เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ มั่นใจโตต่อเนื่อง โชว์แลนด์แบงก์ 15 แปลง เตรียมลุยโครงการแนวราบและคอนโด กว่า 3.14 หมื่นล้าน
บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านการพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ระดับลักชูรีและคอนโดมิเนียมเลี้ยงสัตว์ได้ (Pet Family Residences) เข้าเกียร์ขับเคลื่อนธุรกิจครั้งใหม่ รุกตลาดอสังหาริมทรัพย์ระยะยาวต่อเนื่อง เผย 15 แลนด์แบงก์ศักยภาพรอบกรุงเทพฯ เพื่อพัฒนาพื้นที่สู่โครงการแนวราบและคอนโดมิเนียมตั้งแต่ระดับ Mid-range ถึงระดับอัลตร้า ลักชูรี โดยแบ่งเป็น 8 แลนด์แบงก์ที่อยู่ระหว่างการดำเนินการก่อสร้างโครงการ และวางแผนสำรองแลนด์แบงก์ 7 แปลง เพื่อลงทุนพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ระหว่างปี พ.ศ. 2567 – 2569 มั่นใจสร้างความเคลื่อนไหวในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์มูลค่ารวมกว่า 31,440 ล้านบาท ตลอดระยะเวลา 3 ปีต่อเนื่อง
คุณเพชรลดา พูลวรลักษณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ตามวิสัยทัศน์ของแบรนด์ในการมุ่งสู่การเป็น Lifescape Developer ได้ประกาศแผนธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์แบบ All Time High ในการรุกตลาดผ่านโครงการใหม่รวมมูลค่ากว่า 14,700 ล้านบาท ปัจจุบันได้ดำเนินการพัฒนาโครงการระดับคุณภาพต่างๆ ตามแผนกลยุทธ์และระยะเวลาที่บริษัทฯ ได้วางแผนไว้
เพื่อผลักดันศักยภาพและรายได้สู่การเติบโตอย่างยั่งยืน โดยได้เตรียมยกระดับความแข็งแกร่งและความน่าเชื่อถือของแบรนด์เพิ่มไปอีกขั้น โดยได้เผยพื้นที่ศักยภาพรอบกรุงเทพฯ ทั้งย่านศูนย์กลางเศรษฐกิจอย่าง (Center point หรือ New CBD) รวมทั้งส่วนขยายของกรุงเทพฯ (Sub-urban) ที่บริษัทฯ ได้วางแผนเพื่อพัฒนาโครงการทั้งในส่วนของแนวราบและคอนโดมิเนียมมากกว่า 15 พื้นที่ อาทิ ปิ่นเกล้า บรมราชชนนี พัฒนาการ รามคำแหง พร้อมพงษ์ กรุงเทพกรีฑา พญาไท ลาดพร้าว และพหลโยธิน เป็นต้น มูลค่ารวมของโครงการกว่า 31,440 ล้านบาท”
ปัจจุบัน ได้ดำเนินการพัฒนาโครงการบนพื้นที่ทั้งสิ้น 7 แปลง แบ่งเป็น
กลุ่มแนวราบ 5 โครงการ ได้แก่ โครงการเมย์ฟิลด์ เลน (Mayfield Lane) รัชดา-ลาดพร้าว 26 มูลค่า 400 ล้านบาท โครงการเมย์ฟิลด์ (Mayfield) ปิ่นเกล้า มูลค่า 1,000 ล้านบาท โครงการเมย์ฟิลด์ (Mayfield) รามอินทรา-คู้บอน มูลค่า 2,300 ล้านบาท โครงการ เท็น แอนด์ โอนลี่ (10 & Only) พัฒนาการ 20 มูลค่า 1,100 ล้านบาท และโครงการมิลฟอร์ด (Milford) รามคำแหง 53 มูลค่า 1,600 ล้านบาท
และกลุ่มคอนโดมิเนียม 3 โครงการ ได้แก่ โครงการมาร์คีส์ (Marquis) พญาไท มูลค่า 5,500 ล้านบาท โครงการมิวนิค (Muniq) พร้อมพงษ์ มูลค่า 3,300 ล้านบาท และโครงการมารุ (Maru) จุฬา มูลค่า 1,100 ล้านบาท โดยรวมมูลค่าโครงการที่ดำเนินการพัฒนาก่อสร้างอยู่ที่ 16,300 ล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีทำเลศักยภาพอื่นๆ ที่น่าจับตามองครอบคลุมทั่วกรุงเทพฯ อีก 7 แปลง ทั้งในส่วนพื้นที่ ใจกลางเมือง แหล่งไลฟ์สไตล์และออฟฟิศ หรือใกล้เส้นทางคมนาคมที่สะดวกต่อการเดินทาง เป็นต้น โดยแบ่งเป็นโครงการแนวราบ 5 โครงการ บริเวณพื้นที่บรมราชชนนี กรุงเทพกรีฑา และลาดพร้าว ซอย 8 เป็นต้น และโครงการคอนโดมิเนียม 2 โครงการ บริเวณพื้นที่เจริญเมือง เจริญกรุง และอารีย์-พหลโยธิน เป็นต้น ซึ่งบริษัทฯ วางแผนพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ระดับคุณภาพ ทั้งโครงการบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม และคอนโดมิเนียม เพื่อตอบรับทุกความต้องการ ทุกเซ็กเมนต์ในทุกระดับราคา การันตีด้วยคุณภาพ และบริการตามมาตรฐานการของเมเจอร์ฯ ในเรื่อง Craft & Quality ที่ผสานความเข้าใจในด้าน Pet Family โดยมีมูลค่าโครงการที่กำลังพัฒนาในอนาคตกว่า 15,140 ล้านบาท
“ซึ่งจากแผนการลงทุนและพัฒนาพื้นที่ศักยภาพของบริษัทฯ ทั้ง 15 แลนด์แบงก์รอบกรุงเทพฯ มูลค่ารวมกว่า 31,440 ล้านบาท จะสามารถสร้างความเคลื่อนไหวในตลาดอสังหาริมทรัพย์ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2567 – 2569 ตลอดระยะเวลา 3 ปีต่อเนื่องกัน” คุณเพชรลดา กล่าวสรุป