ใกล้ปีใหม่ 2018 เข้าไปแล้วทุกที หลายๆ คนที่มีทำงานเหน็ดเหนื่อยมาตลอดทั้งปีก็เฝ้ารอกับโบนัสประจำปีกันอยู่ นอกจากจะรอโบนัสกันแล้วยังมีอีกบางส่วนที่กำลังรอที่จะเปลี่ยนงานใหม่ในช่วงปีใหม่นี้ เพราะถือได้ว่าเป็นช่วงหลังจากการได้รับโบนัสที่มีการเปลี่ยนงานกันสูง ส่วนสาเหตุการณ์เปลี่ยนงาน หรือ ออกจากงาน นี้ก็แล้วแต่เหตุผลส่วนตัวของแต่ละคนกันไป แต่ MoneyGuru.co.th ก็อดที่จะเป็นห่วงไม่ได้ว่าได้เตรียมตัวพร้อมรับมือกับการออกจากงานกันไว้แล้วหรือยัง ซึ่งหากยัง MoneyGuru.co.th ก็มีคำแนะนำเล็กๆ น้อยๆ มาฝากกัน

ก่อนการเปลี่ยนงานหรือออกจากงานนั้นเราควรที่จะมีการวางแผนไว้ก่อน เพื่อที่หลังจากเราเปลี่ยนงานหรือออกจากงานแล้วนั้นเราจะไม่เดือดร้อนในช่วงนี้ และที่จะแนะนำต่อไปนี้ก็เหมือนเช็คพอยท์ให้เราเตรียมตัวไว้ก่อนจะได้ไม่หลงลืมกันไป

เงินสำรองสำหรับใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน

เริ่มต้นกันที่สิ่งจำเป็นในการใช้ชีวิตประจำวันก็คือ “เงิน” นั่นเอง เพราะหากไม่มีเงินแล้วเราจะทำอะไรก็คงลำบาก เพราะไม่ว่าอะไรสมัยนี้ก็ต้องซื้อแทบจะทั้งนั้น ดังนั้นเราควรมีเงินส่วนนี้ให้พอสำหรับใช้จ่ายด้วย โดยปกติจะแนะนำกันว่าให้มีเงินสำรองสำหรับใช้จ่ายในชีวิตประจำวันอย่างน้อยๆ ประมาณ 6 เดือนขึ้นไป หากจะให้ดีก็ประมาณ 10 เดือนขึ้นไป เพราะในกรณีที่ออกจากงานแบบไม่มีงานสำรอง เราก็จะได้มีเงินไว้ใช้จ่ายไม่เดือดร้อน ซึ่งส่วนนี้จะเป็นค่าใช้จ่ายเช่น ค่าอาหาร ค่าน้ำค่าไฟ ค่าโทรศัพท์มือถือ ค่าอินเตอร์เน็ต ฯลฯ เป็นต้น ซึ่งหากเรายิ่งมีมากโอกาสเสี่ยงที่เราจะเป็นหนี้ก็จะลดลง เพราะด้วยว่าเราไม่รู้ว่าเราจะได้งานใหม่ภายในกี่เดือน เราจึงต้องสำรองส่วนนี้ไว้เยอะๆ นั่นเอง แต่หากมีงานใหม่ก่อนออกจากงานแล้ว เงินส่วนนี้ก็เก็บไว้ก่อนก็ได้ครับ เพราะภายหน้าจะเกิดอะไรขึ้นเราก็ไม่รู้ได้

เงินเก็บต่างๆ

เช็คให้ดีว่าเรามีเงินเก็บตรงไหนเท่าไหร่ อะไร อย่างไร เพราะว่าเมื่อไหร่จะเกิดเหตุฉุกเฉินนั้นเราไม่มีทางรู้ล่วงหน้า ดังนั้นการเตรียมความพร้อมส่วนนี้ไว้ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ดี เพื่อที่เวลาเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้นมาเราจะได้ไม่เดือดร้อนเรื่องเงิน แต่เงินส่วนนี้ต้องเป็นเงินคนละส่วนกับ เงินสำรองสำหรับค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันนะครับ ไม่อย่างนั้นยิ่งใช้เราก็ยิ่งหมด หมดทั้งเงินสำรอง หมดทั้งเงินเก็บ ทีนี้ล่ะเตรียมตัวเดือดร้อนได้เลยเมื่อเงินหมด

เงินสำรองหรือเงินกองทุนต่างๆ ก็อย่าลืมเช็คให้ดีนะครับ ว่ามีอะไรบ้าง เมื่อรู้แล้วก็เก็บไว้ที่เดิมครับ ไม่ต้องดังออกมา เพราะเราแค่ตรวจเช็คดูเท่านั้น เผื่อว่าเวลาต้องการใช้ขึ้นมาจะได้รู้ว่าจะหยิบจากส่วนไหนได้บ้าง

อัพเดทประวัติการทำงานของเรา

ประวัติการทำงาน หรือ เรซูเม่ ของเรานั้นควรมีการอัพเดทอย่างสม่ำเสมอเพื่อที่เราจะได้ไม่พลาดโอกาสสำคัญต่างๆ ที่อาจจะเข้ามาในชีวิต เช่น ตำแหน่งหน้าที่การงานใหม่ เป็นต้น เพราะ เรซูเม่ถือได้ว่าเป็นเหมือนใบแนะนำตัวของเราให้กับบริษัทหรือบุคคลที่สนใจได้ทำความรู้จักกับเรา แต่ถึงแบบนั้นเรซูเม่ที่ดีก็ไม่ควรมีความยาวมาก ควรจะทำให้สั้นกระชับและได้ใจความว่าเราทำงานอะไร มีความสามารถอย่างไรบ้าง เพราะที่ว่าผู้ที่รับสมัครเราหรือผู้ที่สนใจอยากรู้จักเรานั้นจะได้ใช้เวลาที่ไม่มากในการทำความรู้จักกับเรา รวมถึงเรซูเม่ที่สั้นกระชับจะไม่สร้างความน่าเบื่ออีกด้วย

สมัครงานล่วงหน้า

หากเรารู้ตัวว่าจะออกจากงาน เราก็ควรที่จะรีบสมัครงานใหม่ทันที เพื่อที่ว่าเมื่อเราออกจากงานเก่า เราจะได้เริ่มงานใหม่ทันที ทำให้ประสบการณ์การทำงานไม่ขาดช่วง รวมถึงสภาพการเงินไม่ขาดช่วงด้วย  เพราะการที่ออกจากงานเก่าโดยไม่หางานใหม่หรือไม่มีการเตรียมพร้อมตัวเองไว้นั้น อาจจะทำให้เราลำบากได้ในอนาคต

หวังว่าที่นำมาแนะนำกันในวันนี้จะช่วยให้คนที่กำลังตัดสินใจจะเปลี่ยนงานในช่วงนี้ได้เตรียมพร้อมตัวเองกันไว้ก่อน เพื่อที่หลังจากตัดสินใจไปแล้วจะได้ไม่สร้างความลำบากให้กับตัวเองครับ และสุดท้ายนี้ขอให้ทุกๆ คนได้งานที่ถูกใจนะครับ 

ขอบคุณที่มาจาก  www.moneyguru.co.th