เนมรุต

เปิดโลกสุดแอดเวนเจอร์ด้วยการนั่งเครื่องบินจากเมืองไทย ตรงสู่กรุงอิสตันบูล เมืองหลวงของตุรกี และต่อเครื่องไปยังเมืองอะดิยามาน์ ทางทิศตะวันออกของตุรกี จากนั้นต้องต่อรถเพื่อขึ้นสู่ยอดเขาเนมรุต ความสูงถึง 7,000 ฟุต เป็นที่ตั้งของสุสานหลวงโบราณ ซึ่งกษัตริย์อันติโอคุสที่ 1 แห่งราชอาณาจักรคอมมาเจน ทรงมีบัญชาให้สร้างขึ้น เพื่อแสดงถึงพระเกียรติยศและความยิ่งใหญ่ โดยมีรูปสลักเทพเจ้ายุคโบราณขนาดใหญ่ตั้งเรียงรายโดดเด่น


สุเหร่าสีน้ำเงิน

ต่อด้วยการเดินทางอีกหนึ่งวันเต็ม เพื่อมุ่งสู่เมืองคัปปาโดเกีย เมืองที่องค์การยูเนสโกประกาศยกย่องให้เป็นเมืองมรดกโลกทางธรรมชาติและวัฒนธรรม เป็นดินแดนที่มีภูมิประเทศน่าอัศจรรย์ เกิดจากกระแสลาวาภูเขาไฟที่ไหลออกมาปกคลุมพื้นที่เป็นบริเวณกว้าง แล้วทับถมเป็นเวลาหลายล้านปี จนกลายเป็นดินแดนที่มีความงดงามแปลกตา ดั่งสวรรค์บนดิน จนได้ชื่อว่า “ดินแดนแห่งเทพนิยาย” หรือ “ดินแดนแห่งปล่องนางฟ้า” มีไฮไลต์เด่นห้ามพลาดคือ การขึ้นบอลลูนชมวิวทิวทัศน์ของเมือง ในแต่ละวันจะมีบอลลูนหลากสีสันลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าพร้อมกันนับหลายร้อยลูก เมืองนี้ยังเต็มไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเมืองเกอเรเม เป็นการขุดถ้ำจำนวนมากเพื่อสร้างโบสถ์และที่อยู่อาศัย ตลอดจนการท่องนครใต้ดินที่ลึกลับซับซ้อน


พระราชวัง โดลมาบาเซ

ปิดท้ายด้วยการชมสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญกลางกรุงอิสตันบูล ใครมาที่นี่ต้องนั่งเรือชมช่องแคบฟอสฟอรัส ช่องแคบที่เชื่อมทะเลดำและทะเลมาร์มารา ถือเป็นจุดพบกันของสุดขอบทวีปยุโรปและทวีปเอเชีย นอกจากนี้ยังมี พระราชวังโดลมาบาเซ สิ่งก่อสร้างยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่ง ใช้ทองในการตกแต่งสถานที่แห่งนี้ทั้งหมด 600 กิโลกรัม และใช้เวลาก่อสร้างถึง 12 ปี น่าประทับใจ ยังรวมถึง สุเหร่าเซนต์โซเฟีย ปัจจุบันคือ พิพิธภัณฑ์ฮาเจียโซเฟีย, สุเหร่าสีน้ำเงิน และ พระราชวังทอปกาปิ ในอดีตเคยเป็นที่ประทับของสุลต่านแห่งราชวงศ์ออสโตมัน ปัจจุบันเป็นที่เก็บมหาสมบัติล้ำค่า ที่ยังคงดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้ามาค้นหาความยิ่งใหญ่มิรู้จบ.

พระราชวังทอปกาปิ

ขอบคุณข้อมูลจาก : ไทยรัฐออนไลน์