บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด หรือ ที่เรารู้จักกันดีในชื่อ เครดิตบูโร เป็นบริษัทส่วนกลางที่ถูกก่อตั้งขึ้นมาเพื่อติดตามและเก็บข้อมูลประวัติด้านการเงินของผู้บริโภคผลิตภัณฑ์ด้านการเงิน เช่น เงินกู้ บัตรเครดิต เป็นต้น คนส่วนมากมักจะเข้าใจผิดนะคะ ว่าเครดิตบูโรติดตามแต่หนี้ และเป็นองค์กรที่มาซอกแซกเรื่องเงินๆ ทองๆ ของคุณโดยคุณไม่ได้ให้อนุญาต หรือทำให้คุณขอเงินกู้ไม่ได้เพราะมา Blacklist ชื่อคุณนั่นเอง แต่จริงๆ แล้วเครดิตบูโรทำอะไรบ้าง เรามาดูกันค่ะ

เครดิตบูโร

เครดิตบูโร หรือ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด คือ องค์กรกลางมีใบอนุญาตประกอบธุรกิจการให้บริการข้อมูลตาม พรบ. การประกอบธุรกิจข้อมูลเครดิต พ.ศ. 2545 ก่อตั้งขึ้นเพื่อทำการรวบรวมข้อมูลด้านบัตรเครดิต และสินเชื่อ โดยข้อมูลเหล่านี้จะได้รับมาจากสถาบันการเงิน (ทั้งที่เป็นธนาคาร และบริษัทกู้ยืมเงินต่างๆ) ที่เป็นสมาชิกของเครดิตบูโร เพื่อให้เครดิตบูโรเป็นผู้เก็บข้อมูล และประวัติ พฤติกรรมทางการเงิน รวมทั้งภาระหนี้สิน พฤติกรรมการชำระหนี้ และคะแนนเครดิตสกอร์ คุณอาจจะเคยสงสัย ว่าคุณไม่ได้ให้อนุญาตในการเก็บข้อมูล แล้วทำไมข้อมูลประวัติการเงินของคุณถูกส่งมาให้เครดิตบูโรด้วย พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจข้อมูลเครดิต พ.ศ.2545 บัญญัติไว้ว่า ให้สถาบันการเงินที่เป็นสมาชิกนำส่งข้อมูลของลูกค้าของตนแก่บริษัทข้อมูลเครดิตที่ตนเป็นสมาชิกโดยเป็นหน้าที่ๆ สถาบันการเงินต้องทำตามกฎหมาย แต่เมื่อมีการนำส่งครั้งแรกแล้ว ทางสถาบันการเงินดังกล่าวจะต้องแจ้งลูกค้าทราบภายใน 30 วันนับตั้งแต่วันส่งข้อมูล แต่ไม่จำเป็นจะต้องขออนุญาตจากลูกค้าแต่อย่างใด

การตรวจสอบข้อมูล

สามารถทำได้ทั้งการตรวจสอบข้อมูลส่วนตัว หรือกรณีนิติบุคคล ได้ 3 วิธี
    1. ยื่นผ่านธนาคาร ปัจจุบันคุณสามารถยื่นคำขอผ่านเคาน์เตอร์ธนาคารธนชาติ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารแลนด์แอนด์เฮ้าส์ และธนาคารไอซีบีซี (ไทย) ได้ทุกสาขา หรือยื่นคำขอผ่านตู้เอทีเอ็มของธนาคารกรุงไทย และธนาคารไทยพาณิชย์ด้วยตัวเองได้ค่ะ โดยทางเครดิตบูโรจะจัดส่งรายงานทางไปรษณีย์ลงทะเบียนภายใน 7 วันทำการ 2.กรณีบุคคลธรรมดา เอกสารที่ต้องแสดง ได้แก่ บัตรประจำตัวประชาชน หรือหนังสือเดินทาง หรือบัตรประจำตัวบุคคลต่างด้าวตัวจริงนำมาแสดง ค่าธรรมเนียม 100 บาท (สำหรับการตรวจสอบครั้งเดียว รายงานฉบับเดียว) 3. กรณีนิติบุคคล เอกสารที่ต้องนำมาแสดง ได้แก่ สำเนาหนังสือรับรองของนิติบุคคล ที่รับรองไว้ไม่เกิน 3 เดือน และลงนามรับรองความถูกต้องโดยกรรมการผู้มีอำนาจ, สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน หรือสำเนาหนังสือเดินทางของกรรมการผู้มีอำนาจ และลงนามรับรองความถูกต้อง พร้อมตัวจริงนำมาแสดง, ตราประทับของนิติบุคคล (ถ้ามี) เพื่อใช้ประกอบการยื่นขอคำขอตรวจสอบข้อมูลเครดิต ค่าธรรมเนียม 200 บาท (สำหรับการตรวจสอบครั้งเดียว รายงานฉบับเดียว)

รายงานข้อมูลเครดิตคืออะไร

รายงานข้อมูลเครดิต หรือ Credit Report เป็นรายงานเกี่ยวกับประวัติการกู้ยืมและชำระหนี้ของลูกค้าที่ขอสินเชื่อ ประกอบไปด้วยข้อเท็จจริงของตัวลูกค้า คุณสมบัติของลูกค้า ประวัติการขอและการได้รับอนุมัตสินเชื่อ การชำระหนี้สินเชื่อ และประวัติการชำระค่าสินค้าบริการโดยบัตรเครดิตของลูกค้าทั้งหมดค่ะ ธนาคารและสถาบันการเงินใช้ข้อมูลเหล่านี้เพื่อประกอบการพิจารณาว่าจะอนุมัติเงินกู้ยืมให้ลูกค้าหรือไม่ หรืออนุมัติให้ในวงเงินจำนวนเท่าไหร่นั่นเองค่ะ

Blacklist คืออะไร

การติด Blacklist เป็นการที่ผู้มีหนี้ไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด (อย่างน้อยเกิน 6 งวดติดต่อกัน จะทำให้เสียประวัติได้) ทำให้ไม่สามารถยื่นขอเงินกู้จากที่อื่นๆ ได้อีก หากไม่ชำระหนี้สินให้ครบถ้วนเสียก่อน เครดิตบูโร ไม่มีส่วนร่วมในการตัดสินใจ Blacklist ใครได้ หน้าที่ของเครดิตบูโรเป็นแค่แหล่งเก็บรวบรวมข้อมูลเครดิตให้กับธนาคารและสถาบันการเงินที่เป็นสมาชิกอยู่ มีเพียงสถาบันการเงิน หรือธนาคารเท่านั้นที่สามารถ Blacklist หรือปฏิเสธการกู้ยืมเงินได้ บริษัทเครดิตบูโรจะทำการเก็บประวัติการค้างชำระหนี้ เกิน 90 วันขึ้นไป ในฐานข้อมูล โดยจะทำการเก็บข้อมูลเป็นระยะเวลา 8 ปี หลังจาก 8 ปีระบบจะทำการลบประวัติการค้างหนี้ออกจากระบบ ทำให้คุณมีโอกาสยื่นขอสินเชื่อได้อีกครั้ง แต่ไม่ได้หมายความว่าจะเบี้ยวหนี้ได้นะคะ เพราะแม้ถูกลบประวัติจากระบบ แต่ยอดหนี้ที่คงอยู่จะไม่หายไปไหนจนกว่าจะได้รับการชำระจนครบจำนวนค่ะ ขอบคุณข้อมูล จาก :finance.rabbit.co.th

บทความโดย : TerraBKK เคล็ดลับการลงทุน TerraBKK ค้นหาบ้านดี คุ้มค่า ราคาถูก