TerraBKK Research อัพเดทผลประกอบการกลุ่มวัสดุก่อสร้าง (Construction Material) ครึ่งปีแรกรวม 6 เดือน ย้อนหลัง 5 ปี ตั้งแต่ปี พ.ศ.2554-2558 ครบทุกบริษัทมีด้วยกันทั้งหมด 19 บริษัท บริษัทเหล่านี้เป็นบริษัทที่มีการซื้อขายในตลาดรอง SET บริษัทไหนสามารถสร้างผลตอบแทนได้อย่างโดดเด่น และมีแนวโน้มที่จะกลายมาเป็นบริษัทผู้นำในของกลุ่ม TerraBKK Research ได้รวบรวมเอาไว้ดังต่อไปนี้

จากการสำรวจผลประกอบการประจำครึ่งปีแรกของปี
2558 TerraBKK Research พบว่าอุตสาหกรรมกลุ่ม "วัสดุก่อสร้าง" ส่วนใหญ่แล้วครึ่งปีแรกมีรายได้ลดลง อัตรากำไรต่อหุ้นลดลง ส่วนบริษัทที่ TerraBKK Research คาดว่าจะเข้ามาเป็นดาวรุ่งในอุตสาหกรรมนี้เห็นจะเป็น Tipco Asphalt มีการเจริญเติบโตอย่างก้าวกระโดดในปีนี้ ส่วนบริษัทที่มีแนวโน้มการเติบโตต่อเนื่องและโดดเด่นในอุตสาหาหกรรมได้แก่ Vanachai Group, Dynasty Cermic และ The Siam Cement มีรายละเอียดที่น่าสนใจดังนี้

รายได้ (Revenue) จากการสำรวจผลประกอบการของอุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้าง พบว่า รายได้ในครึ่งปีแรกของปี 2558 ส่วนใหญ่ลดลงจากปีก่อนหน้าแทบทุกบริษัท มีเพียง Vanachai Group, The Union Mosaic, Thailand Carpet เท่านั้นที่มีรายได้เป็นบวกขึ้นมา รายได้เพิ่มขึ้น +10.2%, +8.4% และ +2.7% ตามลำดับ สำหรับบริษัทที่มีรายได้เติบโตต่อเนื่อง 3 ปี ได้แก่ Vanachai Group เพียงบริษัทเดียวเท่านั้นและมีรายได้มากที่สุดตลอด 5 ปีที่ผ่านมา ถือว่าสวนทางกับอุตสาหกรรมมากพอสมควร VNG ส่วนธุรกิจที่รายได้ลดลงค่อนข้างมาก 3 บริษัทแรกได้แก่ General Engineering (-36.3%), Tipco Asphalt (-20%) และ Quality Constuction (17.8%) เป็นต้น

อัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) บริษัทที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงที่สุด คือ Siam City Cement (46.14%) รองลงมาคือ Dynasty Ceramic (41.84%) ส่วนบริษัทที่สามารถทำอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ได้แก่ Dynasty Ceramic, Southern Concrete, Vanachai, The Siam Cement เป็นต้น เมื่อเรามาดูด้านอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) พบว่า บริษัทที่สามารถทำอัตรากำไรสุทธิได้สูงมากที่สุด คือ Dynasty Ceramic (19.43%) รองลงมา คือ Southern Concrete (18.27%) และ Siam City Cement (17.05%) บริษัทที่มีอัตรากำไรสุทธิเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องตลอด 3 ปี คือ Premier Products. บริษัทที่สามารถทำอัตรากำไรสุทธิได้สูงตลอด 5 ปีที่ผ่านมา ได้แก่ Dynasty Ceramic, Tipco Asphalt, Vanachai, Eastern Polymer, The Siam Cement, Premier Product, Wiik เป็นต้น

อัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์ (Return to Asset) จะเป็นตัวที่แสดงถึงประสิทธิภาพของการใช้ทรัพยากรภายในองค์กรในการสร้างผลตอบแทนให้แก่กิจการว่ามีประสิทธิภาพมากน้อยขนาดไหน บริษัทที่มีอัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์มากที่สุดคือ Dynasty Ceramic (33.98%), Dcon Products (27.49%), Tipco Asphalt (23.9%) และ Southern Concrete Pile (20.78%) ตามลำดับ บริษัทที่มีประสิทธิภาพในการดำเนินงานดีขึ้นต่อเนื่อง 3 ปีขึ้นไป คือ บริษัท Siam City Cement อัตราผลตอบแทนจากส่วนของผู้ถือหุ้น (Return to Equity) แสดงถึงศักยภาพในการทำกำไรของบริษัท บริษัทที่มีศักยภาพในการทำกำไรสูงที่สุดคือ Tipco Asphalt มี Return on Equity มากที่สุดเมื่อเทียบกับในกลุ่ม และเปลี่ยนแปลงจากปีที่แล้วอย่างมีนัยสำคัญสำหรับบริษัทที่มี ROE มากกว่าร้อยละ 17 ได้แก่ Tipco Asphalt, Dynasty Ceramic, Dcon Products, The Siam Cement, Premier Products, Southern Concrete Pile, Siam city Cement และ Vanachai Group

อัตรากำไรต่อหุ้น (Earning per Share) เป็นสัดส่วนกำไรของบริษัทต่อหนึ่งหน่วยหุ้นจดทะเบียน เมื่อเราดูอัตรากำไรต่อหุ้นของบริษัทแล้วเราจะพบว่า บริษัทส่วนใหญ่มีอัตรากำไรต่อหุ้นที่ลดลงเกือบทุกบริษัท แต่บริษัทที่มีอัตรากำไรต่อหุ้นเพิ่มสูงขึ้นมีเพียง 3 บริษัทเท่านั้น คือ Wiik (+450%), Vanachai Group (+193%) และ The Siam Cement (+47.6%)

อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (Debt to Equity Ratio) ที่อยู่ในระดับปกติควรอยู่ที่ระดับประมาณไม่เกิน 2 เท่า กล่าวคือ ไม่ควรมีหนี้สินเป็น 2 เท่าของส่วนของทุน แต่ระดับที่ดีที่สุดคือไม่ควรเกิน 1 เท่า กล่าวคือ หนี้สินควรน้อยกว่าหรือว่าเท่ากับทุนนั่นเอง ดังนั้นบริษัทวัสดุก่อสร้างที่มีอัตราหนี้สินต่อทุนต่ำที่สุดคือ Quality Constuction มีอัตราหนี้สินต่อทุนเท่ากับ 0.16 เท่า และมีอัตราหนี้สินต่อทุนลดลงต่อเนื่อง 3 ปีติดต่อกัน และบริษัทที่มีอัตราหนี้สินต่อทุนลดลงได้แก่ Premier Products, The Siam Cement, Chonburi Concrete Product, Vanachai, The Royal Ceramic, Diamond Building Products,Southern Concrete Pile และ Thai German Ceramic - เทอร์ร่า บีเคเค

อัตรากำไรสุทธิ จะแสดงถึง ความสามารถในการทำกำไรสุทธิของบริษัท เป็นการวัดความสามารถของบริษัทในการควบคุมรายจ่ายทุกประการทั้งดอกเบี้ยและภาษีเมื่อเทียบกับยอดขาย หากอัตราส่วนนี้มีค่าสูงแสดงว่าบริษัทสามารถเปลี่ยนยอดขายให้เป็นกำไรสุทธิได้มาก

อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (Debt to Equity Ratio) แสดงถึง สัดส่วนของเงินทุนจากการกู้ยืมต่อเงินทุนจากเจ้าของธุรกิจถ้าอัตราส่วนนี้สูงแสดงว่าบริษัทมีการกู้ยืมเงินในสัดส่วนที่สูงเมื่อเทียบกับเงินทุนจากผู้ถือหุ้นของบริษัท ทำให้มีความเสี่ยงในลักษณะเดียวกับอัตราส่วนหนี้สินต่อสินทรัพย์

อัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์ (Return on Asset:ROA) แสดงถึง ระดับผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมของบริษัท เป็นการวัดความสามารถในการนำสินทรัพย์ทั้งหมดของธุรกิจใช่ในการสร้างยอดขายและควบคุมค่าใช่จ่ายในการดำเนินงานทั้งหมดสุทธิจากภาษีแต่ก่อนต้นทุนทางการเงิน (ดอกเบี้ยจ่ายสุทธิจากภาษีที่ประหยัดได้) อัตราส่วนที่สูงแสดงว่าบริษัทมีความสามารถสูงในการนำสินทรัพย์ไปสร้างกำไรจากการดำเนินงาน

อัตราผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (Return on Equity : ROE) แสดงถึง ระดับผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น เป็นการวัดความสามารถในการทำกำไรให้แก่เงินทุนของผู้ถือหุ้น หากค่าที่ได้จากการคำนวณสูงแสดงว่าผู้ถือหุ้นมีโอกาสได้รับเงินปันผลและผลตอบแทนที่สูง

บทความโดย : TerraBKK ข่าวอสังหาฯ แหล่งข้อมูล : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย TerraBKK ค้นหาบ้านดี คุ้มค่า ราคาถูก