รถไฟฟ้าสายสีม่วงที่กำลังจะเปิดใช้อย่างเป็นทางการในช่วงกลางปี 2559 นี้ ด้วยระยะทาง 23 กม. 16 สถานี นับจากเริ่มเป็นรูปเป็นร่างในปี 2552 จนถึงปัจจุบัน มีโครงการคอนโดมิเนียมเปิดขายเกาะตามแนวรถไฟฟ้าแล้วกว่า 50 โครงการ 45,000 ยูนิต ซึ่งถือว่ามากที่สุดเมื่อเทียบกับแนวรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายเส้นอื่นๆ สำหรับเส้นทางของสายสีม่วงนั้น คนเมืองที่อาศัยอยู่ใน CBD อาจจะยังนึกไม่ออกว่ามีระยะทางยาวไกลแค่ไหน ซึ่งระยะทางนี้เทียบเท่ากับ BTS สายบางหว้า-แบริ่งในปัจจุบัน ที่มีคอนโดตามแนวรถไฟฟ้ากว่า 300,000 ยูนิต ดังนั้นหากกล่าวว่าคอนโดฯแนวรถไฟฟ้าสายสีม่วงที่เปิดขายกว่า 45,000 ยูนิตจะเข้าขั้น “ฟองสบู่” แล้ว ตามกระแสความกังวลขณะนี้เรามองว่าคงยังไม่รุนแรงขนาดนั้น TerraBKK Research จึงขอเจาะลึกทำเลนี้ โดยแยกสำรวจออกเป็น 3 ประเด็นหลักๆ ดังนี้

1. การเปลี่ยนแปลงราคาคอนโดฯในแต่ละสถานี

TerraBKK Research ได้สำรวจโครงการคอนโดมิเนียมที่ยังเปิดขายอยู่ของแนวรถไฟฟ้าสายสีม่วง ทั้งหมด 11 สถานี โดยภาพรวมมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 6-12% โดยสถานีที่มีการเปลี่ยนแปลงราคามากที่สุดคือ MRT ศรีพรสวรรค์ ที่บางโครงการก็มีการเปลี่ยนแปลงราคาสูงถึง 20% ต่อปี นับจากวันเปิดโครงการ และพบว่าเมื่อจัดอันดับการเปลี่ยนแปลงราคา เรียงจากมากไปน้อย มีรายละเอียดดังนี้

price_purpleline_3

2. ความแตกต่างของคอนโดฯในแต่ละโซน

เมื่อแยกแนวรถไฟฟ้าสายสีม่วงออกเป็นโซนแล้ว สามารถแบ่งได้ 3 โซนใหญ่ๆดังนี้

โซนกรุงเทพ-นนท์ - ติวานนท์ : นับตั้งแต่สถานีเตาปูน-บางซ่อน-วงศ์สว่าง-แยกติวานนท์-กระทรวงสาธารณสุข ตามแนวถนนกรุงเทพ-นนท์จนถึงติวานนท์ ถือเป็นโซนที่มีราคาขายสูงที่สุดของแนวรถไฟฟ้าสีม่วง และเชื่อมต่อกับสถานีกลางบางซื่อ จึงสะดวกต่อการเดินทางเข้าเมือง โซนนี้จึงมีศักยภาพการเติบโตที่สูงกว่าโซนอื่น ผลักดันให้ราคาที่ดินและคอนโดสูงตามไปด้วย พบว่าราคาอยู่ที่ประมาณ 1.4-2.5 ล้านบาท หรือตารางเมตรละ 60,000-90,000 บาท โดยราคานี้เพิ่มขึ้นจากวันเปิดตัวเฉลี่ย 5-13% ต่อปี

จากการสำรวจภาพรวม ณ เดือนมิถุนายน 2558 โครงการส่วนใหญ่เริ่มมียอดขายประมาณ 50-70% แล้ว บางโครงการเหลืออีกไม่กี่ยูนิตก็จะปิดการขายได้ 100%

มี 2 โครงการเปิดใหม่ล่าสุดคือ โครงการ The tree Elegance ติวานนท์ ที่มีราคาประมาณตารางเมตรละ 73,000 บาท ด้วย Facilities ที่จัดเต็มและหรูที่สุดในย่านนี้ และราคาที่ไม่สามารถหาได้ในกรุงเทพฯแต่ได้ Facilities เทียบเท่าคอนโด High-End ในเมือง ทำให้โครงการนี้น่าจับมองเป็นอย่างมากสำหรับในโซนนี้และโครงการ The Posh 12 ที่นำเสนอรูปแบบคอนโดมิเนียมหรูหราเช่นกัน ในราคาตารางเมตรละ 110,000 บาท

TheTreeAndPosh

ตัวอย่าง Facilities ของโครงการ The tree Elegance Tiwanon และ โครงการ The Posh Twelve ซึ่งโครงการ The tree Elegance Tiwanon โดดเด่นในส่วนของสระว่ายน้ำแบบ Infinity Edge Pool และเป็นสระว่ายน้ำที่สามารถมองเห็นวิวเจ้าพระยาได้สวยงาม

โซนรัตนาธิเบศร์ : นับตั้งแต่สถานีศูนย์ราชการนนทบุรี-ศรีพรสวรรค์-แยกนนทบุรี1-สะพานพระนั่งเกล้า-ไทรม้า ไล่มาตามแนวถนนรัตนาธิเบศร์ ถือเป็นโซนที่อยู่ในนนทบุรีอย่างเต็มตัว แต่ก็พร้อมไปด้วยศูนย์การค้าอย่างเซ็นทรัล รัตนาธิเบศร์ เดอะมอลล์ งามวงศ์วานและทางด่วนที่รองรับการเดินทางเข้าสู่ตัวเมืองอย่างสะดวกสบาย ทำให้คอนโดในโซนนี้ราคาอยู่ที่ประมาณ 1.5-2 ล้านบาท หรือตารางเมตรละ 60,000-70,000 บาท โดยราคานี้เพิ่มขึ้นจากวันเปิดตัว เฉลี่ย 6-10% ต่อปี

ปัจจุบันโซนนี้มี Supply อยู่กว่า 14,000 ยูนิต จากการสำรวจภาพรวม ณ เดือนมิถุนายน 2558 พบว่าโครงการบางส่วนมียอดขายประมาณ 40-60%

มี 2 โครงการเปิดใหม่ล่าสุด คือ โครงการ Skyline รัตนาธิเบศร์ ที่มีราคาตารางเมตละ 75,000 บาท และ โครงการ Estate รัตนาธิเบศร์ ที่มีราคาประมาณตารางเมตรละ 71,000 บาท

EstateAndSkyline

โซนบางใหญ่ : นับตั้งแต่สถานีสามแยกบางใหญ่-คลองบางไผ่ เป็นโซนเกิดใหม่หรือเรียกได้ว่าเป็นความหวังใหม่ของคนนนทบุรี และเตรียมที่จะเป็นศูนย์กลางการค้าของนนทบุรี จากการรอเปิดตัวของเซ็นทรัล Westgate ปลายปีนี้ ที่จะช่วยเร่งการขยายตัวของศักยภาพทำเล และผลักดันให้ราคาที่ดินและคอนโดในบริเวณนี้มีโอกาสสูงขึ้นไปอีก ซึ่งปัจจุบันคอนโดในโซนนี้มีราคาอยู่ที่ประมาณ 1.2-1.5 ล้านบาท หรือประมาณตารางเมตรละ 50,000-60,000 บาท โดยราคานี้เพิ่มขึ้นจากวันเปิดตัวเฉลี่ยประมาณ 10% ต่อปี

ทำเลนี้มีโครงการคอนโดฯเปิดตัวไม่มากนัก ประมาณ 5,000 ยูนิต โดยพฤกษาเป็นผู้นำครองตลาดในโซนนี้เกินกว่าครึ่ง และยังจ่อเปิดตัวอีก 1 โครงการในปลายปีนี้คือ Plum Westgate Central Station โดยพฤกษานับเป็นเจ้าแรกๆที่เปิดคอนโดในย่านนี้ ประเดิมด้วยโครงการ Plum บางใหญ่ ซึ่งก็ประสบความสำเร็จไปได้อย่างดีด้วยยอดขาย 90% ทั้งในเฟส 1 และเฟส 2

สำหรับผู้ที่สนใจจะซื้อคอนโดเพื่อขายทำกำไรในอนาคตในแนวรถไฟฟ้าสายสีม่วง TerraBKK Research แนะนำว่าโครงการในโซนกรุงเทพ-นนท์ - ติวานนท์ หรือช่วงต้นสายสีม่วง เป็นโซนที่เหมาะแก่การซื้อคอนโดฯเพื่อเพิ่มมูลค่าในอนาคตมากที่สุด เนื่องจากเป็นโซนที่อยู่ใกล้บางซื่ออันเป็นจุดเชื่อมต่อโครงข่ายคมนาคมของรถไฟฟ้าทุกระบบ รวมถึงโครงการก่อสร้างรถไฟสีต่างๆ ที่เชื่อมระหว่างชานเมืองกับในเมืองทำให้ในโซนนี้จะเป็นที่น่าสนใจสำหรับการลงทุนระยะยาว หรือซื้อเก็บไว้เป็นสินทรัพย์ที่ทวีมูลค่าได้ ทั้งยังเป็นแหล่งงานขนาดใหญ่ของภาครัฐและเอกชน อย่างกลุ่มเครือซีเมนต์ไทย (SCG) และกระทรวงสาธารณสุข

3. ระดับราคาที่ดินตลอดแนวรถไฟฟ้าสายสีม่วง

อย่างที่ทราบกันว่า “ที่ดิน” นานวันไป ก็มีแต่ราคาจะปรับตัวสูงขึ้น จะช้าเร็วก็ขึ้นอยู่กับความใกล้ไกลความเจริญของพื้นที่นั้นๆ หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้ราคาที่ดินปรับตัวได้ไวขึ้น คือ การคมนาคมขนส่งที่สะดวกสบาย อย่างล่าสุดกับโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง (บางใหญ่-บางซื่อ) ที่กำลังจะเปิดทดลองใช้ช่วงปลายปี 5 ธ.ค. 2558 นี้

หากย้อนกลับไปช่วงปี 2553-2556 ที่ผ่านมา จะพบว่า ที่ดินตลอดแนวสายรถไฟฟ้ามีการปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะพื้นที่สถานีต้นสายใกล้ตัวเมืองจะมีราคาที่ดินสูงสุด และค่อยลดหลั่นตามพื้นที่สถานีปลายสายไกลตัวเมืองออกไป ดังนี้

โซนกรุงเทพ-นนท์ - ติวานนท์ : ระดับราคาขายที่ดินเฉลี่ยสูงสุด (เฉลี่ย 150,000 บาท/ตร.วา อัตราการเติบโตเฉลี่ย 14-18 % ต่อปี) รวม 5 สถานี จะเป็นพื้นที่สถานีต้นสาย ได้แก่ พื้นที่สถานีเตาปูน ,พื้นที่สถานีบางซ่อน , พื้นที่สถานีวงศ์สว่าง, พื้นที่สถานีแยกติวานนท์ และพื้นที่สถานีกระทรวงสาธารณสุข ด้วยราคาที่ดินของโซนนี้ที่มากกว่า 100,000 บาท/ตร.วา หากผู้ประกอบการนำไปพัฒนาเป็นคอนโดมิเนียม ด้วยข้อบัญญัติผังเมือง FAR=6 ทำให้ในอนาคตคอนโดในโซนนี้จะราคามากกว่า 120,000 บาท/ตร.ม.

โซนรัตนาธิเบศร์ : ระดับราคาขายที่ดินเฉลี่ยสูง (เฉลี่ย 120,000 บาท/ตร.วา อัตราการเติบโตเฉลี่ย 10-14% ต่อปี) รวม 5 สถานี จะเป็นพื้นที่สถานีบนถนนรัตนาธิเบศร์ตลอดจนถึงสถานีละแวกแม่น้ำเจ้าพระยา ได้แก่ พื้นที่สถานีศูนย์ราชการนนทบุรี,พื้นที่สถานีศรีพรสวรรค์ ,พื้นที่สถานีแยกนนทบุรี พื้นที่สถานีสะพานพระนั่งเกล้า และพื้นที่สถานีไทรม้า ด้วยราคาที่ดินของโซนนี้ในราคาประมาณ 120,000 บาท/ตร.วา หากผู้ประกอบการนำไปพัฒนาเป็นคอนโดมิเนียม ด้วยข้อบัญญัติผังเมืองนนทบุรีที่จะประกาศใช้ในปลายปี 2559 (ปัจจุบัน FAR=10) ทำให้ในอนาคตคอนโดในโซนนี้ราคามากกว่า 90,000 บาท/ตร.ม.

โซนบางใหญ่ : ระดับราคาขายที่ดินปานกลาง (เฉลี่ย 80,000 บาท/ตร.วา อัตราการเติบโตเฉลี่ย 8% ต่อปี) รวม 6 สถานี จะเป็นพื้นที่สถานีหลังข้ามฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาไปจนสถานีปลายสายในย่านชานเมือง ได้แก่ พื้นที่สถานีท่าอิฐ ,พื้นที่บางรักใหญ่ ,พื้นที่สถานีบางพลู ,พื้นที่สามแยกบางใหญ่ ,พื้นที่สถานีตลาดบางใหญ่ และสถานีคลองบางไผ่ ด้วยราคาที่ดินของโซนนี้ที่ราคาต่ำกว่า 100,000 บาท/ตร.วา หากผู้ประกอบการนำไปพัฒนาเป็นคอนโดมิเนียม ด้วยข้อบัญญัติผังเมืองนนทบุรีที่จะประกาศใช้ในปลายปี 2559 และเตรียมใช้ข้อบังคับ FAR เหมือนกรุงเทพมหานคร ทำให้ในอนาคตคอนโดในโซนนี้ราคามากกว่า 80,000 บาท/ตร.ม.

ข้อพึงรู้ ปัจจุบันผังเมืองนนทบุรีที่ถูกประกาศใช้เมื่อปี พ.ศ.2548 ได้หมดอายุลงแล้วในปี พ.ศ.2555 หลังจากประกาศมาเป็นเวลา7 ปี ทำให้ไม่สามารถนำผังเมืองพ.ศ.2548 มาใช้ได้และไม่มีผังเมืองใหม่นนทบุรีประกาศใช้ในพื้นที่ กฎระเบียบข้อบังคับต่างๆจึงต้องขึ้นอยู่กับท้องถิ่นและเทศบาลของพื้นที่นั้นๆเป็นตัวกำหนดตัวบทกฎหมายเอง

graph_land

แนวโน้มการเติบโตราคาที่ดินตามแนวรถไฟฟ้าสายสีม่วงในปี2015ยังคงปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากการกระจายความเจริญ จากตัวเมืองไปสู่ชานเมือง และการเข้าครอบครองที่ดินเพื่อพัฒนาคอนโดมิเนียม ทั้งจากผู้ประกอบการรายใหญ่และรายเล็ก โดยทำเลที่มีแนวโน้มเติบโตสูงสุดยังคงเป็นพื้นที่สถานีต้นสาย เช่น สถานีเตาปูนและสถานีวงศ์สว่าง ที่สามารถพบประกาศขายที่ดินราคาตารางวาละ 2-3 แสนบาท (เฉลี่ยโตราว20% จากปี 57) รวมทั้งพื้นที่สถานีบางซ่อน-แยกติวานนท์-กระทรวงฯ สามารถพบประกาศขายที่ดินราคาตารางวาละ 1.8 แสนบาท ( เฉลี่ยโตราว 12 % จากปี 57 ) ซึ่งบางพื้นที่เหลือเพียง การประกาศขายที่ดินแปลงเล็ก ไม่เกิน 1 ไร่ ไม่สามารถพัฒนาขึ้นโครงการเป็นคอนโดมิเนียมอาคารสูงได้ ในขณะที่พื้นที่สถานีอีกฝั่งแม่เจ้าพระยา (ไทรม้า-บางพลู)พบประกาศขายที่ดินแปลงใหญ่จำนวนหลายแปลงราคาขายเฉลี่ยอยู่ในช่วงตารางวาละ 1-1.6 แสนบาท (เฉลี่ยโตราว 10% จากปี 57) และสำหรับสถานีปลายสายช่วงโซนบางใหญ่นั้น พบประกาศขายที่ดินแปลงเล็กอย่างคึกคัก เช่น ซอยจันทร์ทองเอี่ยม ซอยวัดลาดปลาดุก เป็นต้น

หากมองในภาพรวมคอนโดฯในโซนรถไฟฟ้าสายสีม่วงนี้คงยังไม่ถึงขั้น “ฟองสบู่” ด้วยราคาขายที่ยังไม่สูงมากนัก ที่มีราคาประมาณ 1-2 ล้านบาท เป็นราคาที่คนทำงานรายได้ประจำทั่วไปสามารถซื้ออยู่อาศัยได้ เหมาะกับคนทำงานโซนวิภาวดี-พหลโยธิน ที่สามารถเดินทางสู่ถนนสายหลักได้ในระยะเวลาไม่กี่นาที อีกทั้งศักยภาพด้านการเดินทางที่โซนนี้เป็นจุดเชื่อมต่อกับกรุงเทพ และรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายอีกหลายสายที่กำลังก่อสร้างในโซนนนทบุรี ทำให้การเดินทางเข้าสู่ตัวเมืองได้สะดวกสบายและไม่ไกลอย่างที่คิดและด้วยราคาที่ดินในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ราคาไม่เกินตารางวาละ 100,000 บาท จึงไม่แปลกใจที่บรรดานักพัฒนาทั้งรายเล็กและรายใหญ่ต่างรุมตอมทำเลนี้ เพราะหากดูราคาเสนอขายที่ดินในปัจจุบันที่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าตัว จึงคาดการณ์ได้ว่า ในอนาคตเมื่อรถไฟฟ้าเริ่มเปิดใช้บริการทำเลนี้จะมีศักยภาพไม่ต่างจากสุขุมวิทตอนปลาย (บางนา-แบริ่ง) ที่ราคาคอนโดเริ่มขยับเพิ่มขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปจนถึง 100,000 บาทต่อตารางเมตร - เทอร์ร่า บีเคเค

M_1506160457

บทความโดย : TerraBKK คลังความรู้

TerraBkk ค้นหาบ้านดี คุ้มค่า ราคาถูก