ในยุคที่วัตถุดิบการประกอบอาหารเริ่มหายากมากขึ้นทุกที มนุษย์เริ่มหันมาใช้อาหารแช่แข็งซึ่งเป็นผลเสียต่อสุขภาพ พื้นที่เพาะปลูกเริ่มถูกรุกรานจากตัวเมือง ทำให้พื้นที่เพาะปลูกน้อยลงทุกวันๆ นักสถาปนิคชาวเบลเยียมจึงเกิดไอเดีย ออกแบบเป็นอาคารสำหรับทำฟาร์มขึ้นมาในผลงาน “Dragonfly”  ที่นอกจากจะใช้พื้นที่น้อยแล้ว ยังใช้พลังงานจากธรรมชาติ ช่วยลดมลภาวะได้อีกด้วย

Dragonfly-vertical-farm_1

dragonfly-vertical-farm-for-future-new-york7

Dragonfly เป็นอาคารที่ถูกออกแบบเป็นพิเศษบนเกาะ Roosevelt บนมหานครนิวยอร์ค เพื่อลดปัญหาพื้นที่ไม่เพียงพอต่อการปลูกพีชและเลี้ยงสัตว์เพื่อเป็นอาหารให้กับเมืองใหญ่ ตัวอาคารมีพื้นที่ทั้งหมด 132 ชั้น ความสูงจากพื้นดินประมาณ 600 เมตร ประกอบด้วยพื้นที่เพาะปลูกกว่า 28 ชนิด ทั้งผลไม้, ผัก, ธัญพืช, เนื้อสัตว์ และนม โดยลักษณะโครงสร้างได้รับแรงบันดาลใจมาจากปีกของแมลงปอ (Dragon Fly) มีระบบหมุนเวียนน้ำ การระบายอากาศ และการใช้พลังงานผ่านแผงโซล่าเซลล์ที่ติดตั้งไว้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และพื้นที่อื่นๆที่ถูกแบ่งออกเป็นสัดส่วนทั้งพื้นที่ห้องวิจัย เพื่อทำการทดลองทางด้านการเกษตรแขนงต่างๆ และพื้นที่สำหรับคนเมืองไว้พักผ่อนหย่อนใจเสมือนการใช้ชีวิตในชนบท ให้ได้ผ่อนคลายกันอีกด้วย

Dragonfly-vertical-farm_5

Dragonfly-vertical-farm_6

Dragonfly-vertical-farm_7

Dragonfly-vertical-farm_3

การใช้พลังงานในอาคารเป็นการใช้พลังงานจากธรรมชาติ ทั้งพลังงานจากแสงอาทิตย์, พลังงานลม และพลังงานน้ำ โดยภายในจะมีการรักษาอุณหภูมิที่สม่ำเสมอ ไม่ให้ร้อนเกินไปหรือหนาวจนเกินไป สำหรับขยะปละสิ่งปฏิกูลต่างๆจะถูกนำมารีไซเคิลใหม่และพลังงานภายในก็จะถูกหมุนเวียนนำมาใช้ใหม่อีกด้วย

ซึ่งเมื่อในโลกอนาคตไร้ผืนแผ่นดินจะทำการเพาะปลูกแล้ว มนุษย์คงต้องพึ่งพาการทำเกษตรกรรมแนวตั้ง และหากนวัตกรรมนี้เป็นจริงก็จะช่วยลดการใช้พื้นที่ และยังคงซึ่งการทำเกษตรกรรมไว้ให้มนุษย์ดำรงชีพต่อไปได้อีกด้วย - เทอร์ร่า บีเคเค