"การซื้อบ้าน" แม้หัวใจหลักที่ต้องคำนึงคือ "ราคาบ้าน" ที่จะต้องไม่สูงจนเกินกำลังตนเอง แต่ถึงอย่างไรการซื้อบ้านไม่ได้จบเพียงตัวเลขราคาที่เห็นเท่านั้น ยังคงมีค่าใช้จ่ายอื่นๆตามมาอีกแบบไม่รู้ตัว บางคนไม่ได้เตรียมเงินก้อนเผื่อสำรองเอาไว้อีก เรียกว่าไปตกม้าตายตอนสุดท้าย เงินก้อนที่เก็บไว้ก็ไปดาวน์บ้านจนหมด ดังนั้นอย่าลืมที่จะเผื่อสำหรับค่าใช้จ่ายเหล่านี้ ซึ่ง TerraBKK Reserach ได้รวบรวม "ค่าใช้จ่ายแฝง" ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นเมื่อต้องซื้อบ้าน ไว้ดังนี้

1. เงินมัดจำ/เงินจอง เป็นการวางเงินจำนวนหนึ่งเพื่อเป็นการมัดจำว่าเราต้องการจะซื้อบ้านหลังนี้จริงๆ และหลังจากนั้นจะมีการนัดทำสัญญาในภายหลัง ทั้งนี้เงินมัดจำหรือเงินจองขึ้นอยู่กับเจ้าของบ้าน/เจ้าของโครงการเป็นคนกำหนดว่าต้องจ่ายเท่าไหร่ ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ประมาณ 10,000-50,000 บาท (และจะหักออกจากราคาบ้านเมื่อเซ็นสัญญาซื้อขาย)

2. ค่าใช้จ่ายในวันทำสัญญา หลังจากวางเงินจองแล้ว จะมีการนัดเซ็นสัญญาในภายหลัง ซึ่งผู้ซื้อก็ต้องเตรียมเงินจำนวนหนึ่งมาเพื่อจ่ายในวันเซ็นสัญญาด้วยเช่นกัน โดยส่วนใหญ่แล้วค่าใช้จ่ายตรงนี้จะอยู่ที่หลักแสนขึ้นไป หลังจากนั้นก็เป็นขั้นตอนการจ่ายเงินดาวน์และผ่อนชำระค่าบ้านเป็นงวดๆตามปกติ

3. ค่าธรรมเนียมที่เกิดจากการซื้อบ้าน ค่าธรรมเนียมในส่วนนี้เป็นค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นเมื่อมีการซื้อบ้าน​ โดยไปดำเนินเรื่องและชำระค่าใช้จ่ายที่ "กรมที่ดิน" โดยมี 2 ค่าใช้จ่ายหลักๆคือ

  • ค่าโอนกรรมสิทธิ์ 2% ของราคาประเมิน ซึ่งอาจจะออกกันคนละครึ่งระหว่างผู้ซื้อ-ผู้ขาย หรือบางครั้งผู้ขายอาจจะยินดีออกค่าใช้จ่ายส่วนนี้ให้หมด แล้วแต่จะตกลงกัน (17/11/2558 : รัฐบาลได้ออกนโยบายกระตุ้นภาคอสังหาฯ ลดค่าธรรมเนียมการโอนเหลือเพียง 0.01% ของราคาประเมิน มีผลบังคับใช้ถึง 30 เมษายน 2559)
  • ในกรณีที่ผู้ซื้อมีการยื่นขอสินเชื่อ ยังต้องมีการจ่ายค่าจดจำนองอีก 1% ของวงเงินกู้ (17/11/2558 : รัฐบาลได้ออกนโยบายกระตุ้นภาคอสังหาฯ ลดค่าจดจำนองเหลือเพียง 0.01% ของวงเงินกู้ มีผลบังคับใช้ถึง 30 เมษายน 2559)

4. ดอกเบี้ยจ่ายธนาคาร นอกจากราคาบ้านที่เราต้องจ่ายแล้ว ผู้ที่กู้เงินจากธนาคารยังต้องเสียดอกเบี้ยจ่ายเมื่อมีการผ่อนชำระ อย่าลืมที่จะคำนึงถึงดอกเบี้ยด้วยทุกครั้งที่จะคำนวณค่าใช้จ่าย

5. ค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการขอสินเชื่อ เมื่อต้องมีการขอสินเชื่อจากธนาคาร นอกจากดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายให้กับธนาคารแล้ว ยังมีค่าใช้จ่ายอื่นๆอีก คือ

  • ค่าธรรมเนียมในการประเมินราคาทรัพย์
  • ค่าอากรแสตมป์ 0.05% ของวงเงินกู้
  • เบี้ยประกันอัคคีภัย
  • ค่าเบี้ยปรับกรณีปิดภาระหนี้ภายใน 3 ปี คิด 3% ของยอดหนี้คงค้าง

6. ค่าส่วนกลางหรือค่าดูแลสาธารณูปโภค ในกรณีที่ซื้อบ้านในโครงการจัดสรร ไม่ว่าจะเป็นบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ หรือคอนโดมิเนียม ย่อมมีการเก็บค่าดูแลส่วนกลาง ซึ่งคิดตามพื้นที่ของบ้านเราเป็นหลัก เช่น กรณีบ้านเดี่ยวจะอยู่ที่ประมาณ 30-40 บาท/ตร.วา/เดือน หรือหากเป็นคอนโดมิเนียมจะอยู่ที่ประมาณ 30-50 บาท/ตร.ม./เดือน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเกรดของโครงการ หากเป็นโครงการ Luxury อาจจะไปถึง 60-120 บาท ก็เป็นได้

7. ค่าประกันมิเตอร์น้ำ-ไฟ กรณีที่เป็นโครงการใหม่ รับโอนมาจากผู้ประกอบการโดยตรง จะมีค่าใช้จ่ายในการติดตั้งน้ำ-ไฟที่ทางโครงการชำระให้ล่วงหน้าแล้ว และได้มาเรียกเก็บกับผู้ซื้อในภายหลังตามอัตราที่การประปา-การไฟฟ้ากำหนด

8. ค่าตกแต่งซ่อมแซม หากซื้อบ้านมือสองหรือบ้านใหม่ที่ไม่ได้รับการตกแต่ง ผู้ซื้อจะต้องตกแต่งบ้านเพื่อให้มีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะบ้านมือสองที่อาจจะต้องมีการซ่อมแซมบางส่วนให้สามารถใช้การได้

9. ค่าเฟอร์นิเจอร์ นอกจากจะต้องตกแต่งซ่อมแซมแล้ว จุดสำคัญขององค์ประกอบในบ้านคือเฟอร์นิเจอร์ หลายคนมักพลาดที่จะลืมกันเงินส่วนหนึ่งเพื่อซื้อเฟอร์นิเจอร์ ทำให้ยังไม่สามารถเข้าอยู่ได้ในทันที

10. ค่าใช้จ่ายในการขนย้าย สิ่งสุดท้ายของค่าใช้จ่ายในการซื้อบ้าน คือเมื่อต้องย้ายจากบ้านหลังเก่าเข้ามาหลังใหม่ ย่อมมีค่าใช้จ่ายในเรื่องการขนย้ายที่ไม่ว่าจะย้ายเองหรือจ้างบริษัทขนย้ายก็ตาม ดังนั้นอย่าลืมที่จะเผื่อค่าใช้จ่ายในตอนสุดท้ายที่จะต้องจ่ายในตอนย้ายบ้านด้วย - เทอร์ร่า บีเคเค

บทความโดย : TerraBKK คลังความรู้

TerraBkk ค้นหาบ้านดี คุ้มค่า ราคาถูก