ความฝันของคนเราส่วนใหญ่แล้วก็คงจะหนีไม่พ้นอยู่ 2 อย่าง คือ “มีบ้าน” กับ “มีรถ” ที่เป็นปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิต มันคงดูร่ำรวยมากหากบางคนสามารถซื้อได้ทั้ง 2 อย่างพร้อมๆกัน แต่สำหรับมนุษย์เงินเดือนอย่างเราๆคงไม่ร่ำรวยเพียงพอขนาดนั้น เพราะมนุษย์เงินเดือนมีรายได้ประจำแบบแน่นอน ต้องใช้จ่ายอย่างจำกัด ทำให้ต้องเลือกเพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง หลายคนจึงเกิดข้อสงสัยว่า! ถ้าจะเป็นหนี้แล้วควรจะซื้ออะไรก่อนกันระหว่าง “บ้าน” กับ “รถ”

TerraBKK จะขอพูดถึงข้อแตกต่างของการซื้อบ้านกับรถกันก่อน

1. ความจำเป็นในชีวิตประจำวัน หากอาชีพของคุณจำเป็นที่จะต้องใช้รถ หรือพูดง่ายๆคือ “รถ” เป็นส่วนหนึ่งในการหาเงินของคุณ เช่น เป็นเซลล์จะต้องขับรถไปหาลูกค้า อย่างนี้รถย่อมมีความจำเป็นกว่าแน่นอน แต่หากคุณไม่ได้จำเป็นต้องใช้รถ สามารถนั่งรถเมล์หรือรถไฟฟ้าไปทำงานได้ หากได้คอนโดฯใกล้ที่ทำงานซักห้องจะช่วยให้ประหยัดเวลาเดินทางและประหยัดค่าเดินทาง อย่างนี้ก็ถือว่าบ้านมีความจำเป็นมากกว่า

2. ราคาขายต่อ การซื้อบ้านเหมือนการลงทุนอย่างหนึ่ง เพราะเมื่อเวลาผ่านไป ราคาบ้านมีแต่เพิ่มขึ้นๆ (ราคาขึ้นมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับทำเล) แต่การซื้อรถราคาขายตกไปมากกว่า 10-15% ต่อปี หรือหากผ่านไปเพียง 5 ปี ราคาตกลงเกินครึ่ง ขึ้นอยู่กับสภาพและยี่ห้อของรถ และไม่มีทางขายต่อในราคาที่มากกว่าตอนซื้อมาอย่างแน่นอน ยกเว้นก็แต่เป็นรถโบราณชนิดที่เข้าข่ายสินค้าอนุรักษ์นิยม (Antique) หรือรถคลาสสิคของสะสมจึงจะมีราคาเพิ่มขึ้น

3. ค่าใช้จ่ายรายทาง เมื่อคิดจะซื้อบ้าน ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นหนีไม่พ้นเรื่องค่าธรรมเนียมต่างๆ ถ้าเป็นการซื้อรถ ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นคือค่าน้ำมัน ค่าประกันภัย ค่าพรบ. ค่าต่อทะเบียน แต่สิ่งหนึ่งที่หนีไม่พ้นทั้ง 2 อย่างคือ “ค่าบำรุงรักษา” ซึ่งหากเป็นรถนั้นมักจะเจอค่าซ่อมบำรุงหรือเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องแทบทุกปีเป็นจำนวนเงินหลักพันบาท และหากเป็นบ้านก็จะเจอค่าซ่อมครั้งใหญ่บางครั้งอาจเป็นหลักแสน แต่ค่าซ่อมบ้านเกิดขึ้นไม่บ่อยนัก อาจจะ 5-6 ปีครั้งหนึ่ง

4. สินเชื่อ การกู้เงินเพื่อซื้อบ้านนั้นส่วนใหญ่เป็นการกู้ระยะยาว 10 ปีขึ้นไป และดอกเบี้ยในการกู้นั้นค่อนข้างสูง ประมาณ 6-8% ต่อปี ทำให้คนส่วนมากกลัวที่จะกู้เงินซื้อบ้าน เพราะต้องผ่อนกันไปอย่างยาวนาน เงินที่ผ่อนไปส่วนใหญ่ก็เป็นดอกเบี้ยทั้งนั้น แต่หากเป็นการซื้อรถที่ระยะเวลาการผ่อนจะไม่เกิน 6 ปี และดอกเบี้ยเพียง 2-3% ต่อปี

5. วิธีการคิดดอกเบี้ย การกู้ซื้อบ้านเป็นการคิดดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอกไปเรื่อยๆ เช่น หากโปะเกินจำนวนเงินที่ผ่อน เมื่อเงินต้นลด จำนวนเงินที่เป็นดอกเบี้ยก็จะลดตามไปด้วย เพราะดอกเบี้ยคิดตามยอดเงินต้นที่เหลืออยู่ ซึ่งจะลดลงไปตามลำดับจากการผ่อนชำระทุกงวด แต่หากเป็นการเป็นกู้เพื่อซื้อรถยนต์ ที่จะคิดดอกเบี้ยแบบคงที่ตลอดระยะเวลาการกู้ ทำให้การโปะเงินไม่ได้มีผลให้ดอกเบี้ยลดลง มีประโยชน์แค่ช่วยให้ระยะเวลาผ่อนสั้นลงเท่านั้นเอง

House_VS_Car

เมื่อ TerraBKK นำบ้านกับรถมาเปรียบเทียบในแง่ของ “การเงิน” ว่าในระหว่าง 10 ปีของการซื้อบ้านและซื้อรถ จะต้องพบกับค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง และหากทั้ง 2 อย่างผ่อนด้วยจำนวนเงินพอๆกันควรจะผ่อนอะไรดีเพื่อให้เกิดประโยชน์ทางการเงินสูงสุด โดยจะขอยกตัวอย่างกรณีศึกษา 2 ด้านดังนี้

Condition_HouseVScar

ทั้ง 2 อย่างผ่อนด้วยจำนวนเงินเท่ากันประมาณ 8,000-9,000 บาท/เดือน ซึ่งสามารถสรุปได้ตามตารางด้านล่าง ดังนี้

House_VS_Car_3

จะเห็นได้ว่าการกู้ซื้อบ้าน จะต้องวางเงินก้อนแรก 160,000 บาท และมีระยะเวลาการผ่อนนานถึง 30 ปี ด้วยอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 6.15% ต่อปี บวกกับค่าใช้จ่ายอื่นๆตามข้างต้น เมื่อขายทิ้ง ณ ปีที่ 10 ในราคา 2,200,000 บาท ทำให้ท้ายที่สุดแล้วการซื้อบ้านหลังนี้มี Net Loss ประมาณ 413,497 บาท

สำหรับการกู้ซื้อรถ แม้จะวางเงินก้อนแรกใกล้เคียงกับซื้อบ้าน 162,500 บาท และผ่อนสั้นๆเพียง 6 ปี ด้วยดอกเบี้ย 2.5% ต่อปี บวกกับค่าใช้จ่ายอื่นๆตามเงื่อนไขด้านบน เมื่อขายทิ้งในราคา 150,000 บาทในปีที่ 10 ทำให้การซื้อรถคันนี้เกิด Net Loss ถึง 1,075,125 บาท

ซึ่ง TerraBKK ขอลงรายละเอียดของการคำนวณด้านการเงินไว้ดังนี้ 1. ซื้อทาวน์เฮ้าส์ 1,600,000 บาท

CF_House_2

2. ซื้อรถ 650,000 บาท

CF_car

สรุป หากซื้อบ้านที่มีราคาขึ้นเฉลี่ย 3% ต่อปี เมื่อขายต่อในปีที่ 10 จะติดลบประมาณ 413,497 บาท หากซื้อรถที่มีราคาตกลงประมาณ 15% ต่อปี เมื่อขายต่อในปีที่ 10 จะติดลบถึง 1,075,125 บาท แต่โดยสภาวะตลาดทั่วไปแล้ว ราคาบ้านมักจะขึ้นเฉลี่ย 5% ต่อปี ดังนั้นหากคิดในสภาวะปกติ การซื้อบ้านหลังนี้หากราคาขึ้น 5% ต่อปี จะได้กำไรอยู่ประมาณ 82,000 บาท

CF_House_VS_Car

ทั้งนี้การซื้อรถคือการลงเงินในสินทรัพย์ที่เสื่อมราคา มีค่าใช้จ่ายจุกจิกตามมาเยอะ อีกทั้งเมื่อซื้อรถแล้วหากยังผ่อนไม่หมดแล้วต้องการจะซื้อบ้านทีหลัง อาจทำให้วงเงินกู้จะซื้อบ้านน้อยลงกว่าเดิม เนื่องจากเรามีภาระต้องผ่อนรถอยู่แล้ว ดังนั้นหากมองในแง่มุมของการขอสินเชื่อแล้วควรซื้อบ้านก่อนซื้อรถ

แต่ถึงอย่างไรการจะซื้อบ้านหรือซื้อรถนั้น ขึ้นอยู่กับความจำเป็นของแต่ละคน และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ความพร้อมทางการเงินในปัจจุบันและในอนาคต ดังนั้นก่อนตัดสินใจซื้อควรพิจารณาถึงความสามารถทางการเงินของตัวเองเป็นหลัก เพื่อไม่ให้เป็นภาระในระยะยาว - เทอร์ร่า บีเคเค

บทความโดย : TerraBKK คลังความรู้

TerraBkk ค้นหาบ้านดี คุ้มค่า ราคาถูก