ด้วยสภาพการจราจรในเมืองกรุง การเดินทางจากบ้านมายังที่ทำงานดูเป็นเรื่องที่เหนื่อยและเสียเวลาเอามากๆ หลายคนจึงเริ่มคิดหาที่อยู่อาศัยใกล้ที่ทำงาน แต่หากจะให้ซื้อเพื่ออยู่เองเลยก็มีเงินก้อนไม่เพียงพอ หรือหากคิดให้ดีถ้าอยู่เพียงระยะเวลาสั้นๆก็จะไม่คุ้มเอา สู้หาห้องเช่าเพื่อเช่าเป็นรายเดือนไปดีกว่า เนื่องจากมีความยืดหยุ่นมากกว่า เมื่อเปลี่ยนที่ทำงานหรือต้องย้ายไปที่อื่นก็สามารถเปลี่ยนได้ทันที ไม่ต้องรอขายทิ้ง แต่หลายคนยังไม่รู้ว่าหากจะหาห้องเช่าหรือบ้านเช่าจะเริ่มจากตรงไหนก่อนดี TerraBKK Research ได้รวบรวม 5 ขั้นตอนสู่การหาบ้านเช่าไว้ ดังนี้

STEP 1: สำรวจงบในมือ “อย่าเกิน 30% ของรายได้

โดยส่วนใหญ่แล้ว หากคิดค่าเช่าที่เราสามารถจะจ่ายได้ มักจะคิดที่ 30% ของรายรับ เช่น หากเงินเดือน 25,000 บาท/เดือน คุณสามารถจ่ายค่าเช่าได้สูงสุดที่ 7,500 บาท/เดือน แต่อย่าลืมว่า คุณยังมีค่าใช้จ่ายอื่นๆที่ยังไม่ได้รวมไปกับค่าเช่าด้วย เช่น ค่าน้ำ, ค่าไฟ, ค่าที่จอดรถ, ค่าอินเตอร์เนต, ค่าบริการซักรีดต่างๆ เป็นต้น หรือในบางกรณีที่ห้องเช่าที่ไม่ได้พร้อมเฟอร์นิเจอร์ ผู้เช่าเองก็ต้องไปหาเฟอร์นิเจอร์หรือของตกแต่งเข้ามาเอง

นอกจากนี้ก่อนเข้าอยู่ในเดือนแรก เจ้าของจะเก็บค่าเช่าล่วงหน้าประมาณ 1-2 เดือน และมีมัดจำอีก 1-2 เดือน (แล้วแต่ตกลง) ดังนั้นคุณต้องมีเงินก้อนซักหน่อยสำหรับเตรียมตัวเพื่อจ่ายค่าเช่าในเดือนแรก

STEP 2: ค้นหาฟังก์ชันที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิต “ความจำเป็น VS ความต้องการ

หาสิ่งที่นอกเหนือจากจำนวนห้องนอนและจำนวนห้องน้ำว่า ในการใช้ชีวิตประจำวันของเรา ต้องการฟังก์ชันอะไรภายในบ้านเช่าอีกบ้าง เช่น หากคุณเป็นคนชอบทำกับข้าว ไม่กินข้าวนอกบ้าน อาจจะต้องมีครัวหรือพื้นที่สำหรับเตรียมกับข้าว, หากคุณเป็นคนชอบสวน/พื้นที่สีเขียว บ้านเช่าก็อาจจะต้องมีสวนเล็กๆหรือพื้นที่ให้ปลูกต้นไม้ได้ เป็นต้น

แต่บางครั้งฟังก์ชันเหล่านี้ก็ต้องแลกมากับพื้นที่ที่สูญเสียไป เช่น หากต้องการพื้นที่สีเขียว คุณอาจจะได้บ้านหรือห้องที่เล็กลง หรือถ้าเป็นห้องขนาดเท่ากันก็จะมีค่าเช่าที่แพงขึ้นไปอีก ทั้งนี้คุณควรพิจารณาถึง “ความจำเป็น” กับ “ความต้องการ” ควบคู่ไปด้วย เพื่อไม่ให้ต้องเป็นรายจ่ายเพิ่มเติมขึ้นไปอีก

STEP 3: วาดแผนที่ชีวิตประจำวัน “สำรวจการเดินทาง

วาดแผนที่การเดินทางคร่าวๆในแต่ละวันดูว่า วันๆหนึ่งคุณต้องเดินทางอย่างไรบ้าง? ใช้รถยนต์ส่วนตัว? หรือใช้รถโดยสารสาธารณะ และต้องหาที่อยู่ในบริเวณใดจึงจะประหยัดค่าเดินทางและประหยัดเวลาให้มากที่สุด นอกจากนี้มีบางหัวข้อที่หลายคนอาจลืมนึกถึง เช่น

  • กิจกรรมในวันหยุดสุดสัปดาห์ บางคนอาจจะนึกถึงแต่กิจวัตรประจำวันจนลืมนึกถึงกิจกรรมที่ทำให้วันหยุด เช่น บางคนอาจจะชื่นชอบการช้อปปิ้ง ก็ต้องหาบ้านเช่าใกล้ห้างสรรพสินค้า หรือบางคนอาจจะชอบการออกกำลังกาย เล่นกีฬา ก็ต้องหาบ้านเช่าที่มีพื้นที่ส่วนกลางหรือสวนสาธารณะสำหรับวิ่งหรือออกกำลังกาย
  • สิ่งอำนวยความสะดวก สำรวจพื้นที่รอบๆที่คุณสนใจว่า แถวนั้นมีอะไรอำนวยความสะดวกบ้าง เช่น ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านสะดวกซื้อ เป็นต้น
  • คำนึงถึงความปลอดภัย ศึกษาสภาพแวดล้อมโดยรอบว่ามีความปลอดภัยมากพอหรือไม่ อาจจะเป็นการหาข้อมูลทางอินเตอร์เนตหรือสอบถามคนในพื้นที่ก็ได้
STEP 4: เลือกประเภทบ้านเช่า “คอนโด/อพาร์ทเม้นท์/ทาวน์เฮ้าส์/บ้านเดี่ยว?

อีกขั้นตอนที่สำคัญคือ ต้องเลือกว่าจะเช่าแบบใด จะเป็นคอนโด? อพาร์ทเม้นท์? หรือบ้าน? หลายคนอาจมีคำตอบอยู่ในใจแล้วว่าเลือกอะไร ซึ่งขึ้นอยู่กับจำนวนของผู้อยู่อาศัยและความจำเป็นในการใช้พื้นที่ TerraBKK จึงขออธิบายรายละเอียดของแต่ละประเภทบ้านเช่าไว้ ดังนี้

  • คอนโด/อพาร์ทเม้นท์ เป็นตัวเลือกที่คนส่วนใหญ่นิยมมากที่สุด เพราะมักตั้งอยู่ในเมืองและทำเลดี สะดวกต่อการเดินทาง นอกจากนี้ในด้านส่วนกลางก็จะมีนิติบุคคลสำหรับจัดการดูแล ทำให้เป็นระเบียบเรียบร้อยมากยิ่งขึ้น แต่ทั้งนี้จะต้องอยู่รวมกับผู้อาศัยคนอื่นอีกเกือบร้อยห้อง อาจจะรู้สึกไม่เป็นส่วนตัว และปัญหาส่วนใหญ่ที่พบเจอคือปัญหาที่จอดรถไม่เพียงพอ
  • ทาวน์เฮ้าส์ มักเป็นที่นิยมในชานเมือง เนื่องจากราคาไม่สูงมากนัก และมีความเป็นส่วนตัวมากกว่าคอนโดหรือห้องเช่า มีพื้นที่ใช้สอยพอสมควร เหมาะสำหรับอยู่อาศัย 2-3 คน แต่ทั้งนี้ต้องแลกกับการเขยิบออกไปในแถบชานเมือง เรื่องจากปัจจุบันทาวน์เฮ้าส์ในเมืองค่อนข้างหายาก หรือถ้ามีก็จะมีราคาที่สูงมาก
  • บ้านเดี่ยว ไม่ค่อยเป็นที่นิยมสำหรับผู้เช่าเท่าไหร่นัก เนื่องจากมีราคาที่สูงเกินไป ค่อนข้างหายากในเมือง และด้วยพื้นที่ที่กว้างขวางอาจทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการดูแลเยอะขึ้น แต่ทั้งนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีครอบครัว มีเด็กเล็กๆหรือมีสัตว์เลี้ยง

คิดซักนิด ก่อนเช่าคอนโด การเช่าห้องพักหรือคอนโด เป็นอีกหนึ่งทางเลือก สำหรับวัยทำงาน และวัยเรียน ที่ต้องการมีที่พัก ใกล้ที่ทำงานหรือที่เรียน เพราะหากจะซื้อบ้านหรือคอนโดอยู่ถาวรเลยนั้น ก็เป็นเรื่องที่หนักเอาการ การเช่าอยู่ จึงถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือก ที่จะช่วยให้ความสะดวกสบายมากขึ้น

STEP 5: เตรียมเอกสารและพิจารณาสัญญาเช่า “เช่าบ้านต้องมีสัญญา”

เมื่อได้บ้านเช่าที่ถูกใจแล้ว ขั้นตอนสุดท้ายก่อนเข้าอยู่คือการเตรียมเอกสารและนัดพบกับเจ้าของเพื่อเซ็นสัญญา ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเจ้าของมักจะขอสำเนาบัตรประชาชนเราเอาไว้ และนอกจากนี้ก็มีการเซ็นสัญญาเช่าไว้ 2 ฉบับ เพื่อให้ผู้เช่าเก็บชุดหนึ่งและผู้ให้เช่าอีกชุดหนึ่ง ขั้นตอนสำคัญอยู่ตรงที่การอ่านรายละเอียดในสัญญาให้ถี่ถ้วน บางคนแค่เซ็นๆไป ไม่ได้อ่านให้รอบคอบ ซึ่งใจความสำคัญที่ผู้เช่าควรสนใจคือ

  • ระยะเวลาเช่า ว่าเช่านานเท่าไหร่ และสิ้นสุดสัญญาเช่าเมื่อใด ซึ่งรวมถึงวันที่ต้องย้ายของออกและวันที่ต้องคืนกุญแจเจ้าของบ้านด้วย
  • ค่าใช้จ่ายและค่าปรับ ดูว่าเจ้าของบ้านมีกฎใดบ้าง เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ต้องเสียค่าปรับเหล่านั้น
  • สัตว์เลี้ยงในบ้าน ตกลงเป็นลายลักษณ์อักษรให้เรียบร้อยก่อนว่า สามารถนำสัตว์เลี้ยงเข้ามาในบ้านเช่าได้หรือไม่ เพราะเจ้าของบางคนจะไม่ให้ผู้เช่านำสัตว์เลี้ยงมาเลี้ยงด้วย
  • วิธีการชำระเงิน ว่ามีการชำระเงินในรูปแบบใด และวันที่เท่าไหร่จึงจะครบกำหนดจ่าย ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องพึงระวัง เพราะบางที่มีค่าปรับหากมีการจ่ายค่าเช่าล่าช้า
  • การต่อสัญญา หากคุณพึงพอใจกับบ้านเช่านี้และต้องการต่อสัญญาต่อไปอีก อย่าลืมที่จะแจ้งเจ้าของบ้านล่วงหน้า 2-3 เดือน เพื่อป้องกันไม่ให้เจ้าของบ้านไปปล่อยเช่าให้กับคนอื่นต่อ เพราะส่วนใหญ่เมื่อใกล้วันหมดสัญญา เจ้าของบ้านมักจะรีบหาผู้เช่ารายใหม่เข้ามาทันทีที่ผู้เช่าคนเก่าหมดสัญญา เพื่อไม่ให้เสียโอกาสเมื่อบ้านยังว่างอยู่นั่นเอง - เทอร์ร่า บีเคเค

บทความโดย : TerraBKK คลังความรู้

TerraBkk ค้นหาบ้านดี คุ้มค่า ราคาถูก