5 steps renovation บ้านน่าอยู่ แถมมีผู้เช่า
เมื่อความต้องการที่อยู่อาศัยของผู้คน เติบโตผันผวนกับจำนวนที่ดินและที่ว่างที่เหลืออยู่ ทำให้ปัจจุบันอสังหาริมทรัพย์เป็นทรัพย์สินที่ทวีคุณค่าและมูลค่าอย่างต่อเนื่อง การรีโนเวทอาคารเก่าจึงเป็นวิธีที่น่าสนใจ ที่จะช่วยให้อสังหาริมทรัพย์มีมูลค่ามากขึ้น เพราะแม้จะเป็นอาคารมือสองแต่ก็สามารถเพิ่มมูลค่าและทำให้น่าอยู่ได้ไม่แพ้มือหนึ่ง ซึ่งก่อนที่จะทำการ รีโนเวท ( renovation ) นั้น ควรจะต้องวางแผนให้ดีก่อนว่าจะมีแนวทางการรีโนเวทอย่างไร คุ้มค่ากับการลงทุนหรือไม่ และทำอย่างไรถึงจะเป็นที่สนใจของผู้ซื้อ
1. คิดในมุมมองของเจ้าของและนักลงทุน ตามตำราเขาว่า “รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง” แน่นอนว่าเช่นเดียวกันกับการลงทุนในครั้งนี้ ก่อนอื่นเราต้องแน่ใจก่อนว่า อาคารที่เรามีนั้นมีความเหมาะสมที่จะใช้ในลักษณะใด สิ่งแวดล้อมโดยรอบเอื้อต่อความสะดวกสบายของผู้อยู่อาศัยแค่ไหน ช่วงเวลาใดที่มีผู้คนพลุกพล่านจอแจ อย่างเช่น ในบริเวณนั้นมีความหนาแน่นในช่วงเวลากลางวัน คนทำงานคับคั่ง มีร้านค้าและร้านอาหารรายรอบ และการเดินทางมีความคล่องตัวสะดวกสบาย การพัฒนาอาคารเพื่อเป็นออฟฟิสหรืออาคารพาณิชย์ ก็น่าจะเพิ่มมูลค่าได้มากกว่าการเป็นแค่ที่อยู่อาศัย หรือหากย่านนั้นมีความสงบ เป็นส่วนตัว และไม่วุ่นวาย พบเห็นผู้คนมากในช่วงเช้าและหัวค่ำ ก็แน่นอนว่าการพัฒนาเป็นที่อยู่อาศัยย่อมเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด ทั้งนี้ต้องพิจารณาร่วมกับข้อจำกัดของอาคารของเราด้วย ซึ่งเหตุผลเหล่านี้อาจทำให้เรามีตัวเลือกในการพัฒนาอาคารเก่าที่น่าสนใจมากกว่าเดิม 2. ตรวจเช็คโครงสร้างและงานระบบ เมื่อภาพอนาคตของอาคารที่ต้องการปรับเปลี่ยนชัดขึ้นแล้ว ต่อมาก็ต้องมาพิจารณาว่ามีอะไรที่จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนกันบ้าง การวางโครงสร้างและงานระบบใหม่จะต้องมาภายหลังการวางพื้นที่ใช้สอยภายในอาคารให้เรียบร้อยเสียก่อน ทั้งนี้โครงสร้างและงานระบบที่ดี จะต้องรองรับทั้งการใช้งานทั่วไปและการใช้งานเฉพาะจุด เพื่อให้มีความยืดหยุ่นหากต้องการมีการเปลี่ยนแปลงในอนาคต ส่วนเรื่องของการจะโชว์งานระบบหรือจะปิดไว้เพื่อความเรียบร้อย ก็แล้วแต่สไตล์การตกแต่งและความชอบเฉพาะตัว 3. ตกแต่งงบน้อยบนความเชื่อ “เพราะสว่างจึงสบาย” ความโปร่งสว่างเป็นส่วนสำคัญในการช่วยให้เกิดภาวะสบาย ที่สำคัญยังช่วยสร้างความรู้สึกของความกว้างและลดความอึดอัดไปได้มาก ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นลักษณะที่ดีของอาคารที่ไม่ว่าใครก็อยากเป็นเจ้าของกันทั้งนั้น วิธีที่จะสร้างบรรยากาศเหล่านี้ในอาคารก็ไม่ยากเลย- รับแสงธรรมชาติให้มากที่สุด พิจารณาทิศทางของแสงในแต่ละช่วงวันร่วมกับการจัีดวางผังที่เหมาะสม การกรุกระจกบานใหญ่หรือกระจกแนวตั้ง นอกจากจะช่วยให้ห้องดูโปร่งสว่างแล้ว ยังทำให้ห้องกว้างและลดความอึดอัดได้ทั้งชั้นเลยทีเดียว
- เปลี่ยนมุมมองของเพดาน อาคารที่มีความสูงไม่มากทำให้เกิดความรู้สึกอับ ครั้นจะให้ทุบโครงสร้างใหม่ก็กลัวบานปลาย วิธีง่ายๆก็คือพยายามใช้สีที่อ่อนทาทับบนเพดาน ที่สำคัญคือสีของเพดานควรอ่อนสว่างกว่าสีผนัง และไม่ควรตกแต่งเพดานด้วยโคมไฟห้อยเพราะจะทำให้เพดานดูเตี้ย หากอยากให้ดูหรูควรใช้วิธีการซ่อนไฟดีกว่า
4. ขยายพื้นที่ด้านในโดยไม่ต้องปรับโครงสร้าง หากการปรับเปลี่ยนโครงสร้างนั้นยุ่งยากและไม่คุ้มทุนเอาเสียเลย การตกแต่งเองก็มีส่วนสำคัญที่จะช่วยปรับขนาดภายในของอาคารได้เช่นกัน วิธีการที่ง่ายและยุ่งยากน้อยที่สุด คือการปรับพื้นและผนัง
- ผนังโทนอ่อน หลักการเช่นเดียวกับเพดาน สีอ่อนจะช่วยดูดซับแสงและสร้างความสบายตาได้มาก การใช้สีอ่อนอาจเลือกใช้ในห้องที่ต้องการความโปร่งมากกว่าปกติ อย่างเช่น ส่วนโถงของบ้าน เป็นต้น นอกจากนั้นควรตกแต่งในโทนสี 60-30-10 นั่นคือ สีสว่าง 60% สีกลาง 30% และสีเข้ม 10% เพราะจะช่วยสร้างภาวะความสบายและเปลี่ยนมุมมองภายในตัวอาคารได้เป็นอย่างดี
- ปูพื้นที่เล่นระดับทางสายตา การปูพื้นมีส่วนสำคัญอย่างมากกับบรรยากาศภายในอาคาร ถ้าหากต้องการขยายให้ภายในรู้สึกกว้างขึ้น ควรเลือกใช้กระเบื้องแผ่นใหญ่สีโทนอ่อน ที่ทำให้พื้นดูเป็นเนื้อเดียวกัน หรือเลือกปูพื้นในแนวตรงหรือแนวขวาง ก็สามารถเล่นระดับกับสายตาได้ อีกทั้งยังสามารถกำหนดรสนิยมและความหรูหราได้ด้วยวัสดุ หากเป็นไม้จะให้ความรู้สึกสงบอบอุ่นเหมาะกับห้องที่ต้องการพักผ่อน คอนกรีตเหมาะกับการใช้งานที่ทนทานหลากหลายและไม่ต้องทำความสะอาดมากนัก หรือหินอ่อนที่ให้ความหรูหราและสว่างไสว เป็นต้น ซึ่งวัสดุเหล่านี้มีวัสดุทดแทนที่ราคาถูกกว่าและให้ความรู้สึกเช่นเดียวกับวัสดุแท้ อย่างเช่น ลามิเนตไม้ ลามิเนตหินอ่อน เป็นต้น
5. ที่ว่างและพื้นที่สีเขียว ใครว่าการมีที่โล่งแบบ outdoor จะทำให้สูญเสียพื้นที่ใช้สอยไปอย่างเปล่าประโยชน์ กลัีบกันการมีพื้นที่ว่างเล็กๆ สอดแทรกตามส่วนต่างๆของอาคารสามารถเพิ่มการใช้ประโยชน์พื้นที่ได้อย่างทวีคูณ การเว้นช่องว่าง (Void) สามารถลดความแคบของเพดาน ทำให้อาคารโปร่งโล่ง อากาศถ่ายเท รับแสงได้อย่างทั่วถึงทุกชั้น อีกทั้งยังสามารถปรับการใช้งานพื้นที่ให้เป็น outdoor ภายในบ้าน โดยอาจปรับฟังก์ชั่นให้มีพื้นที่สีเขียวภายในบ้าน ปลูกต้นไม้ขนาดย่อมบนพื้นดิน เพิ่มความชื้นให้อากาศเย็นมากขึ้น ทั้งนี้การมีพื้นที่โล่งภายในบ้านนั้น นอกจากจะสามารถสร้างตัวเลือกการใช้งานได้อย่างหลากหลายมากขึ้นแล้ว ยังเพิ่มมูลค่าให้กับอาคารได้มากขึ้นอีกด้วย -- เทอร์ร่า บีเคเค