TerraBKK Research ได้รวบรวมผลประกอบการไตรมาส 1 กลุ่ม “อาหารและเครื่องดื่ม” ย้อนหลัง 5 ปี หลังจากที่ผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2558 ได้รวบรวมออกมาแล้วทุกบริษัท สำหรับกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มมีด้วยกันทั้งหมด 38 บริษัท ซึ่งทำการซื่อขายอยู่ในตลาด SET สำหรับข้อมูลทางการเงินที่จะนำเสนอ ได้แก่ รายได้ (Revenue), อัตราการเติบโตของรายได้, อัตรากำไรสุทธิ (EPS), อัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์ (ROA), อัตราผลตอบแทนจากผู้ถือหุ้น (ROE), กำไรต่อหุ้น (EPS) และอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio) รายละเอียดทั้ง 38 บริษัทมีรายละเอียดดังนี้

  1. APURE: AGRIPURE HOLDINGS
  2. ASIAN: ASIAN SEAFOODS COLDSTORAGE
  3. BR: BANGKOK RANCH
  4. BRR: BURIRAM SUGAR
  5. CBG: CARABAO GROUP
  6. CFRESH: SEAFRESH INDUSTRY
  7. CM: CHIANGMAI FROZEN FOODS
  8. CPF: CHAROEN POKPHAND FOODS
  9. CPI: CHUMPORN PALM OIL INDUSTRY
  10. F&D: FOOD AND DRINKS
  11. HTC: HAAD THIP
  12. ICHI: ICHITAN GROUP
  13. KBS: KHONBURI SUGAR
  14. KTIS: KASET THAI INTERNATIONAL SUGAR
  15. LST: LAM SOON (THAILAND)
  16. M: MK RESTAURANT GROUP
  17. MALEE: MALEE GROUP
  18. MINT: MINOR INTERNATIONAL
  19. OISHI: OISHI GROUP
  20. PB: PRESIDENT BAKERY
  21. PM: PREMIER MARKETING
  22. PR: PRESIDENT RICE PRODUCTS
  23. PRG: PATUM RICE MILL AND GRANARY
  24. SAPPE: SAPPE
  25. SAUCE: THAITHEPAROS
  26. SFP: SIAM FOOD PRODUCTS
  27. SNP: S & P SYNDICATE
  28. SORKON: S. KHONKAEN FOODS
  29. SSC: SERMSUK
  30. SSF: SURAPON FOODS
  31. SST: SUB SRI THAI
  32. TC: TROPICAL CANNING (THAILAND)
  33. TF: THAI PRESIDENT FOODS
  34. TFG: THAIFOODS GROUP
  35. TIPCO: TIPCO FOODS
  36. TKN: TAOKAENOI FOOD & MARKETING
  37. TU: THAI UNION GROUP
  38. TVO: THAI VEGETABLE OIL

จากการสำรวจกลุ่ม “อาหารและเครื่องดื่ม” TerraBKK Research พบว่า บริษัทที่ศักยภาพในการเติบโตในไตรมาสที่ 1 ในปี 2559 ทั้งอัตราการเติบโตของรายได้ กำไร รวมถึงผลตอบแทนให้แก่ผู้ถือหุ้นในระดับสูง บริษัทได้แก่ บริษัท CBG, MALEE, TF, OISHI, TIPCO, PB และ MNIT (ไม่ได้รวมหุ้น IPO ที่พึ่งเปิดตัวเมื่อปีที่แล้ว)

(คลิกที่ภาพเพื่อขยาย)

รายได้ (Revenue) จากการสำรวจข้อมูลรายได้ พบว่า รายได้ของบริษัทต่างๆ ในกลุ่มธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มมีการเติบโตของรายได้เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าเกือบทุกบริษัทสอดคล้องกับกลุ่มค้าปลีกที่มีการเติบโตของรายได้อย่างต่อเนื่อง แต่สวนทางกับสภาวะเศรษฐกิจที่ใครๆ ต่างก็มองว่าปีนี้แย่ จึงต้องกลับมาคิดว่าเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมาไม่ดีอย่างที่หลายคนพูดหรือไม่

ถ้าหากเราเจาะลึกเป็นรายบริษัท บริษัทที่มีรายได้สูงที่สุดในกลุ่มนี้ 3 อันดับแรกคือ CPF, TU และ MINT โดยมีรายได้ 108,663 31,856 15,845 ล้านบาท ตามลำดับ บริษัทที่มีรายได้เติบโตมากกว่า 15% คือ F&D (+133.6% Y-o-Y) SFP (+52.6% Y-o-Y) MINT (+30.3% Y-o-Y) SSF (+25.1% Y-o-Y) CBG (+21.3% Y-o-Y) และ MALEE (+17.8% Y-o-Y)ส่วนบริษัทที่มีรายได้ลดลงมากที่สุด คือ TC (-10.8% Y-o-Y) การเติบโตของรายได้เป็นเสมือนเครื่องมือที่บอกว่าบริษัทยังมีความสามารถในการเติบโตหรือไม่ ถ้ารายได้ไม่เติบโตก็พอจะเป็นตัวบอกได้ว่าธุรกิจจะอิ่มตัวหรือสินค้าเหล่านั้นอาจจะไม่ตอบโจทย์ เป็นต้น

(คลิกที่ภาพเพื่อขยาย)

อัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin : NPM) บริษัทในกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มที่สามารถสร้างอัตรากำไรสุทธิได้สูงที่สุด 3 อันดับแรกคือ คือ PR (31.36%), MINT (22.56%) และ TIPCO (20.56%) ส่วนบริษัทที่มีอัตรากำไรสุทธิอยู่ในระดับสูงมากกว่า 15% ได้แก่ PB, CBG, TKN และ TF ถ้าเราดูจากแนวโน้มจะพบว่า PR, MINT, PB และ TF เป็นบริษัทที่มีแนวโน้มของอัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

(คลิกที่ภาพเพื่อขยาย)

อัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์ (Return on Asset : ROA) เป็นอัตราส่วนที่แสดงถึงประสิทธิภาพในการดำเนินงานของกิจการ (Efficiency) ว่า บริษัทสามารถนำสินทรัพย์ที่มีอยู่ไปสร้างผลตอบแทนได้มากน้อยขนาดไหน ยิ่ง ROA มีค่ามากแสดงว่าดี แต่ถ้า ROA ต่ำแสดงว่าไม่ดี บริษัทที่มี ROA มากกว่า 15% ได้แก่ TKN, PB, TVO, SNP, CBG, TIPCO, PM, SAUCE, MALEE และ PR

(คลิกที่ภาพเพื่อขยาย)

อัตราผลตอบแทนจากผู้ถือหุ้น (Return on Equity : ROE) เป็นตัวชี้วัดถึงความสามารถในการสร้างผลตอบแทนให้แก่ผู้ถือหุ้น ยิ่งROEมากยิ่งดี บริษัทที่มีความสามารถในการสร้าง ROE มากกว่า 15% คือ TIPCO, TKN, MALEE, MINT, PB, TVO, SNP, PM, OISHI, CFRESH, CBG, SAPPE, SORKON, TFG, PR, SAUCE และ TF

(คลิกที่ภาพเพื่อขยาย)

กำไรต่อหุ้น (Earning per Share : EPS) กำไรต่อหุ้นเป็นอัตราส่วนที่บอกถึงผลตอบแทนของกำไรสุทธิต่อหนึ่งหุ้น บริษัทที่มีการเติบโตของกำไรสุทธิมากจะแสดงถึง ความสามารถในการรับรู้กำไรต่อหนึ่งหุ้นที่มากขึ้นด้วย ดังนั้น เราจะให้ความสำคัญกับการเติบโตของกำไรต่อหุ้นเป็นหลัก บริษัทที่มีการเติบโตกำไรต่อหุ้นมากที่สุด (EPS Growth) ได้แก่ HTC (+263.64% Y-o-Y), OISHI (+210% Y-o-Y), MINT (+65.31% Y-o-Y), SSF (+40% Y-o-Y), APURE (+33.33% Y-o-Y), TF (+31% Y-o-Y), MALEE (+27.87% Y-o-Y), CPF (+27.50% Y-o-Y), CBG (+22.58% Y-o-Y) และ PB (+20% Y-o-Y) อีกทั้งบริษัทที่มีกำไรต่อหุ้นเติบโตมากขึ้นคือ MINT, MALEE, PB, TIPCO, CPF, HTC และ CBG

(คลิกที่ภาพเพื่อขยาย)

หนี้สินต่อทุน (Debt to Equity) อัตราหนี้สินต่อทุนควรอยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากการระดมทุนจากส่วนของหนี้สินมากๆ จะทำให้มีต้นทุนทางการเงินค่อนข้างมากและมีความเสี่ยงมากกว่า นอกจากนั้นบริษัทที่มีหนี้สินมากๆ จะไม่สามารถขอกู้จากสถาบันการเงินได้ ทำให้บริษัทต้องหันมาระดมทุนจากผู้ถือหุ้นผ่านการออกหุ้นเพิ่มทุน ส่งผลให้จำนวนหุ้นมากขึ้น ถ้าบริษัทเอาเงินเพิ่มทุนไปแต่ไม่สามารถสร้างกำไรได้ดีจะส่งผลให้กำไรต่อหุ้นลดลงจากจำนวนหุ้นที่เพิ่มขึ้นซึ่งนักลงทุนส่วนใหญ่จะไม่ชอบที่กำไรต่อหุ้นของตนเองลดลงในที่สุดมันจะถูกสะท้อนออกมายังราคาหุ้นที่ลดลง สำหรับบริษัทที่มีอัตราหนี้สินต่อทุนอยู่ในระดับมากกว่า 2 เท่า มีเพียง 2 บริษัท ได้แก่ BRR และ CPF - เทอร์ร่า บีเคเค

อัตรากำไรสุทธิ จะแสดงถึง ความสามารถในการทำกำไรสุทธิของบริษัท เป็นการวัดความสามารถของบริษัทในการควบคุมรายจ่ายทุกประการทั้งดอกเบี้ยและภาษีเมื่อเทียบกับยอดขาย หากอัตราส่วนนี้มีค่าสูงแสดงว่าบริษัทสามารถเปลี่ยนยอดขายให้เป็นกำไรสุทธิได้มาก

อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (Debt to Equity Ratio) แสดงถึง สัดส่วนของเงินทุนจากการกู้ยืมต่อเงินทุนจากเจ้าของธุรกิจถ้าอัตราส่วนนี้สูงแสดงว่าบริษัทมีการกู้ยืมเงินในสัดส่วนที่สูงเมื่อเทียบกับเงินทุนจากผู้ถือหุ้นของบริษัท ทำให้มีความเสี่ยงในลักษณะเดียวกับอัตราส่วนหนี้สินต่อสินทรัพย์

อัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์ (Return on Asset:ROA) แสดงถึง ระดับผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมของบริษัท เป็นการวัดความสามารถในการนำสินทรัพย์ทั้งหมดของธุรกิจใช้ในการสร้างยอดขายและควบคุมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานทั้งหมดสุทธิจากภาษีแต่ก่อนหักต้นทุนทางการเงิน (ดอกเบี้ยจ่ายสุทธิจากภาษีที่ประหยัดได้) อัตราส่วนที่สูงแสดงว่าบริษัทมีความสามารถสูงในการนำสินทรัพย์ไปสร้างกำไรจากการดำเนินงาน

อัตราผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (Return on Equity : ROE) แสดงถึง ระดับผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น เป็นการวัดความสามารถในการทำกำไรให้แก่เงินทุนของผู้ถือหุ้น หากค่าที่ได้จากการคำนวณสูงแสดงว่าผู้ถือหุ้นมีโอกาสได้รับเงินปันผลและผลตอบแทนที่สูง

บทความโดย : TerraBKK เคล็ดลับการลงทุน แหล่งข้อมูล : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย TerraBKK ค้นหาบ้านดี คุ้มค่า ราคาถูก