“เพชร” ของขวัญสุดพิเศษที่มักจะมอบให้ในโอกาสพิเศษสำหรับคนพิเศษและยังเป็นตัวแทนที่บอกถึงคุณค่าและความตั้งใจระหว่างผู้ให้ที่มีต่อผู้รับ นอกจากคุณสมบัติของเพชรที่ไม่บุบสลายและยิ่งมีมูลค่าสูงขึ้นเมื่อกาลเวลาผ่านไป จึงกลายเป็นเสน่ห์และทางเลือกของของเหล่าเศรษฐีคนดังที่มักจะสะสมเพชรไว้สำหรับสะสมและสำหรับลงทุนอีกด้วย

ท่านเศรษฐีเงินสด กล่าวว่า "เพชรมีเสน่ห์และเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับระยะยาว เพราะบางเม็ดก็ไม่มีมูลค่าเปรียเทียบ จึงซื้อสะสมไว้ หากแนะนำคือ การซื้อนั้นจะคุ้มค่าเมื่อซื้อที่ราคาสมเหตุผล ขายเมื่อมีจังหวะ ไม่ใช่ขายเมื่อต้องการขาย"

TerraBKK มองว่า เหตุผลหนึ่งที่เพชรนิยมเป็นช่องทางการลงทุนทางเลือกเหมือนอย่างสินค้าโภคภัณฑ์ (Commodity) อื่นๆ เช่น ทองคำ เงิน ทองแดง จากที่รู้ๆกันอยู่ว่า “เพชร” คนส่วนใหญ่ให้ค่ากับอัญมนีชิ้นนี้มากจนเจ้าของเหมืองอย่าง De Beers ให้นิยามว่า “A diamond is forever” และสิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่ง คือ จากสถิติราคาเพชรจะสังเกตได้ว่ามีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตลอดหลายปีที่ผ่านมา อีกทั้งยังสามารถชนะเงินเฟ้อ (Inflation) ซึ่งดีกว่าถือเงินสดหรือฝากเงินไว้ในธนาคารได้อัตราดอกเบี้ยไม่ถึง 4% ต่อปี และสังเกตุเห็นว่าเพชรที่เหมาะกับการลงทุนต้องเป็นเพชรเม็ดใหญ่ขนาดตั้งแต่ 1 Carat ขึ้นไปเท่านั้นถึงจะได้อัตราการเปลี่ยนแปลงที่สูงตามไปด้วย

(คลิ๊กที่ภาพเพื่อขยาย)

จากกราฟแสดงอัตราการเปลี่ยนแปลง (% Change) ข้างต้นจะเห็นได้ว่าราคาเพชรตลอด 7 ปี ที่ผ่านมาให้ผลตอบแทนรวมกว่า 30% (เพชร 3 กะรัตขึ้นไป) ตั้งแต่ 12/03/2007 ถึง 1/01/2015 ซึ่งเฉลี่ยแล้วปรมาณ 5 % ต่อปี ซึ่งแนวโน้มของราคาเป็นขาขึ้นตลอดถึงแม้จะมีความผันผวนอยู่บ้างในบางช่วงเวลา

สำหรับผู้ที่เริ่มสนใจที่จะเริ่มลงทุนใน “เพชร” สิ่งที่จะต้องสังเกต คือ ต้องหาเพชรดีเป็นที่ต้องการของตลาดให้ได้ก่อน เพชรที่ดีแบ่งออกเป็นต้องเกณฑ์ 4Cs ได้แก่

(คลิ๊กที่ภาพเพื่อขยาย)

  1. Clarity (ความสะอาด) เพชรแต่ละเม็ดจะมีตำหนิตามธรรมชาติ บางเม็ดก็สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าแต่ตามเกณฑ์จะใช้เลนส์กำลังขาย 10x ในการส่องตำหนิเพื่อให้เกรดเพชรแต่ละเม็ด ซึ่งได้แบ่งเกรดความสะอาดของเพชรจากสะอาดมากไปน้อยได้ ดังนี้ I3, I2, I1, S2, S1, VS2, VS1, WS2, WS1, IF สำหรับเกรดที่น่าสนใจลงทุน คือ ตั้งแต่เกรด S2 ขึ้นไป แต่ก็มีเพชรอีกรูปแบบที่มีราคาแพงมาก คือ “Fancy Diamond” จะเป็นเพชรที่มีหลากสีสันอย่างที่หลายๆคนได้ยินกัน เช่น Blue Diamond, Pink Diamond มีมูลค่าสูงเนื่องจากความเป็นเอกลักษณ์ของเพชรชิ้นนั้นที่หายากมีแค่หนึ่งเดียวราคาจึงสูงตามเป็นธรรมดา
  2. Color (สี) หรือที่คนไทยเรียกว่า “น้ำ” โดยเริ่มจากตัวอักษร D-Z แสดงถึง โดยไล่สีจาก ขาวสุด ไป อมเหลือง เหลืองนวล เหลืองมากสุด จึงเป็นที่มาของคำที่เรามักจะได้ยินกันว่า “เพชรเม็ดนี้น้ำดี” ก็หมายถึงเพชรเม็ดนั้นสีขาวบริสุทธิ์
  3. (คลิ๊กที่ภาพเพื่อขยาย)

  4. Cutting (การเจียระไน) เพชรจะสวยงามหรือไม่ขึ้นอยู่กับขั้นตอนนี้ การเจียระไนจะทำให้เพชรเล่นแสง เกิดประกาย โดยการเจียรไนที่ดีต้องได้มุมองศาที่เหมาะสมเพื่อให้แสงสามารถสะท้อนไปมาในตัวเพชรเองได้ องศาที่ผิดเพี้ยนเพียงเล็กน้อยอาจทำให้เพชรที่ได้ออกมาไม่สวยอย่างที่มันควรจะเป็น เพชรที่เจียรไนออกมาสู่ท้องตลาดมีด้วยกันหลายรูปทรง ทั้งทรงเหลี่ยม, น้ำหยด, ทรงกลม, รูปหัวใจ เป็นต้น สำหรับรูปทรงที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ รูปทรงกลม จะมีความนิยมมากที่สุดทำให้สภาพคล่องมากในตลาดค่อนสูงที่สุด จึงเป็นทรงที่เหมาะแก่การลงทุน
  5. (คลิ๊กที่ภาพเพื่อขยาย)

  6. Carat (ขนาด) หน่วยวัดน้ำหนักของเพชรเป็น กะรัต ยิ่งกะรัตมากยิ่งมีราคาสูง ขนาดที่นิยมลงทุน คือ 1 กะรัตเป็นต้นไป แต่ถ้าจะให้ผลตอบแทนดีสุดคือ 3-5 กะรัต เนื่องจากคนที่ซื้อส่วนใหญ่เป็นเศรษฐี เศรษฐีเค้าไม่ซื้อเพชรเม็ดเล็กๆกันซักเท่าไร ยิ่งใหญ่ยิ่งแสดงถึงความหายากยิ่งขึ้นราคามีโอกาสถีบตัวได้สูงกว่าเพชรเม็ดเล็กที่จะหาที่ไหนก็มีให้ซื้อตามท้องตลาด

สำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในเพชร TerraBKK แนะนำว่าควรลงทุนใน “เพชรร่วง” มากกว่า (เพชรที่ยังไม่ขึ้นตัวเรือน ต้องผ่านขั้นตอนการเจียระไนให้ดีก่อน) แต่ก็ไม่ได้หมายความเพชรที่ขึ้นตัวเรือนจะไม่เหมาะที่จะลงทุนขึ้นอยู่กับโอกาสในการลงทุนเช่นกัน การลงทุนเพชรก็มีลักษณะเหมือนกับทองคำ ที่นักลงทุนมักจะซื้ออทองคำแท่งมากกว่านักลงทุนที่ซื้อทองคำรูปพรรณ

อุปสรรคที่พึงระวังจากการลงทุนในเพชร คือ

  1. คาดการณ์ราคาในอนาคตค่อนข้างลำบาก มีความผันผวนค่อนข้างมาก บางปีราคาไม่เพิ่มขึ้น นักลงทุนควรศึกษาการเคลื่อนไหวของตลาดก่อนตัดสินใจลงทุนด้วย แต่ถ้าเราลงทุนในระยะยาวหน่อย 3-5 ปีขึ้นไปก็ชนะเงินเฟ้อและเห็นการเติบโตได้ดีกว่า
  2. ราคาตกเมื่อขาย ราคาหน้าร้านที่ซื้อกับราคาขายคืนมักจะหายไป 20-30% เสมอ เนื่องจากร้านขายเพชรมีต้นทุนที่จะต้องบวกเข้าไปทั้ง ค่าการทำการตลาด กำไรส่วนต่าง เป็นต้น
  3. สภาพคล่องต่ำ ไม่รู้จะไปขายใครให้ได้ราคาที่ดี ราคาสูง
  4. ต้องได้รับการรับประกัน (Certificate) จากสถาบันที่น่าเชื่อถือและเป็นที่ยอมรับในระดับโลก สถาบันรับรองคุณภาพเพชรที่น่าเชื่อถือ เช่น GIA (Gemological Institute of America) และ HRD Diamond Certification เป็นต้น
  5. ราคาเพชร มีความเชื่อมโยงกับค่าเงิน ถ้าเงินบาทออกราคาเพชรจะแพง เงินบาทแข็งราคาเพชรจะถูก
  6. ต้องใช้เวลา ความรู้และประสบการณ์ ในการฝึกฝนเพื่อให้เลือกเพชรได้อย่างมีประสิทธิภาพ

อุปสรรคข้างต้นจะลดลงได้ถ้าเราซื้อเพชรที่ดีจริงๆเป็นที่ต้องการในท้องตลาด ได้ราคาที่สมเหตุผล และ TerraBKK แนะนำเพชรนั้นต้องมีใบ Certificate จากสถาบันที่ได้รับการรับรองจะทำให้การลงทุนในเพชรมีความปลอดภัยดูน่าเชื่อถือ เวลาขายออกจะได้ไม่เสียราคามาก และบางครั้งเพชรอาจจะเหมาะสำหรับการเก็บสะสมใส่ตามแฟชั่นมากกว่าการลงทุน แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าเพชรเม็ดนั้นเหมาะกับการใส่ตามแฟชั่นมากกว่าการลงทุนหรือไม่ - เทอร์ร่า บีเคเค

บทความโดย : TerraBKK คลังความรู้

TerraBKK ค้นหาบ้านดี คุ้มค่า ราคาถูก