การออมเงิน เป็นเสมือนก้าวแรกของการสร้างวินัยทางการเงินที่ดี ที่อาจจะสามารถเป็นสิ่งที่ช่วยสร้างความมั่งคั่งให้เราได้ครับ การออมเงินไม่ได้ต้องเริ่มต้นหรูหราด้วยครับ เพียงแค่เริ่มต้นด้วยการลดรายจ่าย แล้วนำเงินส่วนนั้นมาเก็บออม สิ่งสำคัญคือ การทำให้เป็นนิสัยครับ แม้ว่าเราจะมีเงินเหลือน้อย แต่เหลือเท่าไหร่ก็ออมเท่านั้นก่อนได้ครับ ค่อยๆ เก็บค่อยๆ ออมไปเรื่อยๆ ถึงเดือนก็ค่อยนำเงินไปฝากธนาคารก็ยังได้ครับ
การเก็บออมเงิน เริ่มต้นได้ด้วยเงินเพียง 10% ของรายได้ที่คุณมี หากคุณได้เงินวันละ 30 บาท ก็เก็บเงินให้ได้วันละ 30 บาทมาหยอดกระปุกไปเรื่อยๆ เก็บได้ครบเดือนก็นำไปฝากบัญชีอมทรัพย์ หากคุณได้เงินเดือนละ 15,000 บาท ก็เก็บเงินให้ได้วันละ 1,500 บาททุกๆ เดือน เป็นต้น
ลองคำนวณดูง่ายๆ ครับ หากเราเก็บเงินวันละ 30-40 บาท เดือนหนึ่งคุณจะมีเงินประมาณ 1,000 บาท หากคุณนำเงินจำนวนนี้ ไปฝากธนาคารบัญชีออมทรัพย์ธรรมดา เดือนละ 1,000 บาท ในหนึ่งปี คุณจะมีเงินเก็บ 12,000 บาท และรวมดอกเบี้ยจากบัญชีออมทรัพย์ปีละ 0.5% เท่ากับเป็นเงิน 600 บาท ต่อปี เท่ากับเรามีเงินออม 12,600 บาทในปีแรกครับ
ปีต่อมา ลองยกยอดเดิม 12,600 บาท ไปเป็นเงินเก็บในปีที่สอง ในขณะที่เรายังเก็บเดือนละ 1,000 บาทอยู่ เท่ากับว่าเราจะมีเงิน 24,600 บาทในปีนั้น ดอกเบี้ยจากธนาคาร 0.5% เป็นเงิน 1,230 บาท ซึ่งจะทำให้คุณมีเงินเก็บในปีที่สองเป็นเงิน 25,830 บาท ปีที่สาม 39,772 บาท ปีที่สี่ 54,308 บาท และนี่เริ่มต้นเพียงวันละ 30-40 บาทนะครับ

การออมเงินสำหรับมนุษย์เงินเดือน

การออมเงิน เป็นอีกวิธีที่จะช่วยสร้างความมั่งคั่งอีกทางหนึ่งได้ครับ เพราะถือว่าเป็นการสร้าง Passive Income อีกทางที่อาจจะดูเหมือนช้า แต่ว่าได้ผลนะครับ หากเราไม่ได้เป็นคนที่มีเงินเก็บกอบเป็นกำมาเป็นทุนเดิม แต่ว่าเรามีวินัยในการออมเงิน สามารถนำเงินที่เก็บได้ไปสร้างรายได้เพิ่มเติมต่อยอดได้ ก็เท่ากับเป็นการสะสมความมั่งคั่งอีกทางหนึ่ง ซึ่งวิธีนี้เป็นวิธีที่ทำได้ง่ายๆ ใครๆ ก็ทำได้ครับ

10 วิธีการออมเงินอย่างง่าย

ปัจจุบันนี้ เงินเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับเราทุกคน เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ และหากเราใช้เงินอย่างไม่ยั้งคิด ใช้เงินฟุ่มเฟือย ก็อาจจะทำให้เราเกิดปัญหา เกิดความลำบากกับตัวเราได้ในอนาคต ดังนั้น การออมเงินจึงเป็นสิ่งสำคัญที่เราจะต้องสร้างวินัย และทำสม่ำเสมอ เพื่อความมั่นคงของอนาคตของเรานั่นเอง โดยเราสามารถทำได้ดังนี้
    1. ใช้กระปุกออมสิน ซื้อกระปุกออมสินสักอันมาวางตรงที่ๆ เราเดินผ่านตลอดครับ วิธีง่ายๆ เดิมๆ นี่แหละใช้ได้ผลมานักต่อนักแล้วครับ กลับบ้านมา หยิบเศษเงินออกจากกระเป๋ามาเดินผ่านกระปุกก็หยอดเลยครับ ถึงเดือนก็ค่อยแคะกระปุกเอาไปฝากธนาคารครับ 2. บันทึกรายรับ-รายจ่าย อีกวิธีที่เป็นวิธีดั้งเดิมอีกอย่าง คือ การจดบันทึกรายรับ-รายจ่ายของเราทั้งหมดนั่นเองครับ ใช้แค่สมุดกับปากกา เล็กๆ แบบพกไปไหนมาไหนได้ง่ายๆ ใช้จ่ายอะไรไปก็ให้รีบจด ถึงสัปดาห์ หรือถึงเดือนก็เอามาดูว่าเราใช้จ่ายไปทั้งหมดเท่าไหร่ เงินเข้าเท่าไหร่ ใช้จ่ายอะไรไปบ้าง อะไรตัดออกได้บ้าง หรืออะไรไปสิ่งของฟุ่มเฟือยก็ตัดออกครับ เราจะได้สร้างวินัยในการใช้เงินไปในตัวครับ 3. จำเป็นต้องใช้ vs. อยากได้จังเลย เราควรจะต้องแยกความรู้สึกระหว่างสิ่งที่จำเป็นจะต้องใช้ และสิ่งที่อยากได้อยากมีเพราะดูดี สวยดี น่ารักดี ของทุกอย่างมีความจำเป็นไม่เท่ากัน การซื้อของเพราะอยากได้ก็ต้องดูว่า ถึงเวลาให้รางวัลตัวเองแล้วหรือยัง หากเรามีวินัยในการออมเงิน บางสิ่งบางอย่างที่อยากได้อยากมีอาจจะหาซื้อมาใช้ได้ เพราะเราได้กันเงินเอาไว้เพื่อให้รางวัลตัวเองส่วนหนึ่งแล้ว นอกจากนั้นแล้ว เราควรพิจารณาว่าสิ่งที่เราหยิบจับจะซื้อนั้น จำเป็นมาก-น้อยแค่ไหน เพื่อที่จะป้องกันการใช้เงินฟุ่มเฟือยนั่นเองครับ 4. เลี่ยงเคาน์เตอร์ลดราคา ของลดราคา ราคาถูก บางทีก็ไม่ใช่ของดีเสมอไป แต่สิ่งสำคัญที่เราจะต้องถามตัวเอง คือเรามีความจำเป็นจะต้องใช้ของสิ่งนั้นหรือไม่ หากสบู่หมด ผงซักผ้าหมด แล้วทางห้างมีโปรโมชั่นลดราคาพอดี ก็ไม่มีปัญหาอะไรนะครับ แต่หากเป็นเสื้อผ้า รองเท้า เครื่องสำอาง ลดราคา ของที่บ้านก็มีเต็มตู้ เต็มโต๊ะแล้ว จะซื้อเพิ่มก็จะกลายเป็นการเปลืองเงิน เปลืองเนื้อที่เปล่าๆ ครับ แบบนี้เก็บเงินไว้ออมจะได้ประโยชน์กว่านะครับ 5. เปิดบัญชีฝากประจำสามระยะเวลา ปัจจจุบัน เรามีตัวเลือกบัญชีเงินฝากประจำมากขึ้น ตอนนี้เราสามารถเลือกบัญชีเงินฝากประจำทั้งระยะสั้น (3-6 เดือน) ระยะกลาง (12 เดือน) และระยะยาว (24-36 เดือน) ได้ โดยคุณสามารถเลือกฝากได้ตั้งแต่ขั้นต่ำที่เดือนละ 1,000 บาท จนถึงเดือนละ 10,000 บาท โดยเราสามารถได้รับดอกเบี้ยจากการฝากเงินประเภทนี้ได้ ถือว่าเป็นการต่อยอดเงินออมของเราอีกทางหนึ่งได้ด้วยครับ 6. ให้แม่เป็น ATM อีกวิธีที่จะสามารถช่วยให้เราเก็บออมเงินได้อย่างดี ก็คือการใช้คุณแม่สุดที่รักของเราเป็นเอทีเอ็มให้เรานั่นเองครับ วิธีนี้เหมาะสำหรับคนที่อาศัยอยู่กับคุณแม่ อยู่บ้านเดียวกัน สิ้นเดือนก็แบ่งเงินเป็นสัดส่วน คือนำเงินส่วนแรกไปออม ฝากบัญชีฝากประจำ หรือซื้อกองทุนต่างๆ ส่วนที่สองเป็นค่าใช้จ่ายรายเดือน ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเช่า ค่าโทรศัพท์ ค่าอินเตอร์เน็ต ค่าบัตรเครดิต ค่ารถ ค่าบ้าน ฯลฯ และส่วนที่เหลือ ก็คือเป็นค่าใช่จ่ายประจำวัน ที่เราจะต้องกินต้องใช้ ส่วนนี้นำฝากคุณแม่ไว้เลยครับ เช้ามาก็ขอก่อนออกจากบ้าน ไม่ก็ขอก่อนนอน รับรองว่าถ้าขอเกิน ขอเพิ่ม โดนท้วงแน่นอน ถ้าใช้แล้วเหลือก็หยอดกระปุก ถึงสิ้นเดือนก็นำเงินที่หยอดกระปุกไปฝากบัญชี แบบนี้ออมเงินได้ ต่อยอดได้แน่นอนครับ 7. ต่อยอดรายได้ สมัยนี้ ยอมรับว่าแม้ว่าเราจะมีหน้าที่การงานที่ดี มีรายได้ดี เราก็ยังมีความจำเป็นจะต้องหางานนอกทำอยู่ดีจริงไหมครับ การทำงานพิเศษ หรือทำงานนอกเวลา สามารถช่วยเราสร้างทักษะ และความสามารถในการทำงานให้เราได้ด้วยนะครับ ไม่ว่าจะยังเรียนอยู่ หรือทำงานอยู่ก็สามารถทำได้ นอกจากจะได้เงินค่าแรงแล้ว ยังได้ความรู้ ความเข้าใจที่ดีขึ้นเกี่ยวกับตำแหน่ง หน้าที่การงาน ได้ประสบการณ์ที่เราสามารถนำไปใช้งานในชีวิตจริงได้อีกด้วยครับ 8. ท่องไว้ว่า “ใช้แต่พอเพียง” นอกจากจะเป็นข้อคิดที่ดีในการใช้ชีวิต แล้วยังเป็นสิ่งที่ในหลวงของเราเฝ้าย้ำสอนคนไทยมานานปี เป็นสิ่งที่เราควรจะเอาเยี่ยงอย่าง นำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน นอกจากจะสามารถช่วยให้เราสามารถออมเงินได้ สั่งสมความมั่งคั่งเพื่อเก็บเอาไว้ใช้ในยามยาก ยามแก่ได้แล้ว ยังถือว่าเป็นการทำเพื่อถวายความจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ของปวงชนชาวไทยอีกด้วยครับ
สุดท้ายนี้ ขอให้ทุกท่านประสบความสำเร็จกันทุกคน และอย่าลืมแวะเวียนไปดูอัพเดท เคล็ดลับดีๆ เกี่ยวกับการออมเงิน และการประกันภัยรถยนต์ ที่บล็อกของ MoneyGuru.co.th นะครับ ขอบคุณข้อมูล จาก :MoneyGuru.co.th

บทความโดย : TerraBKK เคล็ดลับการลงทุน TerraBKK ค้นหาบ้านดี คุ้มค่า ราคาถูก