6 ปัญหาปวดหัวเมื่อลงทุนในอสังหาริมทรัพย์
ท่านเคยประสบปัญหาการตัดสินใจเลือกระหว่างสิ่งของสองอย่างแล้วเลือกไม่ถูกหรือไม่ ว่าจะเลือกอันไหนดี อันไหนก็ดูดีไปหมด ตัดสินใจไม่ถูก ซึ่งแน่นอนว่าปัญหานี้ก็เกิดขึ้นกับการเลือกซื้ออสังหาริมทรัพย์ด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะท่านที่กำลังตัดสินใจจะซื้อบ้านซักหลังหนึ่ง เนื่องจากก่อนการตัดสินใจซื้อเราต้องไปตระเวนดูบ้านในบริเวณทำเลใกล้เคียงก่อนตัดสินใจซื้อ แล้วพบว่า บ้านหลังนี้ทำเลดีแต่บ้านไม่สวย อีกที่หนึ่งบ้านนี้สวยแต่ฟังค์ชั่นไม่ดี แล้วเมื่อนำมาเปรียบเทียบถึงกับเลือกไม่ถูกเลยว่าจะตัดสินใจหลังไหนดี เรามาเรียนรู้กันว่าถ้าเจอสถานการณ์ต่างๆ เหล่านี้เราจะเลือกแบบไหนให้เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด
1. โครงการใหม่หรือโครงการมือสองดี ใครที่กำลังหาซื้อบ้านคงเกิดความลังเลบ้าง เมื่อเปรียบเทียบราคาบ้านมือหนึ่งกับบ้านมือสอง เพราะราคาค่อนข้างห่างกันมากพอสมควร จึงทำให้หลายๆ คนลงเลว่าควรจะเลือกซื้อบ้านใหม่หรือบ้านเก่าดี ถ้าพูดถึงในแง่ของการลงทุนการซื้อบ้านมือสองที่มีราคาต่ำกว่าราคาบ้านมือหนึ่งถือเป็นทางเลือกที่ค่อนข้างน่าสนใจ เนื่องจากราคาที่ต่ำ จะทำให้ผลตอบแทนสูงขึ้น (ต้นทุนต่ำ) และมีเงินเหลือสำหรับปรับปรุงบ้านให้ดูสะอาด สวยงาม เช่น ทาสี เปลี่ยนเฟอร์นิเจอร์ เป็นต้น
2. ทำเลกับความสวยงาม ปัญหาน่าปวดหัว คือ จะหาบ้านซักหลังที่สวยพร้อมกับทำเลดีที่ถูกใจ บางครั้งก็หายาก เพราะจะมีข้อดีข้อเสียที่เหลื่อมกันตลอดเวลา แต่สำหรับการเลือกบ้านเพื่อให้มีมูลค่าสูงขึ้นในอนาคตให้เหมาะแก่การลงทุน ก็ต้องคำนึงถึงปัจจัยที่สำคัญที่สุดของอสังหาริมทรัพย์ นั่นก็คือ ทำเล ทำเล และทำเล ดังนั้น น้ำหนักที่เราจะให้ความสำคัญจะอยู่ที่ทำเลเป็นหลัก เนื่องจากทำเลที่ดีสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้ แต่ความสวยงามสุดท้ายก็ต้องเก่าและเราสามารถปรับปรุงให้มันดีขึ้นได้ แต่ทำเลไม่สามารถปรับปรุงให้มันดีขึ้นได้ พลาดแล้วพลาดเลย
3. ผู้รับเหมาหรือคุณภาพของวัสดุ ใครๆ ก็คงอยากได้ผู้รับเหมาที่มีฝีมือและใช้วัสดุที่มีคุณภาพ แต่ปัญหา คือ เงินงบประมาณไม่เพียงพอที่จะจ้างคนดีๆ มาทำและได้วัสดุที่มีคุณภาพด้วย ดังนั้น TerraBKK ขอแนะนำว่าให้เลือกผู้รับเหมาที่มีคุณภาพก่อนที่จะเลือกวัสดุที่มีคุณภาพ เหตุผลคือ วัสดุที่มีคุณภาพอยู่ในมือผู้รับเหมาที่ไม่มีคุณภาพ วัสดุที่มีคุณภาพของคุณอาจจะไม่ดีเท่าที่ควร ดังนั้น หาผู้รับเหมาที่มีคุณภาพก่อนแล้วค่อยตัดสินใจเลือกใช้วัสดุที่ดี หรือถ้างบประมาณไม่พอก็ยังเลือกใช้วัสดุคุณภาพปานกลางแทนก็ได้ การเลือกผู้รับเหมาที่ดีก็จะทำให้บ้านของคุณดูดีมีคุณภาพ มีปัญหาที่ตามมาในภาพหลังน้อย เช่น ปัญหาบ้านทรุด น้ำรั่ว น้ำซึม เก็บงานไม่ละเอียด ทำงานขอไปที แบบนี้เป็นต้น
4. วางเงินดาวน์น้อยหรือมากดี เรื่องของการวางเงินดาวน์ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของแต่ละคนว่าต้องการซื้อบ้านเพื่อวัตถุประสงค์อะไร ถ้าหากวางเงินดาวน์เยอะต้องผ่อนชำระรายเดือนน้อย แต่ถ้าวางเงินดาวน์น้อยต้องผ่อนชำระรายเดือนเยอะ ถ้าคนที่เป็นนักลงทุนการจ่ายเงินดาวน์น้อยๆ ก็จะดีเพราะลงเงินต้นน้อย ดังนั้นผลตอบแทนจะสูง แต่ถ้าวางเงินดาวน์มากๆ ก็จะผ่อนชำระต่อเดือนต่ำ เสียดอกเบี้ยน้อยประหยัดต้นทุนทางการเงินลงได้ซึ่งจะเหมาะสำหรับคนซื้อเป็นทรัพย์สิน
5. ซื้อหลังใหญ่ๆ หรือเล็กๆดี ถ้าคนที่อยากมีบ้านคงอยากจะได้หลังใหญ่ๆ แต่สำหรับนักลงทุนแล้ว บ้านที่หลังใหญ่และมีราคาสูงอาจจะไม่เหมาะสำหรับการลงทุน เนื่องจากด้วยขนาดที่ใหญ่จะมีราคาสูงขายได้ช้า มีค่าบำรุงรักษาสูง แต่ในบางครั้งการซื้ออสังหาริมทรัพย์ที่มีขนาดใหญ่อาจจะได้รับผลดีกว่า เช่น โครงการคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่งมีสัดส่วนของห้องแบบ 2 ห้องนอนเพียง 10% ที่เหลือเป็น 1 ห้องนอนทั้งหมด ถ้าเป็นแบบนี้การปล่อยเช่า 1 ห้องนอนจะมีคู่แข่งถึง 90% แต่ 2 ห้องนอนจะมีคู่แข่งที่ปล่อยแข่งกันเพียง 10% เท่านั้น ทำให้ซื้อ 2 ห้องนอนที่มีขนาดใหญ่ดีกว่า
6. ซื้อที่ซ้อมแล้วหรือค่อนซ้อมเองตอนหลัง หลายคนที่คิดจะซื้อบ้านมือสองมักจะคิดว่าซื้อไปก่อนแล้วค่อยปรับปรุงทีหลัง สุดท้ายแล้วงบในการปรับปรุงก็สูงเอาเรื่อง แต่สำหรับนักลงทุน เรื่องการซ้อมแซมปรับปรุงต้องใส่ใจเนื่องจากการปรับปรุงบ้านมีต้นทุนสูง มันจะคอยกัดกินผลตอบแทนของเราให้ต่ำลงไป ดังนั้น ก่อนจะติดสินใจซื้อจะต้องรู้ล่วงหน้าแล้วว่าจะใช้งบประมาณเท่าไรในการปรับปรุง เพื่อจะนำไปเป็นข้อต่อรองในการซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่อไม่ให้ผลตอบแทนจากการลงทุนต่ำจนเกินไป
สำหรับหลายๆ คนถ้าหากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ อย่าดันทุรังฝืนทำไปโดยที่ไม่มีความรู้ ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ หรือคนที่เคยมีประสบการณ์ในการลงทุนอสังหาริมทรัพย์มาก่อนถึงค่อยตัดสินใจลงทุน หรือสามารถสอบถาม TerraBKK ได้ เพราะถ้าหากฝืนลงทุนทั้งๆ ที่ไม่มีความรู้อาจจะประสบปัญหาขาดทุน หรือได้ผลตอบแทนต่ำกว่าที่คาดไว้ก็เป็นได้
บทความโดย : TerraBKK เคล็ดลับการลงทุน TerraBKK ค้นหาบ้านดี คุ้มค่า ราคาถูก