8 นิสัยการกินแย่ๆของคนรุ่นใหม่ที่ควรเลิกเสียตั้งแต่ตอนนี้!
เมื่อเวลาผ่านไป โดยเฉพาะในปัจจุบัน คนส่วนใหญ่มักมองอาหารเป็นสิ่งที่เติมกำลังต่อร่างกายน้อยลง และกลับให้ความสำคัญต่อความสะดวกสบาย และรวดเร็วในการทานอาหารมากกว่า ยิ่งถ้าเป็นคนหนุ่มสาวที่ต้องใช้ชีวิตในเมือง มีแต่ความเร่งรีบ ต้องแข่งกับเวลาตลอดเวลา การได้ทำอาหารแบบ home cooked meal มีประโยชน์ทานเองที่บ้านนี่เรียกได้ว่าลืมไปได้เลย กลายเป็นว่าพวกอาหารถุง อาหารฟาสต์ฟู้ด ขนมขบเคี้ยว หรืออะไรก็แล้วแต่ที่สามารถกินได้ง่าย และเร็ว คือทางออกคนสมัยนี้ ซึ่งแน่นอนว่าหาความมีประโยชน์แทบไม่เจอ วันนี้เราเลยรวบรวม 8 นิสัยการกินแย่ๆของคนรุ่นใหม่ที่ควรเลิกตั้งแต่ตอนนี้มาให้ดูกัน ถ้าคุณพบว่าตัวเองมีนิสัยการกินที่ไม่ดีมากกว่า 2-3 ข้อขึ้นไป นั่นก็เป็นสัญญาณเตือนแล้วล่ะว่า คุณควรปรับปรุงการทานอาหารของตัวเองด่วน!
1. กินแต่พวกอาหารไดเอท
เลิกเสียเถอะ ไอ้พวกอาหารแพ็คที่มีคำว่า low-calorie, low-fat หรือจะ low อะไรก็ช่าง เห็นคำนี้เมื่อไหร่อย่าเพิ่งรีบคว้ามันขึ้นมาเชียว ทำไมนะเหรอ? หนึ่ง ก็เพราะว่าอาหารพวกนี้กินไปก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกอิ่มเอมอะไรเลย ลองคิดดูสิ ว่าครั้งสุดท้ายที่คุณรู้สึกอิ่มจริงๆหลังจากทานอาหารกล่องแช่แข็งนั้นมันมันเมื่อไหร่กัน? นึกไม่ออกใช่ไหมล่ะ เพราะส่วนใหญ่แล้วหลังจากนั้นคุณก็ต้องไปหาพวกขนมขบเคี้ยวมากินแก้หิวอยู่เป็นประจำ และสอง ร่างกายของคนเราสามารถเผาผลาญแคลอรี่ได้มากกว่าถึง 50 เปอร์เซ็นกับอาหารไม่แปรรูป กว่าอาหารแปรรูป2. ไม่สนใจความรู้สึกของท้องตัวเอง
จริงอยู่ที่พวกเราถูกสอนมาว่าการกินทิ้งกินขว้าง มีอาหารเหลืออยู่บนจานนั้นเป็นสิ่งไม่ดี แต่ถ้าเมื่อไหร่คุณกินจนอิ่มแล้วจริงๆ ไม่สามารถที่จะทานอาหารที่ยังเหลืออยู่บนจานได้อีกต่อไป นั่นก็แสดงว่าท้องของคุณส่งสัญญาณบอกแล้วล่ะว่า เขาได้รับปริมาณอาหารที่เพียงพอแล้ว ถ้ามากไปกว่านี้คุณจะไม่สบายเอาได้ จงจำไว้เสมอว่าเมื่อไหร่ที่คุณกินอิ่มจริงๆแล้วให้หยุด ถึงแม้จะยังมีอาหารเหลืออยู่บนจานก็ตาม3. กินแต่เนื้อเป็นหลัก
มันไม่ผิดหรอก ถ้าคุณเป็นคนชอบกินเนื้อ แต่ถ้าคุณเอาแต่กินเนื้อเป็นหลัก ทั้งมื้อเช้า กลางวัน เย็น ก็คงไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เนื้อสัตว์นั้นอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุก็จริง แต่มันก็เต็มไปด้วยแคลอรี่ และไขมันสูงกว่าผักที่เต็มไปด้วยสารอาหารมีประโยชน์ไม่แพ้กัน ทางที่ดีลองปรับเปลี่ยนนิสัยการกินของคุณ โดยให้เนื้อสัตว์เป็นส่วนประกอบรองจากผัก หรือถ้าคุณเป็นคนชอบทานเนื้อจริงๆแบบห้ามใจไม่อยู่ อย่างน้อยก็ควรกินเนื้อและผักในปริมาณที่เท่ากันก็ยังดี4. กินจากกล่องโดยตรง
กินจากกล่องในที่นี้เราหมายถึงพวกกล่องซีเรียล หรือพวกกล่องแครกเกอร์ การใส่ใจต่อปริมาณ และสัดส่วนอาหารที่คุณกินนั้นสำคัญมากๆต่อการทานอาหารเพื่อสุขภาพที่ดี หากคุณเป็นคนชอบหยิบกินพวกขนมขบเคี้ยวจากกล่องโดยตรง ทางที่ดีคุณควรเริ่มเทมันออกมาใส่จานในปริมาณที่กำลังพอดีจะดีกว่า แบบนั้นมันจะทำให้คุณตระหนักถึงปริมาณอาหารที่คุณกินเข้าไปได้มากกว่า5. กินเร็วมากเป็นประจำ
ถ้าคุณมีนิสัยชอบทานเร็ว ไม่ค่อยเคี้ยวอาหารก่อนกลืน บอกเลยว่าควรหยุดเสียแต่ตอนนี้ เพราะยิ่งคุณทานเยอะ ทานเร็วมากเท่าไหร่ น้ำหนักคุณก็จะยิ่งเพิ่มขึ้นมากเท่านั้น เวลาทานอาหาร คุณควรให้เวลากับสมองและกระเพาะตามปากของคุณให้ทัน เพราะปกติสมองของคนเราจะเริ่มรับรู้สัญญาณว่าตัวเองอิ่มประมาณ 20 นาทีในมื้ออาหาร เพราะฉะนั้นการที่คุณรีบกิน รีบยัดอาหารภายในเวลาไม่ถึง 15 นาที สามารถนำไปสู่การกินที่เกินความพอดีได้ง่ายๆ ดังนั้นคุณควรฝึกการกินแบบมีสติจะดีกว่า กินให้ช้าลง วางช้อนลงบนจานหลังแต่ละคำ และค่อยๆจิบน้ำตามก่อนที่จะเริ่มคำใหม่ หรือลองนับจำนวนการเคี้ยวของคุณ อย่างน้อยควรเคี้ยวสัก 15-20 ครั้งก่อนกลืนทุกครั้ง6. กลัวความอ้วนจนเกินไป
หากคุณเป็นโรคกลัวอ้วนขึ้นสมอง จนไม่ยอมทานอาหารที่มีไขมันใดๆเลย ขอบอกว่าคุณควรเปลี่ยนความคิดนั่นซะ เพราะไขมันดีที่สามารถพบอยู่ใน อะโวคาโด น้ำมันมะกอก น้ำมันมะพร้าว และถั่ว เป็นต้นนั้น เป็นส่วนสำคัญในการทานอาหารมากๆ นอกจากมันจะช่วยเพิ่มรสชาติของอาหารที่คุณทานแล้ว มันยังช่วยชะลออาการท้องว่างด้วย ทำให้คุณรู้สึกอิ่มได้เป็นเวลานาน เพราะฉะนั้นอย่ากลัวที่จะเหยาะน้ำมันมะกอกลงบนสลัดจากโปรดของคุณ หรือเติมถั่ววอลนัทลงไปหน่อยก็ยังได้7. ทานอาหารหน้าคอมพิวเตอร์
เชื่อว่าข้อนี้ต้องโดนกันแทบทุกคน การรับประทานอาหารโดยที่ไม่มีสมาธิอยู่กับมัน สามารถนำไปสู่การกินเกินความพอดี คนที่ต้องมัลติทาสก์ ทำอะไรหลายๆอย่างในช่วงรับประทานอาหาร มักจะไม่รู้สึกอิ่มเอมกับอาหารที่ทานเข้าไป ทั้งๆที่ตัวเองอาจจะทานอาหารเข้าไปเยอะแล้วก็ได้ จึงไม่แปลกใจที่คนที่กินแบบมัลติทาสกิ้ง จะต้องจบลงด้วยการบริโภคแคลอรี่เกินความจำเป็นในแต่ละวัน8. มีขนม หรืออาหารจังก์ฟู้ดใกล้ตัวตลอดเวลา
ถ้าคุณเป็นคนติดขนม ต้องมีอะไรขบเคี้ยวใกล้มืออยู่ตลอดเวลา ถึงเวลาที่คุณต้องปรับเปลี่ยนนิสัยการกินแล้วล่ะ ถ้าคุณมีแต่ไอศกรีม ช็อกโกแลต หรืออะไรก็แล้วแต่ที่เป็นพวกขนมหวานอยู่เต็มตู้เย็น โละมันทิ้งออกไปบ้าง แล้วแทนที่ด้วยผักผลไม้แทน ส่วนพวกกล่องขนมทั้งหลายก็เปลี่ยนเอาไปเก็บในตู้เก็บอาหารในห้องครัวแทน ที่ไหนก็ได้ที่อยู่ห่างจากมือคุณDiscussion
Follow breaking news Investment property articles on Facebook, click here.