“บ้าน” หรือ “คอนโด” ไม่ใช่สินค้าอุปโภคบริโภคที่จะสามารถตัดสินใจซื้อได้ในทันทีทันใด ด้วยความที่เป็นทรัพย์สินที่ต้องใช้เงินก้อนใหญ่ มีหลายปัจจัยในการเลือก ดังนั้นก่อนซื้อนอกจากจะต้องคำนึงถึงทำเล ประเภททรัพย์ว่าเป็นจะเป็นบ้านหรือคอนโด ฯลฯ ยังต้องเปรียบเทียบบ้านหลังอื่นๆด้วยว่ามีราคาเป็นอย่างไร? คุ้มกว่าหรือไม่? ซึ่ง TerraBKK Research ขอแนะนำเทคนิคการเปรียบเทียบบ้านมือสองก่อนตัดสินใจซื้อ ดังนี้

อุปกรณ์ที่ต้องเตรียมก่อนไปดูบ้าน

ก่อนอื่นเลยเราต้องเตรียมอุปกรณ์สำหรับไปสำรวจบ้านหลังต่างๆ เพื่อช่วยให้เราเปรียบเทียบบ้านแต่ละหลังง่ายมากขึ้น ดังนี้

1. กล้องถ่ายรูป / มือถือถ่ายรูปได้

ขาดไม่ได้เลยสำหรับกล้องถ่ายรูปหรือสมาร์ทโฟนในมือเราใช้ให้เป็นประโยชน์ เพราะหากในวันหนึ่งๆเราไปดูบ้านซัก 3-4 หลัง ไม่มีทางที่เราจะจำรายละเอียดนั้นได้ครบ การถ่ายรูปเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการเก็บรายละเอียด โดยเลือกถ่ายจุดสำคัญๆของบ้าน ที่เราคิดว่ามีผลต่อการตัดสินใจ เช่น การใช้วัสดุในบ้านเกรด A หรือ B แต่ทั้งนี้การถ่ายรูปต้องขออนุญาติเจ้าของบ้านให้เรียบร้อยก่อน

2. สมุดจด

หากกรณีที่ถ่ายรูปไม่ได้ คุณอาจจะใช้วิธีจดรายละเอียดเอา โดยก่อนมาดูบ้านคุณควรลิสต์หัวข้อที่ต้องจดมาก่อน เช่น ราคา, พื้นที่บ้าน, จำนวนห้องนอน, สภาพบ้าน เป็นต้น เพื่อที่ว่าไปถึงสถานที่จริงแล้วคุณสามารถจดรายละเอียดได้เลย นอกจากนี้การจดลงไปทำให้ลดความผิดพลาดเวลาเปรียบเทียบได้

3. แผนที่ / Google Map

เมื่อเราไปดูบ้านแล้ว อย่าลืมที่จะปักหมุดบนแผนที่เอาไว้ด้วยว่าหลังไหนเป็นหลังไหน เพราะสิ่งสำคัญที่สุดในการเลือกบ้านนั้นไม่ใช่ราคา แต่เป็น “ทำเล” ที่เป็นหัวใจหลักในการเลือกบ้าน ซึ่ง TerraBKK Research จะขอกล่าวในหัวข้อต่อไปว่าเราจะยอมจ่ายแพงขึ้นเท่าไหร่เพื่อให้ได้บ้านในทำเลดีขึ้น

เลือกบ้านมาเปรียบเทียบแบบสมน้ำสมเนื้อ

การเลือกบ้านที่จะนำมาเปรียบเทียบนั้น ต้องเลือกคู่เทียบที่ “สมน้ำสมเนื้อ” กัน หมายถึงเหมาะสมที่จะนำมาเทียบกัน ไม่ต่างกันจนเกินไป ยิ่งคล้ายกันเท่าไหร่ยิ่งดี ซึ่งควรเลือกจากสมมติฐานต่อไปนี้ 1. อยู่ในทำเลเดียวกัน

ก่อนอื่นเวลาคุณจะสำรวจบ้านนั้น ควรสำรวจในทำเลเดียวกัน เพื่อที่เวลาเปรียบเทียบราคาจะได้ใกล้เคียงกันมากที่สุด หรือหากอยู่ไกลกันมาก อาจจะแบ่งเป็นโซนๆให้ย่อยลงมาอีก และค่อยนำบ้านที่ดีที่สุดในโซนนั้นมาเทียบกันอีกที

… เทคนิคการเปรียบเทียบ “ทำเล” ควรเลือกบ้านที่อยู่ในทำเลที่ดีกว่าเสมอ หากทำเลดีกว่าแต่ราคาแพงกว่า ก็ควรอยู่ในราคาที่เหมาะสม เช่น บ้าน A อยู่ต้นซอย ขายในราคา 1,300,000 บาท บ้าน B ลึกเข้าไปอีกนับจากบ้าน A 300 เมตร ขายในราคา 1,200,000 บาท แบบนี้ยังถือว่าแพงอยู่ เพราะลดไปแค่ 100,000 บาท ซึ่งเราสามารถต่อรองได้ถึง 1,000 บาทต่อเมตร คือ ลึก 300 เมตร = 300 x 1,000 = 300,000 บาท

2. มีขนาดที่ใกล้เคียงกัน

บ้านที่นำมาเปรียบเทียบกันนั้นไม่ควรมีขนาดที่ต่างกันมากเกินไปนัก โดยทั่วไปไม่ควรต่างกันเกิน 20% เช่น คุณสนใจบ้านขนาด 60 ตารางวา ดังนั้นบ้านที่นำมาเปรียบเทียบควรอยู่ในช่วง 54-66 ตารางวา เป็นต้น

3. เป็นราคา ณ ปัจจุบัน

หากไม่ได้สอบถามราคาจากเจ้าของโดยตรง แต่เป็นการเปรียบเทียบราคาผ่านเว็ปไซต์ประกาศขายบ้าน ต้องระวังว่าเป็นราคาที่ประกาศ ณ ปัจจุบันหรือไม่ เพราะบางครั้งทรัพย์ที่เอามาลง เจ้าของประกาศไม่ได้เข้ามาอัพเดทสถานะหรืออัพเดทราคา ทำให้เราได้ข้อมูลที่ผิดมาก็ได้ ดังนั้นควรโทรไปสอบถามจากเจ้าของโดยตรงจะดีที่สุด

4. อายุของบ้านใกล้เคียงกัน

สภาพและอายุของบ้านของบ้านที่นำมาเปรียบเทียบควรจะใกล้เคียงกัน เพราะบ้านเก่าและบ้านใหม่ย่อมมีราคาที่ต่างกันมากๆ การเปรียบเทียบบ้านจะทำให้เรามีข้อได้เปรียบในการเลือกและต่อรองราคามากขึ้น อย่าลืมว่าการซื้อบ้านนั้น “ข้อมูลคืออาวุธที่สำคัญที่สุด” ที่จะทำให้เราไม่โดนหลอกง่ายๆ และมีอำนาจการต่อรองสูงกว่า - เทอร์ร่า บีเคเค

บทความโดย : TerraBKK คลังความรู้

TerraBkk ค้นหาบ้านดี คุ้มค่า ราคาถูก