ปัจจุบัน มนุษย์ออฟฟิศทั่วโลกให้ความสำคัญกับมิติต่างๆ มากขึ้น โดยเฉพาะมิติที่เกี่ยวข้องกับการใช้ชีวิตและการทำงาน ที่คนให้ความสำคัญกับ Work-Life Balance มากขึ้น และเกิดวิถีการทำงานใหม่ๆ อย่าง Work-Life Integration ซึ่งหมายถึง การผสานกันระหว่างการทำงานและชีวิตส่วนตัวเป็นหนึ่งเดียวกัน ชีวิตสมดุลได้โดยไม่ต้องแยกจากงาน แต่จะทำอย่างไรให้ทั้งทำงานและใช้ชีวิตไปพร้อมๆ กันอย่างมีความสุข แน่นอนว่าสถานที่ทำงานมีส่วนมากทีเดียว

 

เทรนด์ออฟฟิศ 2024 : พื้นที่ทำงานต้องตอบสนอง Work-Life Balance

      แม้ปัจจุบันวัฒนธรรมในการทำงานแบบ Hybrid work, Work from home หรือ Remote work จะกลายเป็นเรื่องสามัญธรรมดา และพื้นที่ออฟฟิศอาจถูกมองว่าไม่จำเป็น ซึ่งเป็นพฤติกรรมการทำงานที่เปลี่ยนไป และเป็นเช่นเดียวกันทั่วโลก

สอดคล้องกับรายงานจาก KnightFrank ที่ระบุว่า สำนักงานเกรด A มีเสถียรภาพมากที่สุด โดยมีอัตราการเช่าสูงสุดที่ประมาณ 80% สะท้อนให้เห็นว่า คุณภาพชีวิต ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกอาคารสำนักงานในมุมมองของผู้เช่า เพราะสำนักงานเกรด A ตอบสนองแนวคิดเรื่องความยั่งยืนและ ESG ได้มากกว่า โดยบางบริษัทจะพิจารณาเฉพาะอาคารที่ได้รับการรองรับอาคารสีเขียวเท่านั้น เนื่องจากผู้เช่าจำนวนมาก ให้ความสำคัญกับความยืดหยุ่น เทคโนโลยี และความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงานมากขึ้น

แต่ในอีกด้านของการทำงานแบบ Work From Home ที่เมื่อสถานที่ทำงานและสถานที่ใช้ชีวิตนั้นอยู่ร่วมกัน คนทำงานส่วนใหญ่ต้องเจอกับปัญหาที่ไม่สามารถแยกเวลางานออกจากการใช้ชีวิตได้ ส่งผลต่อความเครียดและขาด Work-Life Balance ทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานลดลงตามไปด้วย การมีอยู่ของออฟฟิศจึงมีส่วนที่ช่วยปรับสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงาน โดยเฉพาะในยุคที่พฤติกรรมการทำงานเป็นแบบ Hybrid Work แต่แน่นอนว่า ออฟฟิศเองก็ต้องมีปัจจัยที่ตอบสนอง Work-Life Balance ด้วย

         Office Market Trend for 2024 จาก CALIBRO เผยผลสำรวจมุมมองของพนักงานที่มีต่อสถานที่ทำงาน ที่เหมาะสมในยุคที่พฤติกรรมการทำงานเปลี่ยนไป พบว่าออฟฟิศที่จะสามารถตอบการทำงานของพนักงานได้ มีด้วยกันทั้งหมด 5 ด้าน ได้แก่

Hybrid Work : การทำงานแบบ Remote work หรือ Work from home ทำให้ขาดการปฏิสัมพันธ์กัน ซึ่งส่งผลต่อวัฒนธรรมองค์กรในภาพรวม บริษัทหลายแห่งจะใช้นโยบาย Hybrid work เพื่อให้เกิดการพบปะกันของพนักงานในแต่ละสัปดาห์ ซึ่งสร้างบรรยากาศในการทำงานที่ดีมากขึ้น

Flexible Space : พนักงานมีความต้องการในการใช้พื้นที่ที่เปลี่ยนไป ออฟฟิศจึงควรมีการปรับฟังก์ชันที่ยืดหยุ่นมากขึ้น โดยเริ่มมีการปรับบางส่วนในออฟฟิศให้เป็น Focus pods, Meeting docks, Co-working space เพื่อรองรับรูปแบบการทำงานที่แตกต่างกันของพนักงาน

Grade A Office : ในภาพรวมของตลาดออฟฟิศ พบว่าอาคารสำนักงานเกรดเอ ดึงดูดความต้องการมากขึ้น โดยเฉพาะอาคารที่มีมาตรฐาน ESG และมีการรับรองผ่าน LEED

Sustainable Design : อาคารที่มีการออกแบบรองรับความยั่งยืนทั้งในด้านพลังงานหมุนเวียน การลดคาร์บอน หรือการใช้วัสดุรีไซเคิล กลายเป็นเรื่องที่สำคัญมากขึ้นในการเลือกออฟฟิศ

Inclusive Design : การสร้างสภาพแวดล้อมที่ดี นับเป็นการสร้างความเป็นอยู่ที่ดีของ

พนักงาน การจัดสถานที่แบบ DEI (Diversity, Equality and Inclusion) ที่รองรับด้านความหลากหลาย ความเท่าเทียม และการมีส่วนร่วม ทั้งภายในออฟฟิศและชุมชน นับเป็นเรื่องที่ถูกให้ความสำคัญมากขึ้น

      มุมมองของพนักงานจากผลสำรวจ พบว่าการจัดสภาพแวดล้อมการทำงานทั้ง 5 ด้าน นอกจากจะช่วยตอบสนองพฤติกรรมการทำงานที่เปลี่ยนไปได้ ยังช่วยสร้างบรรยากาศที่ดีในการทำงาน ที่สามารถจัดสมดุล Work-Life Balance ได้ดีขึ้น เพื่อส่งเสริมให้เกิด Well-being ของคนทำงาน

 

อะไรคือ Work & Well-being Balance

แนวคิด Well-being หรือ ‘สุขภาวะ’ เป็นแนวคิดที่ถูกหยิบยกขึ้นมามากขึ้นในปัจจุบัน เพราะไม่ใช่แค่การจัดสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงานแบบ Work-Life Balance เท่านั้น แต่ยังหมายถึงความเป็นอยู่ที่ดีในทุกมิติของชีวิตด้วย ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อพนักงานเกิด Well-being ย่อมส่งผลต่อภาพรวมการทำงานที่ดีไปด้วยเช่นกัน

 

Well-being และ Wellness โจทย์แห่งชีวิตสมดุลของคนยุคใหม่ : แนวคิด Well-being หรือ Wellness คือการพูดถึงสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี เพื่อชีวิตที่มีความสมดุลและสมบูรณ์แบบ ซึ่งมีบันได 6 ขั้นในแต่ละด้าน ได้แก่ งาน, สังคม, สุขภาพ, สติปัญญา, จิตวิญญาณ และ อารมณ์ ซึ่งมากกว่าแค่เรื่องสุขภาพ แต่เป็นการสร้างความสุขและความพอใจในชีวิตและสามารถต่อยอดไปในถึงสังคมและการทำงานได้ ดังนั้นการสร้าง Well-being ให้เกิดแม้กระทั่งที่ทำงาน จึงเป็นการช่วยสร้างสมดุลแห่งชีวิตของพนักงานได้เช่นกัน

Work & Well-being Balance ในที่ทำงาน : สภาพแวดล้อมในที่ทำงานที่เหมาะสม มีส่วนอย่างมากในการสร้าง Well-being ให้กับพนักงาน สอดคล้องกับรายงาน Office Market Trend for 2024 ที่ส่วนใหญ่ให้มุมมองด้านการปรับสภาพแวดล้อมในที่ทำงาน ที่ไม่ใช่แค่ต้องปรับให้ยืดหยุ่นกับวิถีการทำงานที่เปลี่ยนไป แต่ยังต้องสอดคล้องกับวิถีชีวิต ทั้งในด้านสังคมและสุขภาพกายใจด้วย

งานวิจัยจาก Fortune 500 ระบุว่า พนักงานที่เชื่อว่าตัวเองมีสมดุลของการทำงานและชีวิตที่ดี สามารถทำงานได้มีประสิทธิภาพได้มากกว่าคนที่ไม่ได้รู้สึกถึง 21% การสร้าง Work & Well-being Balance ในที่ทำงาน ช่วยเพิ่มศักยภาพพนักงานได้มากขึ้น สร้างผลลัพธ์ที่ดีทั้งกับคุณภาพชีวิตพนักงาน และศักยภาพองค์กร

 

S-OASIS ออฟฟิศที่ให้ความสำคัญกับทั้งชีวิตและจิตใจของคนทำงาน

S-OASIS คืออาคารสำนักงานที่มีความเชื่อว่า การสร้างสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ดี จะช่วยส่งเสริมคุณภาพชีวิตของคนทำงานได้ และมีชีวิตสมดุลได้โดยไม่ต้องแยกจากงาน (Work-Life Integration) โดยเป็น Smart & Sustainable Office แห่งเดียวบนถนนวิภาวดีรังสิต ที่ออกแบบโดยยึดตามมาตรฐาน LEED ออกแบบให้พื้นที่สอดรับไปกับชุมชนรอบด้าน และมีแหล่งไลฟ์สไตล์รองรับภายใน ในแบบที่ ‘เป็น อยู่ ดี และ ยั่งยืน’

 

S-OASIS ‘เป็น’ อย่างไร

S-OASIS ออกแบบและพัฒนาภายใต้อาคารอัจฉริยะและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Smart & Sustainable Office) ที่ได้มาตรฐาน LEED Gold V4 ให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม โดยมีการใช้ระบบพลังงานทดแทนทั่วทั้งอาคาร เลือกใช้วัสดุจากวัสดุรีไซเคิลและใช้ผลิตภัณฑ์เคลือบพื้นผิวที่มีค่า Low VOCs ลดมลพิษต่อชุมชนและเป็นมิตรต่อสุขภาพผู้ใช้อาคาร อีกทั้งยังนำ Green Loan Features และ Green Lease มาใช้ เพื่อตั้งเป้าหมายด้านความยั่งยืนร่วมกัน โดยเป็นการลดการใช้พลังงาน 10% และลดการปล่อยคาร์บอนถึง 5% รวมถึงการเป็นอาคารออฟฟิศที่มี EV-Charger เยอะที่สุดบนถนนวิภาวดีรังสิต ทำให้ S-OASIS เป็นอาคาร Smart & Sustainable Office ชั้นนำของไทย

         ด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยี มีการใช้ AI Technology เพื่อติดตามข้อมูลภายในอาคารแบบ Real-time ทำให้สามารถบริหารจัดการอาคารได้อย่างมีประสิทธิภาพ ควบคุมคุณภาพอากาศภายในอาคารด้วยเทคโนโลยี S-Hygiene เพื่อสร้างอากาศที่บริสุทธิ์ในอาคารอยู่เสมอ

 

S-OASIS ‘อยู่’ อย่างไร 

ภายใน S-OASIS ออกแบบให้สามารถใช้ชีวิตได้แบบ Day & Night ด้วยการสร้าง S Community ที่เชื่อมโยงกับชุมชนโดยรอบ โดยเปิดพื้นที่ CSR เพื่อให้ชุมชนสามารถนำสินค้ามาขาย สร้างอาชีพและรายได้กับชุมชน ใกล้สวนจตุจักร สวนวชิรเบญจทัศ (สวนรถไฟ) และสวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ และยังมีห้องอาบน้ำรองรับอยู่ภายในอาคาร ทำให้สามารถออกกำลังกายที่สวนได้สะดวกสบาย นอกจากนี้ยังร่วมกับพันธมิตรผู้เช่าภายในอาคาร รณรงค์เปลี่ยนพฤติกรรมการลดปริมาณขยะฝังกลบและการจัดการขยะให้ถูกวิธี เพื่อสร้างต้นแบบชุมชนสีเขียวที่ยั่งยืนไปด้วยกันอีกด้วย

การใช้ชีวิตในวันทำงานภายใน S-OASIS ไม่ใช่แค่มาเพื่อทำงานเท่านั้น แต่ยังได้ไลฟ์สไตล์ที่ครบครันด้วย โดยภายในมีร้านค้าหลากหลายจาก S-OASIS Retail และ SUN Plaza ที่เชื่อมต่อกัน รวมร้านค้าชั้นนำครบทั้งกินดื่ม และยังมี foodPLACE ที่สะอาด อร่อย และราคาประหยัดสำหรับคนทำงาน อีกทั้งยังมีแหล่งแฮ้งก์เอ้าท์สำหรับ Chill & Dine รองรับในช่วงค่ำอีกด้วย

 

S-OASIS ‘ดี’ และ ‘ยั่งยืน’ อย่างไร 

S-OASIS มีระบบบริหารงานคุณภาพมาตรฐาน ISO 9001, 14001 และ 45001 ภายในอาคารออฟฟิศ ออกแบบตามมาตรฐาน Well-designed เพื่อสร้าง Well-being Environment ที่นอกจากเรื่องคุณภาพอากาศภายในอาคาร ยังมีเซ็นเซอร์ตรวจจับแสงธรรมชาติ (Daylight Sensor) เพื่อควบคุมแสงสว่างในอาคคารอย่างเหมาะสม พร้อมกระจกสูง (Full Height Window) ที่เปิดรับแสงธรรมชาติได้อย่างเพียงพอ

         ด้านความยืดหยุ่นในการใช้งาน ออกแบบเพดานแบบ Knock-out Panel ทำให้ผู้เช่าสามารถปรับเป็นออฟฟิศแบบ 2 ชั้นได้ และยังมีพื้นที่สีเขียวภายในและนอกอาคารกว่า 2,200 ตร.ม. เพื่อรองรับการพักผ่อนของคนทำงาน โดยผลสำรวจจาก Satisfaction Survey (Tenant Office, Shop Retail and Visitor) พบว่า ผู้ใช้อาคาร S-OASIS จำนวน 90% ได้รับความพึงพอใจอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2021-2023 และ S-OASIS ยังได้รับรางวัล Most Innovative New Office Building Development Project Award 2024 จาก Global Business Outlook Award ซึ่งนับเป็นรางวัลออฟฟิศระดับโลกอีกด้วย

 

S-OASIS ออฟฟิศที่ทำให้ชีวิต WORK & WELL-BEING BALANCE

S-OASIS บริการภายใต้วิสัยทัศน์ “Entrusted and Value Enricher” มุ่งมั่นสร้างคุณค่าและการเติบโตที่ยั่งยืน  ด้วยการใส่ใจและเติมเต็มประสบการณ์การทำงาน และการใช้ชีวิต ที่เน้นให้ผู้ใช้อาคารเป็นศูนย์กลาง ดังนั้นนอกจากการสร้างสภาพแวดล้อมโดยรอบให้ ‘น่าอยู่’ และ ‘อยู่ดี’ แล้ว ยังให้ความสำคัญในด้านการบริการด้วยเช่นกัน อาทิ MaxServe บริการทำความสะอาดสำนักงานแบบครบวงจร ที่ถูกสุขอนามัยและได้มาตรฐานสากล รวมถึง JUMP&SYNC ที่มอบความยืดหยุ่นให้กับผู้เช่า ทั้งการปรับพื้นที่และระยะเวลาสัญญาเช่า, อำนวยความสะดวกด้านอุปกรณ์สำนักงาน และเครือข่ายความเร็วสูงที่รองรับการทำงานแบบ Hybrid Model

ทั้งหมดนี้ คือสิ่งที่อาคารออฟฟิศอย่าง S-OASIS สามารถตอบโจทย์การใช้ชีวิตอย่างไร้รอยต่อแบบ Work-Life Integration  ให้มีความ ‘เป็น อยู่ ดี ยั่งยืน’ เพื่อการสร้าง Work & Well-being Balance ที่มอบทั้งคุณภาพงาน คุณภาพกาย คุณภาพใจ และคุณภาพชีวิต ให้กับคนทำงานทุกคน

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม - https://commercial.singhaestate.co.th/Soasis

รับสิทธิพิเศษสำหรับผู้สนใจพื้นที่สำนักงาน : https://bit.ly/4cyLPdo