เงินเฟ้อ พ.ย.ยังติดลบ 0.97% ฉุด 11 เดือน ทรุดติดต่อกัน แต่ยังไม่รับว่าเป็นภาวะเงินฝืด โบ้ยเหตุน้ำมันเชื้อเพลิงปรับลด เป็นตัวฉุดหลัก คาดทั้งปีลบ 0.5% ส่วนปีหน้าส่อเพิ่มขึ้น 1-2% ตามการขยายตัวของเศรษฐกิจ นายสมเกียรติ ตรีรัตนพันธ์ ผู้อำนวยการ สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือน พ.ย.2558 เท่ากับ 106.15 ลดลง 0.32% เทียบกับเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา และลดลง 0.97% เทียบเดือน พ.ย.2557 เป็นการติดลบต่อเนื่องเดือนที่ 11 ในรอบปีนี้ และเมื่อเฉลี่ย 11 เดือน (ม.ค.-พ.ย.) ลดลง 0.90% เงินเฟ้อเดือน พ.ย.ที่ลดลง 0.97% มาจากการลดลงของดัชนีราคาหมวดอื่นๆ ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ 1.99% ขณะที่ดัชนีหมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ สูงขึ้น 0.88% “เงินเฟ้อเดือน พ.ย.ที่ยังคงติดลบ แม้สินค้าส่วนใหญ่เริ่มขยับราคาขึ้นเป็นเพราะราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในเดือน พ.ย.ที่ยังลดลงต่อเนื่องถึง 21.09% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน จึงฉุดให้เงินเฟ้อในภาพรวมลดลง และคาดว่าเงินเฟ้อในเดือนต่อไป จะอยู่ในแดนลบ เพราะขณะนี้ราคาน้ำมันอยู่แค่ 40 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ทำให้เงินเฟ้อทั้งปีจะติดลบ 0.2-1% แต่น่าจะอยู่ที่ระดับติดลบ 0.5% มากกว่า” นายสมเกียรติกล่าว สำหรับเงินเฟ้อพื้นฐานที่หักกลุ่มอาหารสดและพลังงานออก เท่ากับ 106.13 เทียบเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา สูงขึ้น 0.05% เทียบกับ พ.ย.2557 สูงขึ้น 0.88% และเฉลี่ย 11 เดือน สูงขึ้น 1.09% ซึ่งหมายความว่าเงินเฟ้อยังคงเป็นบวกเมื่อหักกลุ่มที่มีความผันผวนอย่างอาหารสดและพลังงานออกไป ก่อนหน้านี้ กระทรวงพาณิชย์ระบุว่าหากเงินเฟ้อติดลบติดต่อกันมากกว่า 6 เดือนจะถือว่าเข้าสู่ภาวะเงินฝืด แต่จนถึงขณะนี้กระทรวงพาณิชย์ยังระบุว่าไม่ใช่ภาวะเงินฝืด เพราะการที่เงินเฟ้อติดลบเพราะน้ำมันลดลงเป็นตัวฉุด ส่วนราคาสินค้าจากการสำรวจในเดือน พ.ย.2558 พบว่า มีสินค้าที่ราคาสูงขึ้น 153 รายการ เช่น มะนาว หน่อไม้ฝรั่ง กระเทียม มะม่วง ฝรั่ง ลำไย ลองกอง น้ำมันพืช กับข้าวสำเร็จรูป ไก่ทอด พิซซ่า เป็นต้น มีสินค้าทรงตัว 189 รายการ และลดลง 108 รายการ เช่น เนื้อสุกร ไข่ไก่ ผักกาดขาว ผักคะน้า ผักบุ้ง ผักชี มะเขือเจ้าพระยา ถั่วฝักยาว ผักกาดหอม สัมเขียวหวาน เป็นต้น สำหรับคาดการณ์เงินเฟ้อในปี 2559 ประเมินว่าจะขยายตัวเป็นบวก 1-2% จากสมมติฐานอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ 3-4% ราคาน้ำมันดิบดูไบ 48-54 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 36-38 บาทต่อเหรียญสหรัฐ เนื่องจากคาดว่าปีหน้าเศรษฐกิจโลกจะขยายตัวดีขึ้น และส่งผลต่อเศรษฐกิจไทยให้ขยายตัวดีขึ้นตามไปด้วย และแนวโน้มน้ำมันน่าจะมีราคาสูงขึ้นตามความต้องการใช้ที่เพิ่มขึ้น รวมถึงอัตราแลกเปลี่ยนน่าจะอ่อนค่าเพิ่มขึ้น.

ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก :

ขอบคุณข้อมูลจาก :