"ต้องทำงานถึงจะมีเงินใช้" หลายบ้านอบรมสั่งสอนบุตรให้รู้จักทำมาหากิน ยืนด้วยลำแข้งตนเองเมื่อเติบใหญ่ ซึ่งแน่นอนว่า "มีแรงเท่ากับมีเงิน" ประเด็นคือ ท่านจะยอมตรากตรำทำงานเช่นนี้ไปจนแก่เฒ่าจริงหรือ แล้วถ้าหมดแรง ในยามไม่มีแรงทำงานแล้ว จะมีเงินใช้ได้อย่างไร หากไม่เตรียมตัวด้านการเงินตั้งแต่วัยหนุ่มสาว TerraBKK ขอเสนอแนวคิดสร้างความรู้ความเข้าใจง่ายๆ เกี่ยวกับ การสร้างพอร์ตลงทุนขั้นเทพแบบฉบับส่วนตัว ได้เองแบบไม่ยากใน 3 ขั้นตอน โดยเข้าใจถึง ที่มาของเงินลงทุน , การเลือกช่องทางลงทุน และ การสร้างพอร์ตลงทุน ดังนี้

ขั้นที่ 1 : เข้าใจที่มาของเงินลงทุน

TerraBKK อธิบายว่า เงินทุนเริ่มต้นเบื้องต้น จะมาจาก 2 ส่วนง่ายๆ ดังนี้

1. เงินออมทั่วไป จะเป็นส่วนเงินออมส่วนใดก็ได้ เช่น เงินในกระปุกหมู เงินออมในธนาคารตั้งแต่สมัยเรียนหนังสือ เป็นต้น 2. เงินออมเพื่อลงทุน จะเป็นเงินออมที่หักออกจากเงินเดือนประจำก่อนจะนำเงินไปใข้จ่าย เพื่อสมทบเข้าบัญชีเงินลงทุนเป็นประจำสม่ำเสมอทุกเดือน

เงินเดือน – เงินออมเพื่อลงทุน = เงินใช้จ่าย

ทั้งนี้ ไม่มีกฎเกณฑ์ตายตัวว่า เงินออมเพื่อลงทุนต้องมีจำนวนเท่าไหร่ แต่แนะนำว่าควร คิดเป็นเปอร์เซ็นต์จากเงินเดือน

  • ฐานเงินเดือนเพิ่ม เปอร์เซ็นต์เงินออมควรเพิ่มตาม ยิ่งเปอร์เซนต์เงินออมเพื่อลงทุนเป็นจำนวนมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งได้รับเงินตนเองกลับคืนมาเพิ่มเท่านั้น เพราะเงินใช้จ่าย ล้วนเป็นเงินที่เรายินดีจ่ายออกไปให้กับผู้อื่นนั้นเอง
  • เพิ่มเปอร์เซนต์เงินออมเพื่อให้ได้เงินออมตามจำนวนที่ตั้งใจ ไม่ว่าจะมีฐานเงินเดือนสูงต่ำเท่าไหร่ สมมติว่า ต้องการออมเงินเพื่อลงทุนเดือนละ 10,000 บาท สามารถเป็นไปได้ในทุกฐานเงินเดือน เช่น ออมเงิน 15% ของฐานเงินเดือน 70,000 บาท, 20% ของฐานเงินเดือน 50,000 บาท, 25% ของฐานเงินเดือน 40,000 บาท, 30% ของฐานเงินเดือน 35,000 บาท เป็นต้น เพื่อให้เห็นว่าเปอร์เซ็นเงินออมจากฐานเงินเดือน มีผลต่อเงินออมเพื่อการลงทุนต่อเดือนเท่าไหร่ สามารถศึกษาได้จากตารางนี้

ขั้นที่ 2 : เลือกช่องทางลงทุนฉบับตนเอง

TerraBKK อธิบายว่า เพียงการเก็บออมเงินอย่างเดียว อาจเสียโอกาสเพิ่มการเติบโตของมูลค่าเงินได้ ดังนั้น การลงทุนในช่องทางต่างๆ จึงเป็นทางออกสำคัญ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับความเสี่ยงที่ยอมรับได้รายบุคคล

  • ผลตอบแทนขั้นต่ำ ไม่ควรน้อยกว่า อัตราเงินเฟ้อ (ปี 58 ธปท.ประกาศเป้าหมายเงินเฟ้อ ที่ร้อยละ 2.5 ± 1.5) เพื่อให้มูลค่าเงินไม่ลดลงตามกาลเวลา
  • ลดความเสี่ยงได้ด้วยการศึกษาข้อมูล เพื่อสร้างความเข้าใจจริงก่อนตัดสินใจลงทุนในแต่ละสินทรัพย์ เช่น หุ้นสามัญ , หุ้นกู้ ,พันธบัตรรัฐบาล ,ทองคำ เป็นต้น อย่าสนใจเพียงแต่อัตราผลตอบแทนจากการลงทุนในสินทรัพย์นั้นๆ แต่ต้องศึกษาถึงข้อดีข้อเสีย , วิธีการลงทุน ,ความเสี่ยงจากการลงทุน รวมไปถึงปัจจัยที่ส่งผลกระทบหรือความผันผวนของสินทรัพย์เพื่อการลงทุนนั้นๆด้วย

>> เปรียบเทียบความเสี่ยงและผลตอบแทนในทุก Asset Class ...click TerraBKK ขอยกตัวอย่าง อัตราผลตอบแทนสินทรัพย์ต่างๆ ระหว่างปี 2002-2013 รวมเป็นค่าเฉลี่ยของ 12 ปีที่ผ่านมา ( ข้อมูลจาก บมจ.หลักทรัพย์ บังหลวง )

ขั้นที่ 3 : สร้างพอร์ตลงทุนขั้นเทพ

TerraBKK อธิบายว่า พอร์ตลงทุน คือ การบริหารเงินทุนในแต่ละช่องทางลงทุนภายใต้ความเสี่ยงที่ยอมรับได้ ทั้งนี้ ไม่จำเป็นต้องลงทุนในทุกช่องทาง แต่ควรเลือกลงทุนในช่องทางที่เข้าใจจริงและเหมาะสมกับตนเอง เบื้องต้นสามารถสร้างพอร์ตลงทุนง่ายๆ ดังนี้

  • เลือกลงทุนในช่องทางที่มั่นใจ เช่น สนใจหุ้นสามัญ แต่ยังศึกษาไม่มากพอ หากตัดสินใจลงทุนใน ช่องทางที่ 1 คือตลาดหุ้น จะเกิดความเสียหายได้ จึงเลือกลงทุนใน ช่องทางที่ 2 คือกองทุนรวมที่อิงดัชนี SET 50 แทน เป็นต้น ทั้งนี้ ต้องมีความเข้าใจว่า 2 ช่องทางนี้ มีความแตกต่างกันในวิธีการคัดเลือกลงทุน, วิธีการลงทุน และด้านผลตอบแทน
  • พอร์ตลงทุนที่ดีต้องกระจายความเสี่ยง เพื่อลดแรงกดดันจากความผันผวนของสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น ตลาดหุ้นจะมีความผันผวนสูง ขณะที่พันธบัตรรัฐบาลมีความเสี่ยงต่ำ เป็นต้น
  • จัดสรรการลงทุนให้ได้ผลตอบแทนที่ต้องการ เมื่อศึกษารายละเอียดการลงทุนอย่างถี่ถ้วนแล้ว จะสามารถประเมินผลตอบแทนคร่าวๆได้ในแต่ละช่องทางการลงทุน ทั้งนี้ ไม่ควรลืมคำนึงถึงความผันผวนตามสถานการณ์ปัจจุบันด้วย ซึ่งหากได้กำหนดตัวเลขผลตอบแทนโดยรวมที่ต้องการในใจแล้ว ก็จะสามารถจัดสรรรูปแบบการลงทุนให้มีความเป็นไปได้ในการสร้างผลตอบแทนตามที่ต้องการนั้น เช่น เงินลงทุน 50,000 บาท จัดสรรเป็น 3 ก้อน คือ 30,000 บาท (60%) , 15,000บาท (30%) และ 5,000 บาท (10%) โดยเลือก 3 ช่องทางลงทุน คือ หุ้นสามัญ ,กองทุนรวม และพันธบัตรรัฐบาล จากนั้นจึงจัดสรรรูปแบบการลงทุน โดยสร้างพอร์ตการลงทุนเป็น 3 ตัวเลือก ที่ให้ผลตอบแทนโดยรวมแตกต่างตามระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ ดังนี้ - พอร์ต A อัตราผลตอบแทนรวม 6.7 % ( = 3,350/50,000 สำหรับผู้ที่เลือกลงทุน พันธบัตรรัฐบาล เป็นหลัก) - พอร์ต B อัตราผลตอบแทนรวม 9.5% ( = 4,750/50,000 สำหรับผู้ที่เลือกลงทุน กองทุนรวม เป็นหลัก ) - พอร์ต C อัตราผลตอบแทนรวม 12% ( = 6,150/50,000 สำหรับผู้ที่เลือกลงทุน หุ้นสามัญ เป็นหลัก)

ท้ายนี้ TerraBKK แนะนำว่า การเรียนรู้ด้านการลงทุนต้องไม่มีวันสิ้นสุด เพราะนอกจากจะเรียนรู้ถึงที่มาของเงินลงทุน, การเรียนรู้ช่องทางลงทุน และการสร้างพอร์ตการลงทุนแล้ว สำคัญที่สุดคือ การพัฒนาและปรับปรุงพอร์ตลงทุนของตนเองอยู่เสมอ เพื่อให้สอดคล้องสถานการณ์ปัจจุบัน และความผันผวนของสินทรัพน์เพื่อการลงทุนนั้นๆ ทั้งหมดนี้ เพื่อรักษาอัตราเติบโตผลตอบแทนจากการลงทุน นั้นเอง >> www.set.or.th แบบทดสอบ คุณรับความเสี่ยงได้แค่ไหน ?? ..... click

บทความโดย : TerraBKK เคล็ดลับการลงทุน TerraBKK ค้นหาบ้านดี คุ้มค่า ราคาถูก