เข้าใจตัวเองก่อนตัดสินใจลงทุน
วันนี้เราตั้งหัวข้อว่า “เข้าใจตัวเองก่อนตัดสินใจลงทุน” เห็นหัวข้อแบบนี้แล้วใครที่เพิ่งจะลงทุนหรือกำลังศึกษาว่าจะลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงอาจจะส่งสัยว่า ทำไมต้องเข้าใจตัวเองด้วย ทำไมถึงมีเงินทุนเพียงอย่างเดียวลงทุนไม่ได้หรือ? คำตอบ คือ ได้ครับ แต่คุณอาจจะเลือกสินทรัพย์ที่ต้องการลงทุนได้ไม่เหมาะกับตัวเอง ทำให้เราต้องเผชิญกับความเสี่ยงโดยไม่รู้ตัว เนื่องจากสินทรัพย์เสี่ยงเพื่อการลงทุนแต่ละประเภทไม่ว่าจะเป็น เงินฝากธนาคาร พันธบัตร ตราสารหนี้ ตราสารทุน ทองคำ เป็นต้น ต่างก็มีความเสี่ยงที่แตกต่างกัน ทั้งความเสี่ยงจากสภาวะเงินเฟ้อซึ่งเป็นความเสี่ยงที่ใกล้ตัวแต่หลายคนมักจะมองข้าม ความเสี่ยงจากสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องต่ำหรือความเสี่ยงในมุมของธุรกิจผลการดำเนินที่ผิดพลาด เป็นต้น ดังนั้น TerraBKK ขอแนะนำว่าก่อนที่จะตัดสินใจลงทุนเราต้องเข้าใจก่อนว่าสิ่งที่เราต้องการคืออะไร วันนี้มาหาคำตอบกันครับ
"การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุน"
(คลิกที่ภาพเพื่อขยาย)
1. ตอบให้ได้ว่าเป้าหมายของคุณต้องการผลตอบแทนแบบไหน เท่าไรต่อปี และต้องการถึงเป้าหมายเมื่ออายุเมื่อไหร่ สิ่งแรกในการลงทุนคือ เราต้องเข้าใจว่าการที่เราเข้ามาในสนามของการลงทุน เรามีเป้าหมายอย่างไร เป็นการลงทุนระยะสั้นหรือลงทุนระยะยาว รูปแบบการลงทุนที่ตนเองต้องการเป็นแบบสร้างกระแสเงินสดให้เพียงพอกับการใช้จ่ายในชีวิตประจำวันหรือเป็นการลงทุนเพื่อสร้างพอร์ตการลงทุนให้เติบโตอย่างรวดเร็ว ผลตอบแทนที่เราต้องการต่อปีเป็นอย่างไร 5% 10% 30% 50% หรือ 100% ต่อปี หรือไม่อาจจะกำหนดเป้าหมายเป็นจำนวนเงินว่าทั้งชีวิตนี้อยากมีเงินเท่าไร บางคนอาจจะ 10 ล้าน อีกคนอาจจะเป็น 100 ล้านบาท แล้วแต่ความต้องการของแต่ละบุคคล
สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่สำคัญที่เราต้องตอบตัวเองให้ได้ก่อนที่จะเข้ามาลงทุน เมื่อเราสามารถตอบตัวเองได้แล้วว่าผลตอบแทนที่เราต้องการต่อปีคือเท่าไร เรามากำหนดเป้าหมายกันครับว่าเป้าหมายที่เราตั้งไว้จะถึงตอนเราอายุเท่าไรเพื่อจะดูว่าเป้าหมายที่เราตั้งมาทั้งหมดมันมีความเป็นไปได้มากน้อยขนาดไหน ถ้าหากเป็นไปได้ยากอาจจะต้องลองปรับให้เป้าหมายในทุกๆ ด้านสอดคล้องกันให้ไปถึงเป้าหมายได้จริง
2. เวลาที่จะทุ่มเท่ให้กับการลงทุนของคุณมีมากขนาดไหน หลังจากที่เราตอบโจทย์เป้าหมายของเราได้แล้ว สิ่งหนึ่งที่สำคัญ คือ เราจริงจังกับมันมากพอที่จะคู่ควรกับเป้าหมายที่เราตั้งไว้หรือไม่ สมมุติเราตั้งเป้าหมายการลงทุนของเราเอาไว้ 50% ต่อปี ซึ่งเป้าหมายนี้ถือว่าสูงมาก แต่เมื่อดูชีวิตประจำวันของเราแล้วทั้ง ทำงานประจำ ตื่นเช้ากว่าจะถึงบ้านก็สามทุ่ม กลับบ้านนั่งดูทีวี เล่นมือถือ ไม่หาความรู้เพิ่มเติม ทำแบบนี้ทุกวันๆ เลยต้องถามกลับไปว่าเวลาที่เราทุ่มเทให้กับการลงทุนมีให้มันมากน้อยขนาดไหน ถ้าหากชีวิตประจำวันของเราเป็นอย่างที่กล่าวมาอาจจะต้องย้อนกลับมาพิจารณาเป้าหมายตัวเองใหม่ เพราะเป้าหมายที่ 50% นั้นถือว่าสูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดไปมาก ซึ่งการกระทำของเราอาจจะไม่เหมาะสมเพราะตั้งเป้าหมาย 50% กับการกระทำแบบนี้อาจจะต้องเอาเงินไปเล่นพนันในวงป๊อกเด้งอย่างเดียวถึงจะเป็นไปได้ ดังนั้นจริงๆ แล้วเราอาจจะเหมาะแค่การกินดอกเบี้ยพันธบัตรไปวันๆ เท่านั้น
ถ้าหากเป้าหมายเราไม่สอดคล้องกับเวลา วิธีแก้คือ อาจจะต้องลดเป้าหมายเราลงมาและลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนในระดับที่เหมาะสมกับเป้าหมายใหม่มากขึ้น
3. รับความเสี่ยงจากการขาดทุนได้มากน้อยขนาดไหน สินทรัพย์เพื่อการลงทุนต่างก็มีความเสี่ยงที่แตกต่างกัน เราต้องรู้ว่าตัวเราเองสามารถรับความเสี่ยงได้มากน้อยขนาดไหน เมื่อรู้แล้วว่าเรารับความเสี่ยงได้มากหรือน้อยแล้ว ต่อมาต้องเข้าใจสินทรัพย์แต่ละประเภทด้วยว่ามีบุคลิกเป็นอย่างเสี่ยงมากหรือเสี่ยงน้อย (สามารถศึกษาความเสี่ยงของสินทรัพย์แต่ละประเภทได้ที่บทความ ความเสี่ยงและผลตอบแทน จากการลงทุน) สุดท้ายเมื่อเราเข้าใจตัวเองรวมถึงเข้าใจสินทรัพย์ที่จะลงทุนเราก็ควรเลือกสินทรัพย์เพื่อการลงทุนให้เหมาะกับตัวเราให้มากที่สุด
4. ก่อนตัดสินใจลงทุนต้องถามตัวเองว่าในชีวิตของเรามีภาระหนักๆ ที่เราต้องรับผิดชอบหรือไม่ สิ่งหนึ่งที่นักลงทุนมักจะลืมคิดถึงก็คือ ภาระต่างๆ ในชีวิต เช่น ภาระหนี้สิน ภาระที่ต้องเลี้ยงดูพ่อแม่ ภาระเลี้ยงดูลูก หรืออาจจะเป็นภาระที่เกิดจากการเจ็บป่วย ภาระเหล่านี้ถ้าหากเราไม่จัดการให้ดีอาจจะทำให้เป้าหมายด้านการลงทุนผิดพลาดไป และอาจจะเกิดความเสี่ยงเพิ่มสูงขึ้นในอนาคต ดังนั้น TerraBKK อยากจะให้พิจารณาประเด็นนี้เป็นพิเศษ ถ้าหากมีภาระหนักทางด้านนี้นักลงทุนต้องมีเงินเผื่อสำรองยามฉุกเฉินไว้ใช้จ่ายในช่วงที่วิกฤติด้วยโดยต้องครอบคลุมค่าใช้จ่ายได้ถึง 3-6 เดือน
5. เงินที่นำมาลงทุนควรเป็นเงินส่วนที่เหลือ สุดท้ายก่อนที่เราจะตัดสินใจลงทุนเราต้องมีเงินส่วนที่เหลือจริงๆ ไม่ได้เป็นเงินที่จะนำไปใช้จ่ายในอนาคตมาลงทุน แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าเงินที่เอามาจะไม่ถูกใช้ไปในอนาคต TerraBKK ขอแนะนำว่าท่านนักลงทุนต้องทำบัญชี รายรับ-รายจ่าย ติดต่อไปซักประมาณอย่างน้อยครึ่งปี ท่านจะเห็นตัวเลขรายจ่ายต่อเดือนของตนเองทำให้เราสามารถประมาณเงินที่จะนำไปลงทุนได้ อีกทั้งยังช่วยสร้างวินัยการลงทุนได้ดีอีกด้วย
ขั้นตอนการทำความรู้จักตนเองทั้ง 5 ประเด็นนี้ ถือเป็นจุดสำคัญในการลงทุน เมื่อเราเข้าใจความเสี่ยงจะทำให้เราสามารถจัดการความเสี่ยงในตนเองได้ดียิ่งขึ้น ทำให้ความผิดพลาดที่เกิดจากการลงทุนน้อยลง และช่วยปรับสภาพจิตใจให้เหมาะกับการลงทุนมากยิ่งขึ้น - เทอร์ร่า บีเคเค
บทความโดย : TerraBKK เคล็ดลับการลงทุน TerraBKK ค้นหาบ้านดี คุ้มค่า ราคาถูก