ข้อมูลใดบ้างที่ต้องเก็บจากคนมาดูบ้านเช่า?
หากคุณคิดอยากจะลงทุนอสังหาริมทรัพย์ด้วยการทำบ้านเช่า สิ่งหนึ่งที่ต้องศึกษาให้เป็นคือ การเก็บข้อมูลจากคนมาดูบ้านเช่า ที่ไม่ใช่เพียงการพูดคุย เจรจา แต่เพื่อเป็นฐานข้อมูลให้รู้ว่าบ้านของคุณเป็นอย่างไร และควรจะทำอย่างไรต่อไป เพราะผู้เช่าก็เปรียบเสมือน "ลูกค้า" คนหนึ่ง การมีข้อมูลอยู่ในมือนับว่าเป็นสิ่งที่ได้เปรียบ เพื่อให้รู้ถึงข้อมูลลูกค้าที่แท้จริงว่าเขาเป็นใคร และต้องการอะไรบ้าง ซึ่ง TerraBKK Research จะมาแนะนำว่าควรเก็บข้อมูลใดบ้าง และสามารถนำข้อมูลตรงนี้ไปใช้ประโยชน์ต่ออย่างไรบ้าง
1. รายละเอียดเบื้องต้น ชื่อ-เบอร์โทร
อย่างแรกเลยสำหรับข้อมูลทั่วไปที่คุณควรรู้คือชื่อและเบอร์โทรของผู้ที่ติดต่อมาสอบถาม บ้านเช่า ซึ่งรายละเอียดที่ต้องเก็บมีดังนี้
- ชื่อ
- เบอร์โทรศัพท์
- วันที่โทรมาสอบถาม
ประโยชน์ของข้อมูลเหล่านี้คือ หากเขาโทรกลับมาในวันหลัง คุณสามารถย้อนกลับมาเช็คได้ว่า คนนี้เคยโทรมาก่อนแล้ว โดยเฉพาะช่วงเวลาที่ทิ้งระยะการโทร จะทำให้รู้ว่าเขาหาบ้านเช่ามานานเท่าไหร่แล้ว หรือมีปัญหาอะไรหรือไม่ที่ยังหาบ้านเช่าไม่ได้
2. คำตอบจากการสนทนา
ก่อนจะพบคนที่มาดูบ้านเช่า คุณควรเตรียมคำถามเพื่อสอบถามถึงข้อมูลอื่นๆที่คุณอยากรู้ ไม่ใช่ให้ผู้เช่าเป็นฝ่ายถามเพียงฝ่ายเดียว โดยหลักๆแล้ว คำถามที่ควรถามมีดังนี้
- จะมาอยู่กันกี่คน?
- มองไว้เป็นบ้านกี่ห้องนอน?
- ทำงานอะไร? ที่ไหน?
- เคยเช่าที่ไหนมาก่อน?
- ตั้งงบค่าเช่าไว้ประมาณเท่าไหร่?
รายละเอียดเหล่านี้จะทำให้คุณรู้จักผู้เช่ามากขึ้น แม้ว่ารายนี้อาจไม่ได้มาเช่าบ้านของคุณจริงๆ แต่ยิ่งเก็บข้อมูลเหล่านี้เอาไว้มากเท่าไหร่ คุณก็จะยิ่งรู้ว่าส่วนใหญ่แล้วคนที่มาดูบ้านเป็นใคร? อยู่ที่ไหน? ต้องการอะไรบ้าง? และที่สำคัญคึอ การตั้งงบการเช่าของคนส่วนใหญ่อยู่ที่เท่าไหร่ เพื่อเอามาเทียบกับค่าเช่าของเราว่าเหมาะสมหรือไม่ อย่างไร?
10 คำถามที่ต้องถามคนเช่าบ้าน การทำธุรกิจบ้านเช่า หัวใจสำคัญที่สุดคือการเลือกผู้เช่าที่สามารถดูแลบ้านเราได้ และไม่มีปัญหาในเรื่องการจ่ายเงินค่าเช่า ดังนั้นการเลือกคนที่จะมาเช่าบ้านนั้น นอกจากจะซักถามประวัติต่างๆแล้ว ควรซักถามในเรื่องอื่นๆด้วย เพื่อเป็นข้อมูลเบื้องต้นในการพิจารณาและตัดสินใจว่าจะให้เช่าดีหรือไม่
3. คอมเม้นท์เกี่ยวกับบ้าน
สิ่งสำคัญที่สุดของข้อมูลจากคนมาดูบ้าน คือคอมเม้นท์ว่าบ้านของเราเป็นอย่างไร มีข้อดี-ข้อเสียตรงไหนบ้าง แต่สิ่งหนึ่งที่พึงระวังคือ การติเพื่อต้องการลดค่าเช่า หรือจงใจหาข้อผิดพลาดเพื่อให้ได้ค่าเช่าถูกลง ดังนั้นข้อมูลตรงนี้ควรเป็นข้อมูลที่เกิดจากหลายๆคนที่มาดูบ้าน เห็นพ้องตรงกันว่า ส่วนนี้ไม่ดี ส่วนนี้ควรเพิ่มเติม เช่น 80% ของคนที่มาดูบ้านต่างบ่นว่าไม่มีปั๊มน้ำ ทั้งๆที่เป็นตึกแถว 4 ชั้น ทำให้น้ำชั้นบนไม่แรง แบบนี้ถือว่าเป็นการคอมเม้นท์ที่มีเหตุมีผล
ประโยชน์ของคอมเม้นท์เหล่านี้ คือช่วยเตือนให้คุณได้รู้ตัวถึงข้อบกพร่องว่าบ้านของคุณยังมีตรงไหนที่ไม่สมบูรณ์และต้องแก้ไขบ้าง เพื่อเติมเต็มให้บ้านของคุณพร้อมปล่อยเช่ามากที่สุด
4. เหตุผลที่ปฏิเสธ
หากรายนี้ไม่ได้ตกลงที่จะเช่าบ้านของคุณ หรือเปลี่ยนใจไปเช่าที่อื่น อย่าลืมถามถึงเหตุผลว่าทำไมถึงปฏิเสธการเช่าบ้านของคุณ เหตุผลเหล่านี้จะช่วยให้คุณเข้าใจได้มากยิ่งขึ้นว่าเหตุใดจึงปล่อยเช่าไม่ได้ซักที เช่น ปฏิเสธเพราะเจอบ้านหลังอื่นที่ใหม่กว่าในราคาเท่านั้น หรือปฏิเสธเพราะที่อื่นให้เช่าถูกกว่า นั่นก็อาจจะหมายความว่าคุณตั้งค่าเช่าสูงเกินไป ควรจะลดลงมาให้พอๆกับคนอื่น หรืออีกทางหนึ่งคือปรับปรุงบ้านให้ดีกว่าคู่แข่ง ให้ผู้เช่ารู้สึกว่าคุ้มที่จ่ายแพงกว่า
5. ข้อมูลอื่นๆสำหรับการนัดหมายดูบ้าน
เป็นข้อมูลเล็กๆน้อยๆที่ควรบันทึกว่า แต่ละคนโทรมาเมื่อไหร่ นัดดูบ้านวันไหน และโทรมาตกลงหรือปฏิเสธเมื่อไหร่ เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับพิจารณาว่า โดยทั่วไปแล้วจะใช้เวลากี่วันกว่าจะมีการตัดสินใจ
- วันที่ติดต่อมา
- วัน-เวลานัดหมายดูบ้าน
- วันที่โทรมาตกลงหรือบอกปฏิเสธ
การบันทึกอย่างเป็นระบบ เป็นหนึ่งในตัวช่วย ที่จะช่วยจัดสรรตารางเวลานัดหมายให้ไม่ชนกัน เพราะบางครั้งหากโทรมาหลายๆสาย คุณเองก็ยิ่งสับสนว่าคนก่อนนัดไปวันไหน เมื่อไหร่ ดีไม่ดีอาจจะนัดทับกันหรือลืมนัดของอีกฝ่ายหนึ่งไปก็เป็นได้ - เทอร์ร่า บีเคเค
บทความโดย : TerraBKK คลังความรู้
TerraBkk ค้นหาบ้านดี คุ้มค่า ราคาถูก