ตั้งแต่เรามี SMART PHONE เป็นเพื่อนคู่กาย ดูเหมือนว่าเราจะให้ความสำคัญกับสิ่งเหล่านี้ จนบางทีเราลืมไปว่า การปฎิสัมพันธ์กับคนอื่นก็มีความสำคัญอยู่  บางองค์กรก็ยังนำเอาการทำงานของ SOCIAL มาเป็นการช่องทางการติดต่อประสานงาน ภายในองค์กรอีกด้วย หรือบางคน ก็ก้มหน้าก้มตา จับจ้องมือถือไม่ยอมสนใจผู้คนหรือความเป็นไปของโลก เราเรียกพฤติกรรมเหล่านี้ ว่า โรคติดมือถือ

พฤติกรรมที่บอกว่าคุณเป็น "โรคติดมือถือ"

1. พกมือถือขณะเข้าห้องน้ำใช้เวลากับมือถือในห้องน้ำ 2. ตื่นนอนหรือก่อนนอนต้องจ้องมือถือ 3. เวลาทำงานชอบหยิบจับ เปิดดูภาพ ฟังเพลง จ้องมือถือขณะทำงาน 4.ให้ความสำคัญกับมือถือ ถ้าไม่มีมือถือ เหมือนชีวิตขาดอะไรไป หงุดหงิด 5. แบตมือถือต้องเต็มอยู่เสมอ หรือต้องเสียบเครื่องสำรองไฟไว้อยู่ตลอดเวลา 6. ไปไหนต้องหยิบ จับมือถือตลอดเวลา ชอบใช้ชีวิตอยู่กับมือถือมากกว่าสิ่งอื่นๆ รอบๆ ตัว

ถ้าคุณมีอาการเหล่านี้ นั่นแสดงว่า คุณได้เป็น โรค no-mobile-phone phobia หรือ โรคติดมือถือ อย่างสมบูรณ์แบบ  ผลเสียของโรคนี้ย่อมส่งผลต่อการดำรงชีวิตที่มีต่อคนรอบกาย การที่จับจ้องมือถือ ขณะทำงานหรือทำกิจกรรมอย่างอื่น ย่อมส่งผลให้คุณกลายเป็นคนสมาธิสั้นโดยปริยาย สมาธิไม่จดจ่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง  ทำงานจับจดทำให้ขาดประสิทธิภาพในการทำงาน

โรคเกี่ยวกับดวงตา จากคนที่มีสายตาปกติจะทำให้สายตาสั้นลง โรคจอประสาทตาเสื่อม ตาแห้ง ต้อกระจก อันสืบเนื่องมาจากแสงสีฟ้าจากจอมือถือ และการใช้สายตามากเกินเหตุอันควร

อาการนิ้วล็อค การกดหรือจิ้มมือถือเป็นประจำ เสี่ยงต่อการเกิดอาการเหล่านี้ได้ แม้อาการจะไม่รุนแรงหรือเป็นอุปสรรคต่อชีวิตมากสักเท่าไหร่ แต่ก็ส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันได้เช่นกัน

ดูผิวเผินแล้วโรคติดมือถืออาจจะไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรมากมายกับผู้ที่เป็นโรคนี้ แต่ในผลระยะยาวอาจส่งผลที่คุณคาดไม่ถึงเพราะฉะนั่นเราควรที่จะใช้โทรศัพท์มือถือเท่าที่จำเป็นเพื่อลดภาวะอาการต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นต่อตัวเอง