ฤดูกาลแห่งการท่องเที่ยวมาถึงกันแล้วมีที่พักแล้วหรือยัง TerraBKK ขอนำเสนอโรงแรมที่พักในอีกรูปแบบหนึ่งที่จะตอบสนอง Life style และความเป็นตัวตนของแต่ละคนมากขึ้นนั้น วันนี้เรามาทำความรู้จักโรงแรม Boutique Hotel กันดีกว่า เป็นโรงแรมที่มีการออกแบบ Space ให้มีความแปลกใหม่ แตกต่างจากโรงแรมทั่วไปทั้งการออกแบบในเรื่อง งานโครงสร้าง และงานสถาปัตยกรรม ซึ่งจะต้องบ่งบอกถึงลักษณะเฉพาะของโรงแรมและดึงความเป็นตัวตนของโรงแรมออกมาให้เห็น บูติกโฮเท็ลจะเน้นไปทางด้านการนำเสนอด้านอารมณ์และความพึงพอใจจากการได้รับบริการมากกว่าด้านประโยชน์ใช้สอยจากการอยู่อาศัยในโรงแรม

ในช่วงแรกๆ Boutique Hotel มักจะเป็นโรงแรมขนาดเล็ก ไม่ค่อยมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากเหมือนโรงแรมทั่วไปที่จะห้องจัดประชุม ห้องจัดเลี้ยง ไว้ให้บริการทำให้ไม่ค่อยเหมาะนักที่กลุ่มลูกค้าประเภทติดต่อธุรกิจจะมาเข้าพักซักเท่าไร ในช่วงหลังๆ บูติกโฮเต็ลเริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นก็เริ่มมีการพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น ห้องประชุม ห้องจัดเลี้ยง และเริ่มมีโรงแรมชั้นนำเริ่มหันมาจัดตั้ง Hotel Chain สำหรับบริหารให้อยู่ในมาตรฐานเดียวกันมากขึ้น โรงแรมที่เน้นเฉพาะ Boutique Hotel โดยเฉพาะ เช่นเครือ Starwood Hotels ตั้ง W Hotels ส่วนเครือ Hyatt ตั้ง Park Hyatt  เป็นต้น

ลักษณะการออกแบบจะผสมผสานไปทั้งความร่วมสมัยและความทันสมัย ซึ่งการออกแบบควรที่จะสื่อถึงบุคลิกภาพ (Character) ของตัวโรงแรมทำให้โรงแรมดูโดดเด่น และเป็นการกระตุ้นให้คนอยากเข้ามาใช้บริการตอบสนองความเป็นคนเมืองสมัยใหม่ที่ชอบแสดงความเป็นตัวตนของตนเองให้เข้ากับไลฟ์สไตล์มากขึ้น ในลักษณะการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ได้ประสบการณ์ใหม่เกี่ยวกับการพักผ่อน เช่น การตกแต่งให้มีเอกลักษณ์ให้เหมือนอยู่กับธรรมชาติ ริมชายทะเล หรือฉีกแนวโดย Renovate โกดังเก็บของให้เป็นโรงแรม แบบนี้ก็ให้อารมณ์อีกแบบหนึ่งเหมือนกัน บางโรงแรมต้องการสื่ออารมณ์ให้เหมือนอยู่ในสถานที่เที่ยวกลางคืนก็ Design ให้เหมือนอยู่ใน Bar เป็นต้น

ถึงแม้สิ่งอำนวยความสะดวกจะน้อยกว่าโรงแรมในรูปแบบอื่น แต่ลักษณะของโรงแรมบูติกที่มีขนาดเล็กทำให้การบริการซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญ สามารถให้บริการเข้าถึงลูกค้าได้ดีกว่าโรงแรมโดยทั่วไปจึงเป็นข้อดีที่ควรหยิบยกขึ้นมาเพื่อสร้างความประทับใจจากการใช้บริการได้อีกทางหนึ่งของโรงแรมประเภทนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการให้ความสำคัญกับบุคลากรให้มีบุคลิกเดียวกันสอดคล้องกับ Character ของโรงแรม

กลุ่มเป้าหมายของ Boutique Hotel ค่อนข้างชัดเจนจากเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใครทำให้กลุ่มเป้าหมายเป็นคนที่ชอบความแตกต่างและกลุ่มที่ต้องการความเป็นตัวเองสูง เช่น พวก Creative ผู้ที่ต้องใช้อารมณ์เป็นส่วนหนึ่งของการสร้างสรรค์ผลงาน คนรุ่นใหม่ที่ต้องการสิ่งแปลกใหม่ตลอดเวลา และสามารถตอบสนองความเป็นตัวตนของลูกค้าผ่านตัวสินค้าให้ได้มากที่สุด

เพราะฉะนั้นหัวใจหลักหากท่านคิดเป็นเจ้าของ Boutique Hotel คือ ต้องคำนึงเสมอว่า ต้องตอบสนองต่อความเป็นตัวตนของผู้บริโภคผ่านสินค้า และความแตกต่างในเรื่องของบริการของพนักงานที่ดีกว่าโรงแรมโดยทั่วไป

TerraBKK จะยกตัวอย่าง Boutique Hotel ในแต่ละสถานที่ทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัดว่าจะมีรูปแบบการออกแบบที่แตกต่างกันอย่างไร

กรุงเทพมหานคร (Bangkok)

http://terrabkk.com/wp-content/uploads/2014/12/Bangkok.jpg

เชียงใหม่ (Chiang Mai)

ภูเก็ต (Phuket)

http://terrabkk.com/wp-content/uploads/2014/12/Phuket.jpg

เกาะเต่า (Koh Tao)

http://terrabkk.com/wp-content/uploads/2014/12/Kho-Tao.jpg

เกาะลันตา (Koh Lanta)

http://terrabkk.com/wp-content/uploads/2014/12/Koh-Lanta.jpg

เกาะสมุย (Koh Samui)

http://terrabkk.com/wp-content/uploads/2014/12/Koh-Samui.jpg

หัวหิน (Hua Hin)

http://terrabkk.com/wp-content/uploads/2014/12/Hua-Hin.jpg

จะเห็นว่าแต่ละจังหวัดแต่ละจุดท่องเที่ยว สินค้าแต่ละทำเลจะพยายามสื่อถึงความเป็นตัวตนของที่แตกต่างกันออกไป นี่แหละคือเสนห์ของ Boutique Hotel

Case Study 10 : Renovate ทาวน์เฮ้าส์ทำเลเด่น ให้เป็น Hostel สำหรับนักเดินทาง รูปแบบการหารายได้จากอสังหาริมทรัพย์มีหลากหลายช่องทาง TerraBKK Research ขอนำเสนอหนึ่งไอเดียการหารายได้จากอสังหาริมทรัพย์ที่น่าสนใจและเริ่มเป็นที่รู้จักกันก็คือ ธุรกิจ “Hostel” โรงแรมชั้นประหยัดตอบสนองความต้องการผู้พักอาศัยที่ต้องการเพียงแค่ที่ซุกหัวนอนและไม่ได้ต้องการการบริการอะไรมากเหมือนอย่างโรงแรมทั่วไป กลุ่มลูกค้าของ Hostel ส่วนใหญ่จะ

รวมจำนวนโรงแรมในไทย และจังหวัดไหนรองรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ ประเทศไทยของเรานั้นมีสถานที่ท่องเที่ยวดึงดูดชาวต่างชาติอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นนักท่องเที่ยวจากเพื่อนบ้านเอเชียเรา หรือนักท่องเที่ยวแถบยุโรป และยังมีแนวโน้มว่านักท่องเที่ยวที่เข้ามาในไทยมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งผลจากการท่องเที่ยวนั้นทำให้เศรษฐกิจไทยดีขึ้น และมีการกระจายรายได้ไปสู่ประชาชนมากขึ้น แต่สิ่งหนึ่งที่เป็นส่วนประกอบสำคัญที่สุดในการท่องเที่ยวก็คือ

“เศรษฐีวัยรุ่น” แห่ลงทุนโรงแรมหวังผลระยะยาว
เชนใหญ่เผยนักธุรกิจวัยหนุ่ม กลุ่มอายุ 25-35 ปี  มองธุรกิจโรงแรมมั่นคง ในระยะยาว
เชนโรงแรมใหญ่ ชี้เทรนด์นักลงทุนเปลี่ยนมือ สู่คนรุ่นใหม่ เลือกเข้าธุรกิจโรงแรมเพื่อลงทุนมากขึ้น “เบสเวสเทิร์น” เชื่อเปิดเออีซีเปิดทางทุนสิงคโปร์เข้าไทยเพิ่ม ขณะที่แอคคอร์ระบุ เจ้าของรุ่นใหม่ยังเชื่อมั่นธุรกิจทำกำไรแม้มีปัญหาห้องพักล้น นายเกลน เดอ ซูซา รองประธานฝ่ายปฏิบัติการ-เอเชียและตะวันออกกลาง บริษัท เบสท์เวสเทิร์น อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวว่า แนวโน้มของนักลงทุนด้านโรงแรมในเอเชียและตะวันออกกลาง รวมถึงไทย เป็นคนรุ่นใหม่มากขึ้นในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา กลุ่มอายุของเจ้าของโรงแรมอยู่ในช่วงตั้งแต่ 25-35 ปี เป็นคนรุ่นสองที่มีฐานะทางการเงินระดับดีมาก เหตุผลการลงทุนเนื่องจากเชื่อว่าโรงแรมเป็นธุรกิจที่มีความมั่นคงสูง สามารถให้ผลตอบแทนในระยะยาว ส่วนใหญ่มาจากอุตสาหกรรมอื่นๆ เช่น อุตสาหกรรมสิ่งทอ การผลิตในสายอิเล็กทรอนิกส์  เป็นกลุ่มคนมีเงินและกระตือรือร้นสูงในการขยายตัวเองเข้าสู่ธุรกิจโรงแรม ทำให้เชนโรงแรมต่างชาติ มีปัจจัยท้าทายในการทำงานมากขึ้น ต้องให้ความรู้เจ้าของรุ่นใหม่ที่อายุน้อย และไม่เคยรู้จักธุรกิจนี้มาก่อน นอกจากนี้ แนวโน้มการลงทุนโรงแรม ในไทย หลังเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ปี 2558 จะมีนักลงทุนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากขึ้น เพราะเป็นปกติเป็นภูมิภาคที่มีเศรษฐีอยู่จำนวนมาก ประกอบกับไทยมีปัจจัยสนับสนุนที่น่าสนใจ คือ  การเป็นประเทศที่มีการเติบโตด้านท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง และแม้จะมีวิกฤติแต่สามารถพลิกฟื้นกลับมาได้เร็วมาก ประเทศที่มีศักยภาพในการลงทุนสูงอย่าง สิงคโปร์ ซึ่งเป็นประเทศที่มีการวางแผนที่ดีด้านระบบลงทุน มีการตัดสินใจที่เด็ดขาดฉับไว สามารถเคลื่อนย้ายทุน มาที่ไทยได้สะดวกขึ้น เมื่อไม่มีข้อจำกัด ด้านการเป็นเจ้าของธุรกิจ ส่วนการที่ไทยอยากเป็นฮับของอาเซียน ประเทศอาเซียนอื่น คงไม่ยอมง่ายๆ จะต้องผ่านแข่งขันสูง แน่นอน ด้านนายพอล สตีเวนส์ ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการประจำแอคคอร์ ประเทศไทย กล่าวว่า นักลงทุนรุ่นใหม่ สนใจด้านโรงแรมมากขึ้นเพราะหวังผลในระยะยาว ซึ่งกลุ่มนี้เติบโตขึ้นในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา เช่น เป็นกลุ่มนักเรียนนอกที่เพิ่งเรียนจบมาจากต่างประเทศ และเห็นว่าไทยยังมีโอกาสในการลงทุน ทั้งประเภทโรงแรมและรีสอร์ทที่จะได้มูลค่าตอบแทนที่ดี เนื่องจากสินทรัพย์ในส่วนของที่ดินซึ่งจะมีราคาสูงขึ้น และความต้องการของห้องพักที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต พื้นที่หลักๆ ที่นักลงทุนให้ความสนใจยังอยู่ที่ กรุงเทพฯ พัทยา และภูเก็ต ขณะที่หัวหิน เริ่มปรับเปลี่ยนโครงการไปสู่รูปแบบใช้ประโยชน์ผสมผสาน (มิกซ์ยูส) มากขึ้น ซึ่งทั้งหมดมีการตอบรับทั้งจากตลาดในประเทศและต่างประเทศที่แข็งแกร่งแล้ว แม้จะมีขึ้นและลงบ้างตามฤดูกาลท่องเที่ยว สตีเวนส์ กล่าวด้วยว่า ในกรณีที่ประเทศไทย มีปัญหาห้องพักล้นตลาดอยู่ในขณะนี้ เป็นผลมาจากยุคที่ธุรกิจโรงแรมเฟื่องฟูที่สุดเมื่อราวปี 2550-2551 ซึ่งมีความต้องการห้องพักสูงและผลประกอบการดี โรงแรมที่เปิดใหม่ในรอบ 2 ปีที่ผ่านมา ต่างเป็นโครงการที่วางแผนและระดมทุนในช่วงดังกล่าว และใช้เวลา 4-5 ปีในการวางระบบวางคอนเซปต์ จนกระทั่งพร้อมเปิดบริการ ธุรกิจโรงแรมที่เกิดขึ้นมาใหม่ จึงอยู่ในภาวะที่ค่อยๆ เติบโตและใช้เวลานานขึ้นในการทำกำไร โดยนักลงทุนรุ่นใหม่ๆ ยังคงมีความเชื่อมั่นในแง่บวกว่าจะสามารถแสวงหากำไรจากการลงทุนได้ ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2555