ตลาดน้ำอโยธยา เพลินตาเพลินใจ กับตลาดน้ำสุดยิ่งใหญ่ในอยุธยา

เชื่อว่าหลายคนกำลังวางแผนที่จะไปเที่ยวในวันหยุดสุดสัปดาห์ที่จะมาถึงนี้อยู่ บ้างก็มีสถานที่ในดวงใจแล้ว บ้างก็ยังไม่มี ซึ่งถ้าใครยังไม่รู้ว่าจะไปไหนดี ลองตามมาเที่ยวกับเราได้นะครับ วันนี้เราจะพาคุณไปเดินตลาดน้ำย้อนยุคบรรยากาศดี ที่มีชื่อว่า “ตลาดน้ำอโยธยา” เผื่อไว้เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกในวันหยุดสุดสัปดาห์อันล้ำค่านี้

“ตลาดน้ำอโยธยา” เป็นตลาดน้ำที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ด้วยเนื้อที่กว่า 60 ไร่ อาจทำให้เราต้องใช้เวลาทั้งวันในการเดินจนครบทั่วทั้งพื้นที่ที่กว้างใหญ่แห่งนี้ ดังนั้นเราจึงขอรีบพุ่งตัวเข้าไปสำรวจด้านในทันทีที่มาถึง บรรยากาศในตลาดน้ำอโยธยาวันนี้ดูคึกคักมากแม้ว่าจะเป็นวันธรรมดาก็ตาม มองไปทางไหนก็จะเห็นกลุ่มนักเรียน – นักศึกษาเดินทางมาทัศนศึกษากันเต็มไปหมด ก็ไม่แปลกที่โรงเรียนจะพาเด็กๆ มาทัศนศึกษาที่นี่ ด้วยว่าตลาดน้ำอโยธยาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรม การมาที่นี่จึงเหมือนการยิงปืนนัดเดียวได้นกหลายต่อหลายตัว เพราะได้ทั้งความรู้เชิงประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม ได้ทั้งการเรียนรู้วิถีชีวิตอันเรียบง่ายของชาวไทยในสมัยก่อน และยังได้เพลิดเพลินกับการเลือกซื้อสินค้าต่างๆ อีกด้วย

ภายในตลาดน้ำอโยธยานั้นออกแบบเป็นเรือนไม้ทรงไทย โดยมีสระน้ำอยู่ตรงกลางตลาดและมีทางเดินบริเวณรอบๆ สระ ซึ่งตลอดทางจะมีร้านขายสินค้าและอาหารมากมาย สินค้าส่วนใหญ่จะคละเคล้ากันไปหลายประเภท เช่น สินค้า OTOP, สินค้าพื้นเมือง, สินค้าหัตถกรรม, ของทำมือ, ของเล่น, ของที่ระลึก, ของที่ระทึกจำพวกดาบและอาวุธโบราณ ตลอดไปจนถึงเสื้อผ้าและเครื่องประดับต่างๆ เรียกได้ว่ามีให้เลือกซื้อกันอย่างจุใจ แถมราคายังสบายกระเป๋าอีกด้วย และแน่นอนว่าสิ่งที่พลาดไม่ได้อีกอย่างของการมาเดินตลาดก็คือ การชิม! บอกตรงๆ ว่าชิมกันไม่หมดจริงๆ เพราะด้านในมีอาหารคาวหวานและเครื่องดื่มให้เลือกเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็น ไก่ย่าง, ส้มตำ, ขนมจีน, ก๋วยเตี๋ยว, ห่อหมก, อาหารทะเล, หมูสะเต๊ะนมสด, หมูย่าง, โรตีสายไหม, ขนมตาล, ขนมถ้วย, กล้วยปิ้ง, ทับทิมกรอบ, ไอศกรีม, ชา, กาแฟ, น้ำตาลสด ฯลฯ ให้สาธยายกันทั้งวันก็คงไม่หมด ซึ่งบางร้านก็ตั้งขายอยู่ในโซนอาหาร บางร้านก็ขายอยู่บนเรือที่จอดคอยท่าอยู่ริมน้ำ ใครจะนั่งสบายๆ ในโซนอาหารหรือจะนั่งชิวๆ ริมน้ำก็ได้ทั้งนั้น

กิจกรรมในตลาดน้ำอโยธยานั้นไม่ได้มีเพียงแค่การช็อปและการชิมเท่านั้นนะครับ ยังมีกิจกรรมสนุกๆ ให้เลือกทำอีกมากมาย เช่น การล่องเรือชมตลาด ซึ่งเรือจะเริ่มแล่นตั้งแต่ทางเข้าตลาดพาเราชมวิวจนวนครบรอบ ซึ่งทำให้เราเห็นภาพบรรยากาศโดยรวมของตลาดน้ำอโยธยาได้เกือบทุกซอกทุกมุม โดยใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 20 นาที ส่วนค่าบริการก็แค่คนละ 20 บาทเท่านั้นเอง และอีกกิจกรรมไฮไลท์ของตลาดน้ำอโยธยาที่ไม่ควรพลาดเลยนั่นก็คือ การแสดงละครประวัติศาสตร์ ซึ่งเล่นกันสมจริงสมจังจนคนดูอินตามกันไปเป็นแถว เรียกว่า เล่นจริง เจ็บจริง ฟันกันเปรี้ยงป้างจนไฟแลบเลยทีเดียว สำหรับเรื่องที่ใช้ในการแสดงนั้นก็จะสับเปลี่ยนไปเรื่อยๆ แต่ส่วนใหญ่มักจะเป็นเรื่องราวของเหล่าวีรชนคนกล้าแห่งประวัติศาสตร์ไทย เช่น สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช, สมเด็จพระนเรศวรมหาราช, หมู่บ้านบางระจัน ฯลฯ โดยรอบของการแสดงนั้น จะมีให้ชมทั้งหมด 3 รอบในวันธรรมดา และ 4 รอบในวันเสาร์ – อาทิตย์ ซึ่งการชมละครประวัติศาสตร์นั้นเป็นกิจกรรมที่ผู้ปกครองหรือโรงเรียนมักพาเด็กๆ มาเข้าชมเสมอ เพราะเป็นกิจกรรมที่ได้ทั้งความสนุกและยังได้ความรู้ควบคู่กันอีกด้วย นอกจากการชมละครประวัติศาสตร์แล้ว อีกกิจกรรมยอดฮิตของเจ้าตัวน้อยนั้นก็คงจะหนีไม่พ้น การป้อนนมปลาคาร์ปและป้อนนมแพะ เห็นเด็กกี่คนๆ เดินผ่านไปทีไรเป็นต้องร้องขอป้อนนมเป็นแถว อย่าว่าแต่เด็กเลย ขนาดเราเองยังอดยิ้มไม่ได้เมื่อได้เห็นความน่ารักและขี้เล่นของพวกสัตว์ตัวน้อยเหล่านี้ เรียกได้ว่าเป็นอีกกิจกรรมที่เพลิดเพลินกันได้ตั้งแต่ทารกยันอากง อาม่าเลยทีเดียว ถ้าใครมาเที่ยวตลาดน้ำอโยธยากันเป็นครอบครัวล่ะก็อย่าลืมแวะมาโซนนี้กันด้วยล่ะครับ

ถึงตอนนี้แล้วเชื่อว่าหลายคนคงได้ไอเดียสำหรับที่เที่ยวในวันหยุดสุดสัปดาห์นี้แล้ว ลองแวะมาเที่ยวชมตลาดน้ำอโยธยากันได้นะครับ ขับรถสบายๆ จากกรุงเทพแค่ไม่กี่อึดใจก็ถึงแล้ว ไม่แน่ว่าคุณอาจจะหลงเสน่ห์ตลาดน้ำอโยธยาจนต้องจดไว้เป็นที่ประจำและมาเที่ยวทุกวันหยุดก็เป็นได้

TerraBKK แนะนำที่พักใกล้ ตลาดน้ำอโยธยา คือ บ้านไทย เฮ้าส์ (Baan Thai House)โรงแรมซึ่งมีบ้านพักแบบธีมวิลล่าเพียง 12 หลังแห่งนี้นำบรรยากาศแบบเขตร้อนมาสู่เมืองที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานอย่างอยุธยา คุณสามารถใช้เวลาไปเที่ยวชมซากปรักหักพังในอุทยานประวัติศาสตร์อยุธยาซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจาก UNESCO และควรไปล่องเรือในแม่น้ำเจ้าพระยาด้วย หากคุณมีสุขภาพแข็งแรงดีคุณอาจอยากไปขี่จักรยานชมตัวเมืองและซากปรักหักพังดังกล่าวด้วยตัวเอง เมื่อคุณมาเยือนอยุธยาแล้วคุณควรหาเวลาไปเยือนพระราชวังบางปะอินและศูนย์ศิลปาชีพพิเศษบางไทรที่อยู่ใกล้กันด้วย โดยที่ศูนย์ฯ เป็นสถานที่ที่ยอดเยี่ยมที่คุณจะได้ซื้อของฝากติดไม้ติดมือกลับบ้าน บ้านไทย เฮ้าส์ ทำให้ผู้มาเยือนประเทศไทยใช้เวลามากกว่าสอง-สามชั่วโมงในเมืองเก่าแห่งนี้