพร่ระบาดของโคโลน่าไวรัสสายพันธ์ใหม่ 2019 (COVID-19) และปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมโดยเฉพาะฝุ่น PM2.5 ในประเทศไทย ทำให้ผู้คนหันมาตระหนักถึงปัญหาทางด้านสุขภาพกันมากขึ้น ทำให้การพัฒนาที่อยู่อาศัยในปัจจุบันผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์จำเป็นต้องพัฒนาที่อยู่อาศัยที่ให้ความสำคัญกับเรื่องของสุขอนามัยในการอยู่อาศัยที่ดี โดยในปัจจุบันมีเทคโนโลยี่ที่สามารถช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคที่เกิดจากเชื้อโรคและโรคที่เกิดจากมลภาวะทางอากาศ ภายในอาคาร เช่น การใช้ระบบเข้า-ออกอาคารแบบไร้สัมผัส เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของโรคติดต่อ, ระบบ Positive Air Pressure ที่สร้างแรงดันบวกภายในบ้านเพื่อไม่ให้ฝุ่นเข้ามาด้านใน หรือการใช้เครื่องปรับอากาศที่สามารถกรองฝุ่น PM2.5 ได้ เป็นต้น

-สิ่งแวดล้อม (Environment)

การพัฒนาที่อยู่อาศัยในปัจจุบันทั้งผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์และผู้ซื้อที่อยู่อาศัยให้ความสำคัญกับเรื่องของสิ่งแวดล้อม(Environment) ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการอยู่อาศัย เมื่อพูดถึง ที่อยู่อาศัยอัจฉริยะ หรือ Smart Residence นอกเหนือจากเทคโนโลยี่หรือนวัตกรรมแล้ว การพัฒนาโครงการโดยคำนึงถึงสภาพแวดล้อมและมีส่วนในการลดมลภาวะเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาโครงการ โดยปัจจุบันมีนวัตกรรมที่เป็นมิตรและลดผลกระทบกับสิ่งแวดล้อม ที่ตอบโจทย์กับการอยู่อาศัยอย่างมีคุณภาพ เช่น การใช้วัสดุก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย , EV Charger สำหรับรถไฟฟ้าหรือรถ Plug-in Hybrid, Solar Cell ที่สามารถแปลงพลังงานแสงอาทิตย์เป็นพลังงานไฟฟ้าได้, ระบบ Energy Monitoring ที่สามารถดูการใช้ไฟฟ้าภายในบ้านได้ผ่าน Smart Phone รวมถึงระบบ Water Leak Detector ที่สามารถตรวจจับน้ำรั่วซึมได้

ทั้ง 4 ประเด็นเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาที่อยู่อาศัยภายใต้แนวคิด “ที่อยู่อาศัยอัจฉริยะ หรือ Smart Residence” ที่เริ่มมีผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์นำมาใช้ในการพัฒนาโครงการใหม่ รวมถึงใช้เป็นแนวทางในการปรับปรุงโครงการเก่าให้มีมูลค่าเพิ่มต่อการอยู่อาศัย และยังเป็นแนวทางสำหรับผู้ซื้อที่อยู่อาศัยที่จะใช้เป็นคู่มือในการเลือกซื้อที่อยู่อาศัย

บ่อยครั้งที่เวลาผู้ซื้อไปเลือกซื้อที่อยู่อาศัยมักจะเกิดคำถามกับตัวเองว่า เราควรจะเลือกโครงการไหน หลังจากที่สำรวจหลายๆ โครงการในทำเลเดียวกันมีความชอบ แบบบ้าน(Product) หลายๆ แบบ ในทำเล(Place) และราคา(price) ใกล้เคียงกัน แถมแคมเปญส่วนลดต่างๆ (Promotion) ก็ไม่ต่างกัน แล้วจะเลือกอย่างไร ผมแนะนำให้ใช้ทั้ง 4 หัวข้อเป็น Check List เพื่อหาความแตกต่างและเป็นข้อมูลสำคัญในการตัดสินใจเลือก เพื่อที่จะได้ที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์ทั้งความสะดวกสบาย มีความปลอดภัย สุขอนามัยที่ดี และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เป็นที่อยู่อาศัยที่อยู่ได้อย่างยั่งยืนสำหรับคนทุกวัย

แล้วพบกันใหม่ในเดือนเมษายน ส่วนจะเป็นเรื่องอะไรมาติดตามกันครับ หรือถ้าผู้อ่านมีความสนใจในหัวข้อไหนเป็นพิเศษ แนะนำกันได้ครับ สวัสดีครับ 

:: บทความ โดย ประพันธ์ศักดิ์ รักษ์ไชยวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลุมพินี วิสดอม แอนด์ โซลูชั่น จำกัด