ยุค VUCA (Volatility, Uncertainty, Complexity, Ambiguity) โลกของเรามีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและซับซ้อนมากขึ้นจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีที่พัฒนาอย่างรวดเร็ว ความต้องการและพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงตามการใช้งานเทคโนโลยี รวมถึงสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน

การปรับตัวในยุคนี้จึงเป็นสิ่งสำคัญมาก ไม่ว่าจะเป็นการเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ๆ การปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ทางธุรกิจ หรือการพัฒนาทักษะใหม่ๆ เพื่อให้สามารถรับมือกับความท้าทายและโอกาสที่เกิดขึ้นได้

คำถามคือ แล้วจะต้องปรับตัวอย่างไร ในเมื่อความรวดเร็วซับซ้อนของสิ่งต่างๆ รอบตัวเรามันช่างรวดเร็วเสียเหลือเกิน จนบางครั้งเรารู้สึกว่า ความสามารถของมนุษย์เรา จะตามโลกไม่ทันอย่างแน่นอน

Systems Thinking คือ คำตอบของสิ่งที่กล่าวมาครับ

Systems Thinking หรือ การคิดเชิงระบบ คือ วิธีคิดที่มองสิ่งต่างๆ ตลอดจนสถานการณ์ จากภาพรวมไปสู่รายละเอียดภายในระบบ ที่มีทั้งปัจจัยต่างๆ และความสัมพันธ์ระหว่างแต่ละปัจจัยนั้นว่า ทำงานร่วมกัน และส่งผลกระทบซึ่งกันและกันอย่างไร

ดังนั้น ในโลกปัจจุบันที่ทุกสิ่งเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยี สิ่งแวดล้อม แม้แต่พฤติกรรมของคน มีแบบแผนที่ไม่แน่นอนสูง มีความซับซ้อนของเหตุและปัจจัย จนทำให้เกิดความคลุมเครือของสถานการณ์ ซึ่งส่งผลต่อการตีความและการตัดสินใจมากยิ่งกว่าเดิม แต่เรายังคงพอจะมองภาพรวม หาปัจจัยที่น่าจะเกี่ยวข้องกันได้ รวมถึงการมองแบบแผนของความสัมพันธ์ และไล่เรียงผลกระทบที่มีต่อกันของสิ่งต่างได้ จึงทำให้สามารถหาปัญหาและรากปัญหาที่มองเห็นได้ยาก ตลอดจนแก้ปัญหาและตัดสินใจโดยมีผลกระทบข้างเคียงน้อยที่สุดได้จึงเป็นผลดีในระยะยาว

ในการทำงาน การคิดให้เป็นระบบ เป็นทักษะที่ทางองค์กรจำเป็นต้องให้ความสำคัญ เพราะหากพนักงานไม่ว่าระดับใด มีวิธีคิดที่เป็นระบบแล้ว จะสร้างพื้นฐานที่แข็งแรง ในการต่อยอดทักษะอื่นๆ ในการทำงานหลายๆ ด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการแก้ปัญหา และสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆได้

องค์ประกอบของการคิดแบบ Systems Thinking

ในการคิดแบบ Systems Thinking นั้น ช่วยให้เรามองเหตุการณ์ หรือ วิเคราะห์สิ่งต่างๆ ในแบบระบบ หรือ องค์รวมได้ดียิ่งขึ้นว่า

  1. ระบบนั้นมีเพื่อจุดมุ่งหมาย (Purpose) อย่างไร
  2. หน่วยย่อย (Element) ในระบบนั้นมีอะไรบ้าง มีหน้าที่อะไร หรือ ทำงานอย่างไร?
  3. หน่วยย่อยๆ เหล่านั้น มีความเชื่อมโยง (Interconnection) หรือทำงานร่วมกัน อย่างไร? รวมถึงส่งผลกระทบต่อกันอย่างไร?

เช่น หากมององค์กรเป็นระบบหนึ่ง ก็จะรู้ว่า เป้าหมายขององค์กร (ระบบธุรกิจนี้) ว่าตั้งขึ้นเพื่ออะไร ( Purpose หรือ Why) หน่วยธุรกิจในองค์กรแต่ละส่วนทำงานอย่างไร (Elements) และ แต่ละหน่วยมีความสัมพันธ์อย่างไรต่อกัน (Interconnection) เป็นต้น

เมื่อคิดทั้งระบบได้ ก็จะเข้าใจได้ว่า ทุกส่วนทุกหน่วยต้องทำงานร่วมกัน ไม่อย่างนั้นก็จะส่งผลกระทบและทำให้ภาพรวมทั้งองค์กรเสียได้ เป็นต้น

ประโยชน์ของการคิดแบบ Systems Thinking

การคิดแบบทั้งระบบ หรือ Systems Thinking ไม่ได้จำกัดเฉพาะแค่เพียงผู้บริหารเท่านั้น แต่พนักงานทุกระดับสามารถพัฒนาระบบการคิดแบบนี้ได้ครับ ซึ่งประโยชน์ของการคิดแบบ System Thinking มีดังนี้

ประโยชน์ต่อผู้บริหาร

  • การมองเห็นภาพรวม: ผู้บริหารสามารถมองเห็นปัญหาและโซลูชันในภาพรวม ทำให้สามารถตัดสินใจได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
  • การจัดการทรัพยากร: ช่วยให้ผู้บริหารสามารถจัดการเวลาและทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
  • การตัดสินใจที่ดีขึ้น: การเข้าใจความสัมพันธ์และรูปแบบต่างๆ ในองค์กรช่วยให้ผู้บริหารสามารถตัดสินใจได้ดีขึ้น

ประโยชน์ต่อพนักงานทั่วไป

  • การพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา: พนักงานสามารถแก้ปัญหาที่ซับซ้อนได้ดีขึ้น และสามารถคาดการณ์ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
  • การทำงานร่วมกัน: ช่วยให้พนักงานทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเข้าใจถึงความสัมพันธ์และผลกระทบของการทำงานในระบบ
  • การพัฒนานวัตกรรม: การคิดแบบ System Thinking ช่วยให้พนักงานสามารถพัฒนาความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมใหม่ๆ ได้

องค์กรที่พัฒนาคนทุกระดับให้มีการคิดเชิงระบบได้ จึงสร้างความได้เปรียบอย่างมากในการสร้างการเติบโตไปสู่ยุคอนาคต เพราะเมื่อผู้บริหารมองเห็นภาพรวมของการเปลี่ยนแปลงที่วุ่นวาย มองเห็นทิศทางธุรกิจในระยะยาวที่ตอบโจทย์จุดมุ่งหมายขององค์กรอย่างแท้จริง และตัดสินใจกำหนดเส้นทางที่เหมาะสมให้กับทุกส่วนในองค์กรได้อย่างลงตัวทั้งระบบ ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงาน หรือ พนักงาน

ในขณะที่พนักงานเอง ก็สามารถใช้การคิดเชิงระบบนี้ แก้ไขปัญหาที่เกิดในการทำงาน และหากใช้ประกอบกับการคิดแบบอื่นๆ เช่น การคิดสร้างสรรค์ (Creative Thinking) ก็จะทำให้เกิดนวัตกรรมทางผลิตภัณฑ์ บริการ หรือ แม้แต่แนวทางการทำงานที่ดีขึ้นได้อย่างก้าวกระโดด รวมถึงเกิดความเข้าใจการทำงานร่วมกับหน่วยงานอื่นๆ อย่างเป็นระบบ เพื่อเป้าหมายองค์กรหนึ่งเดียวกัน

สรุป

Systems Thinking จึงเป็นทักษะที่จำเป็นในยุค VUCA World นี้ ที่โลกเราหมุนไปด้วยความรวดเร็ว ไม่แน่นอน ซับซ้อน และคลุมเครือ เป็นอย่างยิ่ง ใครที่คิดเชิงระบบได้ ก็จะมองเห็นภาพรวมของสถานการณ์ต่างๆ จึงทำให้คิดวิเคราะห์หาสาเหตุ ทางแก้ไขและการตัดสินใจ เพื่อผลลัพธ์ในระยะยาวได้ดียิ่งกว่าเดิมครับ