กลุ่ม “แซง-โกแบ็ง” ตั้งเป้าเป็นองค์กร “Carbon Neutrality” ในปี 2593 ยกทัพทีมผบห.จัดเสวนา “ยกระดับความท้าทายเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน ส่งเสริมการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกในอุตสาหกรรมการก่อสร้างของประเทศไทย” ตอกย้ำดำเนินธุรกิจควบคู่การรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

นายเบอร์นัว บาร์แซง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่ม แซง-โกแบ็ง  กล่าวว่า เพื่อเป็นการตอกย้ำการเป็นองค์กรที่มีแนวทางการทำธุรกิจแบบยั่งยืนควบคู่ไปกับการรักษาสิ่งแวดล้อมในระดับสากล กลุ่ม“แซง-โกแบ็ง” ได้มีตั้งเป้าเป็นองค์กร “Carbon Neutrality” ในปี 2593 โดยปัจจุบันกลุ่มแซง-โกแบ็ง ได้มีนโยบายความเป็นกลางทางคาร์บอนของ และระบบธุรกิจหมุนเวียน (circular economy) เพื่อเป็นแนวทางในการร่วมกันสร้าง และพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยมีเป้าหมายในการก้าวสู่การเป็นผู้นำโซลูชั่นการก่อสร้างในรูปแบบ “light and sustainable construction” เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมก่อสร้างของประเทศไทยให้ควบคู่ไปกับการรักษาสิ่งแวดล้อม

นอกจากนี้กลุ่มบริษัทแซง-โกแบ็ง ยังมีแนวทางในการดำเนินธุรกิจที่คำนึงถึงคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัยอย่างยั่งยืน มุ่งเน้นในเรื่อง Sustainability เป็นอีกหนึ่งเป้าหมายที่สำคัญของกลุ่มบริษัทแซง-โกแบ็งมาโดยตลอด โดยการทำให้โลกของเราเป็นบ้านที่น่าอยู่ยิ่งขึ้นกว่าเดิมตามวัตถุประสงค์ของกลุ่มบริษัทที่ว่า “Making the world a better home” ตั้งแต่การเลือกใช้วัสดุ กระบวนการผลิต ระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน (circular economy) การประเมินวัฏจักรชีวิต (LCA) และการใช้พลังงานทดแทน ซึ่งได้มีการกำหนดเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมมาอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา 10 ปีที่ผ่านมา

โดยได้มีการกำหนดวัตถุประสงค์ทางด้านสิ่งแวดล้อมในช่วงเวลาต่าง ๆ ให้สอดคล้องกับกฏบัตรด้านสิ่งแวดล้อม EHS โดยมีเป้าหมายสำคัญในการขับเคลื่อนสู่องค์กรที่เป็นกลางทางคาร์บอน ภายในปี 2593 ดังนั้นกลุ่มบริษัทแซง-โกแบ็ง จึงได้ส่งเสริมบทบาทในการป้องกัน และบรรเทาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศร่วมกันกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นพนักงาน นักลงทุน ผู้กำหนดนโยบาย ลูกค้า ซัพพลายเออร์ องค์กรภาคประชาสังคม และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอื่นๆ อีกด้วย

ด้านภาพรวมของอุตสาหกรรมก่อสร้างในปี 2567 กลุ่มบริษัทแซง-โกแบ็ง มองว่า เป็นปีที่ท้าทาย ทั้งเรื่องของต้นทุนสินค้า, งบประมาณการก่อสร้าง, ค่าแรงที่สูงขึ้น และการขาดแคลนแรงงาน รวมถึงการแข่งขันด้านราคาที่สูงมาก ทำให้กลุ่มบริษัทแซง-โกแบ็งมองเห็นโอกาสในการใช้นวัตกรรมที่มีความชำนาญมาสร้างความแตกต่างเพื่อนำเสนอให้กับลูกค้า ด้วยการมุ่งเน้นพัฒนา Innovation, System และ Solution ให้เป็น Practical Innovation โดย Solution จะเน้นเรื่องการแก้ปัญหาต่างๆที่เกิดจากการใช้งานจริงจากการก่อสร้างเพื่อการอยู่อาศัยที่ดียิ่งขึ้น การลดการใช้พลังงาน และการลดต้นทุนการซ่อมแซมในระยะยาว รวมถึงการให้คำปรึกษาจากทีมงานเทคนิคที่เชี่ยวชาญทำให้เกิดประสิทธิภาพ และคุณภาพในการก่อสร้างที่ดียิ่งขึ้น สร้างความพึงพอใจให้ผู้ใช้ และผู้อยู่อาศัยมากขึ้น เป็นการต่อยอดธุรกิจขายปลีก และขายส่ง รวมถึงทำให้สินค้าเป็นที่รู้จัก และยอมรับ

โดยกลุ่มบริษัทแซง-โกแบ็ง ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ปารีส ลอนดอน แฟรงก์เฟิร์ต ซูริก บรัสเซลส์ และอัมสเตอร์ดัม โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่มธุรกิจหลักๆ คือ

1.กลุ่มวัสดุก่อสร้าง (Construction Materials) ประกอบด้วย

- โซลูชั่นงานฝ้าเพดาน และผนังเบายิปซัม ยิปรอค หรือ Gyproc ซึ่งเป็นโรงงานผลิตภัณฑ์ยิปซัมแห่งแรกในประเทศไทย

- เวเบอร์ (Weber) กาวซีเมนต์ ยาแนว ระบบกันซึม และเคมีภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์มอร์ตาร์สำหรับงานก่อสร้าง และงานซ่อมแซม ซึ่งมีทีมพัฒนา R&D ทั้งในประเทศไทย และทั่วโลก

- โซลูชั่นฉนวนกันร้อน และกันเสียง อิโซแวร์ หรือ Isover และท่อแอร์แบบมีฉนวนในตัว Climaver

- แซง-โกแบ็ง กล๊าส (Saint-Gobain Glass) กระจกแผ่นเรียบคุณภาพสูงสำหรับบ้าน และอาคาร

- แพม (PAM) โซลูชั่นท่อส่งก๊าซ ท่อน้ำแบบครบวงจร

2. กลุ่มอุตสาหกรรม (Industry) ประกอบด้วย

- ฟอร์มูล่า (Formula) ปูนปลาสเตอร์อุตสาหกรรมคุณภาพสูง

- นอร์ตั้น แอบราซีฟส์ (Norton Abrasives) ผลิตภัณฑ์ใบตัด เจียร ตัด ขัด เจาะ คุณภาพสูง

 

- พีพีแอล (PPL) ผลิตภัณฑ์โพลิเมอร์ประสิทธิภาพสูง

3.กลุ่ม Mobility ผลิตภัณฑ์กระจกรถยนต์ ซีคิวริท (Sekurit) สำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์

นายเอกสิทธิ์ ลุคนานิธิพันธุ์ ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจและพัฒนาธุรกิจคาร์บอนต่ำ กลุ่มบริษัท ดาว (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ดาวฯเป็นบริษัทฯที่ดำเนินธุรกิจด้านความยั่งยืนของวัตถุดิบ โดยผลิตวัตถุดิบและสนับสนุนด้านความยั่งยืน เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้ยั่งยืน ซึ่งโฟกัสในเรื่องของ Packaging รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานที่ใช้ทำผลิตภัณฑ์ อย่างแรกคือ ต้องการนำของกลับมาใช้ ซึ่งทำให้เกิดเป็นกระบวนการ ให้ขยะพลาสติกเป้นขยะที่มีคุณภาพด้วยการสร้างเป็นห่วงโซ่ที่มีคุณภาพ ทั้งนี้การเดินทางไปสู่ความยั่งยืนของเรา จะต้องอาศัยหลายด้านทั้งการลดขยะ การรีไซเคิลขยะ เพื่อทำความยั่งยืนให้เป็นในเชิงพาณิชย์ รวมไปถึงการสนับสนุนความยั่งยืนในหลายมิติ

นายปาทรีซ บาร์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บวิค-ไทย จำกัด กล่าวว่า กว่า 20 ปีที่ผ่านมาบริษัทฯให้การสนับสนุนลดการปล่อยคาร์บอนมาโดยตลอด ซึ่งเป็นความท้าทายในอุตสาหกรรมการก่อสร้างเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะการใช้คอนกรีตในอุตสาหกรรมก่อสร้าง ซึ่งบริษัทได้ทำความร่วมมือกับลูกค้าและซัพพลายเออร์ต่างๆ ด้วย เพื่อวิเคราะห์ถึงการปล่อยคาร์บอนจากทุกกิจกรรมที่ทำในกระบวนการ เช่น การใช้รถบรรทุก น้ำมันประเภทไหน เมื่อได้ผลลัพธ์ก็นำมาประเมินว่ามีการปล่อยอย่างไรบ้าง โดยมีการประเมินทุก 3 เดือน 6 เดือน และ 1 ปี แม้ว่าจะใช้เวลานานพอสมควรในการวิเคราะห์ว่าส่วนที่ปล่อยคาร์บอนในไซต์งานมีเท่าไหร่บ้าง โดยจะทำให้เกิดความเหมาะสมมากที่สุด แต่ก็จะสามารถจัดหมวดหมู่ซัพพลายเออร์ได้ว่ากลุ่มไหนมีการปล่อยคาร์บอนมากที่สุด อย่างไรก็ดีเชื่อว่าการมีผู้กำกับดูแลและให้ความสำคัญในเรื่องนี้เป็นสิ่งที่จำเป็น เพราะอาคารเก่า จะต้องมีการปรับปรุงให้มีการประหยัดพลังงาน ปล่อยคาร์บอนได้น้อย