Telework เทรนด์การทำงานในฝันของคนยุคใหม่
ต้องบอกว่าในช่วง 50 ปีมานี้ โลกของเรานั้นได้เปลี่ยนไปมาก ปัจจัยที่มีส่วนเป็นอย่างยิ่งที่ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงนี้ คงไม่พ้นไปจาก Internet ระบบการสื่อสารที่สามารถเชื่อมต่อให้ทุกส่วนบนโลกสื่อถึงกันได้แบบ world wide โดยปัจจุบันนี้อินเตอร์เน็ตกลายเป็นสิ่งที่สำคัญมากในยุคโลกาภิวัฒน์ไปแล้ว เรียกได้ว่าแม้จะไม่ใช่ปัจจัยสี่ แต่ถ้าขาดหายไปก็คงจะสร้างความเดือดร้อนได้ไม่น้อย
คนในยุค Gen x – Gen Z นั้น เกิดมาในช่วงที่เริ่มมีการพัฒนาระบบคอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ต ความคิดของคนในช่วงวัยนี้จึงเต็มไปด้วยตัวตนของความสร้างสรรค์ ความทันสมัย ความมั่นใจที่จะพิสูจน์ตัวเอง และมีความเชื่อเป็นของตัวเองสูงมาก ซึ่งเป็นที่ถกเถียงกันบ่อยว่าคนในช่วงวัยนี้ เริ่มเบื่องานระบบออฟฟิสและใฝ่ฝันที่จะเป็นเจ้านายตัวเองและเจ้าของธุรกิจมากขึ้น แล้่วจะทำอย่างไร? ถ้าคนรุ่นใหม่หนีไปเป็นนายตัวเองกันหมด ระบบการทำงานคงจะต้องปั่นป่วนเกินควบคุมแน่ เทรนด์การทำงานแบบใหม่ที่เรียกว่า telework หรือ work at home (ทำงานที่บ้าน) จึงเริ่มมีการปรับใช้มากขึ้นในยุคสมัยที่คนรุ่นใหม่กำลังมีอิทธิพลกับการทำงานในปัจจุบัน โดยการทำงานที่ยืดหยุ่นมากขึ้น พนักงานไม่จำเป็นต้องเข้าบริษัททุกๆวัน แต่อาศัยระบบอินเตอร์เน็ตในการทำงาน
อเมริกาเป็นประเทศแรกๆที่มีการนำ telework จากข้อมูลของสถาบัน U.S Census Bureau รายงานว่า ชาวอเมริกันนิยมเอางานกลับไปทำที่บ้าน 1 วันต่อสัปดาห์ ซึ่งเพิ่มจำนวนจากปี 1997-2010 ถึง 35% หรือเป็นจำนวนถึง 13.4 ล้านคน โดยนักเศรษฐศาสตร์ Nicholas Bloom จากมหาวิทยาลัย Stanford ศึกษาจากกลุ่มตัวอย่างที่เป็นพนักงานของบริษัท Ctrip โดย NASDAQ จัดอันดับให้เป็นเอเจนซี่ชั้นนำในเซี่ยงไฮ้ มีอาสาสมัครร่วมโครงการกว่า 16,000 คน ในการทดลองตลอดระยะเวลา 9 เดือน แบ่งเป็นกลุ่มพนักงานที่อนุญาตให้ทำงานที่บ้านได้ และกลุ่มที่ต้องมาสำนักงานตามปกติ เพื่อเปรียบเทียบประสิทธิภาพของคนสองกลุ่มนี้ ปรากฎว่า กลุ่มที่ทำงานที่บ้านสามารถทำกำไรให้บริษัทถึง 1,900 เหรียญดอลล่าร์สหรัฐต่อคนในแต่ละปี ส่วนหนึ่งก็เพราะว่าบริษัทสามารถประหยัดค่าเช่าสถานที่ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าแอร์ มากกว่าปกติ 13% และประสิทธิภาพของพนักงานที่ได้ทำงานที่บ้านนั้นมีมากกว่า เพราะได้ทำงานในสถานที่ที่คุ้นเคย ใช้เวลากินข้าวกลางวันน้อยกว่าเพราะไม่ต้องเดินและต่อคิว ประหยัดเวลาทำงานและควาเมหนื่อยล้าจากการเดินทาง และสามารถยืดหยุ่นการทำงานได้มากกว่า
การทำงานแบบ teleworking เริ่มแพร่หลายและครอบคลุมไปหลายๆสายงาน แม้ส่วนมากจะเป็นในส่วนที่เกี่ยวข้องกับ online ก็ตาม โดย Business Insider ได้จัดอันดับสาขาอาชีพที่มีการ work at home จัดตามรายได้รายชั่วโมง ซึ่งพบว่าอาชีพที่ได้รายได้มากที่สุดคือ Patent Law (งานเกี่ยวกับกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญา) นั้น สามารถทำรายได้ถึง 112.20 ดอลล่าร์ หรือประมาณ 3,000 บาทต่อชั่วโมงเลยทีเดียว
ขอบคุณภาพจาก : Marketing Oops
ระบบการทำงานแบบ teleworking เริ่มเป็นที่สนใจในเมืองไทย และหลายๆบริษัทก็ได้เริ่มนำมาปรับใ้ช้ โดยเปลี่ยนวิธีการทำงานจากการเข้าบริษัทเช้าถึงเย็นในทุกๆวัน เป็นการพบกันสัปดาห์ละ 1-2 ครั้งที่ร้านกาแฟหรือที่ใดสักที่แทน ซึ่งก็ทำให้ประหยัดต้นทุนด้านสถานที่ไปได้มาก แต่ถ้าหากจะดูกันในระยะยาวก็คงต้องบอกว่า ระบบการทำงานนี้คงจะเหมาะกับธุรกิจบางประเภทเท่านั้น เพราะอย่างไรก็ตามการได้ทำงานร่วมกันก็สามารถสร้างปฏิสัมพันธ์และความคล่องตัวในการทำงานเป็นทีมได้ดีกว่าแน่นอน แต่หากมีการปรับใช้ร่วมกันได้ทั้ง work at office และ work at home ก็คงจะดีไม่น้อย -- เทอร์ร่า บีเคเคขอบคุณข้อมูลจาก : The MATTER และ Marketing Oops
บทความโดย : TerraBKK คลังความรู้
TerraBkk ค้นหาบ้านดี คุ้มค่า ราคาถูก
Discussion
Follow breaking news Investment property articles on Facebook, click here.