ECF ส่งบริษัทลูก ECFH เข้าลุยธุรกิจค้าปลีก เปิดตัว Can Do ร้านดังสัญชาติญี่ปุ่น ผุด 3 สาขาภายในปีนี้
ECF ส่งบริษัทลูก ECFH เข้าลุยธุรกิจค้าปลีก เปิดตัว Can Do ร้านดังสัญชาติญี่ปุ่น ผุด 3 สาขาภายในปีนี้ เผยแผนปี 59 เปิดรวมทั้งสิ้นไม่ต่ำกว่า 13 สาขา มั่นใจรายได้ปีนี้โตตามนัด 1.3 พันล้านบาท เดินหน้าขยายธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ทั้งในและต่างประเทศ
นายอารักษ์ สุขสวัสดิ์ กรรมการผู้จัดการ ผู้ผลิตและจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ไม้ปาร์ติเคิลบอร์ด เฟอร์นิเจอร์ไม้ยางพารา โชว์รูมจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ภายใต้แบรนด์ "ELEGA" และโชว์รูม "FINNA HOUSE" จำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ ภายใต้ลิขสิทธิ์ DISNEY เปิดเผยว่า ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ ECF จะเริ่มดำเนิน ธุรกิจร้านค้าปลีก ”Can Do” จากประเทศญี่ปุ่นภายในเดือนธันวาคมนี้ โดยเบื้องต้นจะเปิดสาขารวม 3 แห่ง ได้แก่ ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต ซีคอนสแควร์ ศรีนครินทร์ และเดอะ พาซิโอ พาร์ค กาญจนาภิเษก
ทั้งนี้บริษัทมีแผนจะขยายสาขา Can Do ออกไปอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2559 ตั้งเป้าหมายเปิดสาขารวมกันไม่ต่ำกว่า 13 สาขา เบื้องต้นมุ่งเน้นการเปิดสาขาในห้างสรรพสินค้าและโมเดิร์นเทรดชั้นนำในเขตกรุงเทพ ปริมณฑล และหัวเมืองขนาดใหญ่ เพื่อให้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายของร้านได้อย่างหลากหลาย ซึ่งบริษัทเชื่อว่าจะมีกระแสตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้า เนื่องจากผลิตภัณฑ์มีคุณภาพดี ราคาจับต้องได้ มีสินค้าให้เลือกใช้งานจำนวนมากเพื่อตอบสนองการใช้ชีวิตประจำวันของคนไทยให้สะดวกสบายยิ่งขึ้น
“Can Do เป็นร้านขายปลีกสินค้าทั้งร้านในราคา 100 เยน ซึ่งมีต้นกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น โดยมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ในอันดับต้น ๆ รวมถึงมีสาขาในญี่ปุ่นไม่ต่ำกว่า 970 สาขา นอกจากนี้ยังถือเป็นครั้งแรกที่ทาง Can Do มีการขยายธุรกิจสู่ต่างประเทศ ซึ่งภายหลังจากที่ ECF เกิดความสนใจและได้เข้าไปเจรจาเพื่อแสดงความพร้อมในด้านต่าง ๆ จนทาง Can Do เกิดความเชื่อมั่นในศักยภาพ ความเชี่ยวชาญในการดำเนินธุรกิจ ในที่สุดจึงเกิดเป็นการตัดสินใจที่จะดำเนินธุรกิจร่วมกันเป็นที่มาในการลงนามสัญญาแฟรนไชส์ในครั้งนี้” นายอารักษ์ กล่าว
สำหรับผลิตภัณฑ์ที่วางจำหน่ายในร้าน Can Do ครอบคลุมตั้งแต่ของใช้ภายในบ้าน สินค้าเพื่อความงาม ภาชนะบรรจุอาหาร อุปกรณ์ทำความสะอาด อุปกรณ์เครื่องเขียน งานฝีมือ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิคส์ กล่อง ตระกร้าใส่ของ สินค้าเทศกาล ฯลฯ โดยแต่ละร้านจะมีสินค้าให้เลือกซื้อนับหมื่นรายการ
ส่วนภาพรวมการดำเนินงานของ ECF ในปีนี้ เชื่อมั่นว่ารายได้จากการขายจะเพิ่มสูงขึ้นจากปีที่ผ่านมา โดยคาดว่ารายได้จะเติบโตอยู่ที่ประมาณ1.3 พันล้านบาท ขณะที่งวด 9 เดือน ปี 2558 บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 981.77 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 924.19 ล้านบาท หรือปรับตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 4.64% และมีกำไรสุทธิ 54.98 ล้านบาท ปัจจัยหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของยอดขายเฟอร์นิเจอร์ในประเทศ ซึ่งยังมีกำลังซื้อที่ดีอย่างต่อเนื่อง ทั้งยอดขายที่เพิ่มขึ้นตามการเติบโตของสาขาที่เพิ่มขึ้นในกลุ่มลูกค้าโมเดิร์นเทรด อาทิ เทสโก้ โลตัส โฮมโปร บิ๊กซี เมกาโฮม ไทวัสดุ
“บริษัทมีแผนสร้างการเติบโตในธุรกิจเฟอร์นิเจอร์อย่างต่อเนื่อง ในปี 59 ตั้งเป้ารักษาการเติบโตของรายได้ไว้ไม่ต่ำกว่า 12% มีแผนขยายสาขาของแบรนด์ ELEGA และ FINNA HOUSE เพิ่มเติม ตลอดจนขยายช่องทางจำหน่ายในโมเดิร์นเทรด และเพิ่มคำสั่งซื้อจากลูกค้าในตลาดต่างประเทศด้วยเช่นกัน ทั้งนี้การเติบโตของรายได้ดังกล่าวยังไม่นับรวมรายได้ของธุรกิจใหม่ที่เกิดจาก ECFH ทั้งในส่วนของธุรกิจ Can Do และธุรกิจด้านพลังงานทดแทน” นายอารักษ์ กล่าว
Mr.Hideo Moriya กล่าว เหตุผลของการจับมือทางธุรกิจร่วมกันกับ ECFH เนื่องจาก- ECF เป็นพันธมิตรที่ดีที่สุดในเมืองไทย ในแง่ของประสบการณ์ในการบริหารจัดการธุรกิจ
- ECF มีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งในการขยายธุรกิจให้มีการเจริญเติบโต
- ทีมงานของ ECF มีความเป็นมืออาชีพ
- ตลาดธุรกิจค้าปลีกในประเทศไทย มีความน่าสนใจเป็นอย่างมาก มองว่าจะมีการเติบโตที่ดีมีเศรษฐกิจที่ดีเมื่อเทียบกับการเติบโตที่ญี่ปุ่น
- คนไทยมีความชอบในสินค้า ราคาเดียว ( One Price Store)
- ชาวต่างชาติที่เดินทางไปเที่ยวที่ประเทศญี่ปุ่น ในปี 2014 มีจำนวน 20ล้านคน ซึ่ง7%เป็นคนไทยที่เดินทางไปเที่ยวที่ญี่ปุ่น และชอบเข้าไปช็อปปิ้งในร้านที่เป็นรูปแบบ Discount Store /One Price Store เพราะฉะนั้น ก็มองว่าศักยภาพตลาดไทยก็จะนิยมสินค้าราคาเดียวเป็นอย่างมาก
- เมื่อเปรียบเทีบกับคู่แข่ง CANDO เป็นสินค้าที่ถูกเลือกสรร สินค้ามีความโดดเด่นในด้านของคุณภาพและดีไซน์ สามารถเข้าถึง Japanese Style อย่างแท้จริง
- การขยายธุรกิจ แฟรนไชน์ของ CANDO ในStepแรก จะเริ่มจากการขยายมาประเทศไทยเป็นประเทศแรก 2 มองโกเลีย 3 เวียดนาม ซึ่งในสามประเทศแรกเราได้มีการเซ็นต์สัญญากันเรียบร้อยแล้ว ส่วนประเทศที่ยังอยู่ระหว่างการเจรจาประกอบด้วย ไต้หวัน ฮ่องกง จีน ซึ่งแต่ละประเทศก็มีความพร้อม มีทีมงานที่มีประสบการณ์และมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งที่พร้อมจะดำเนินธุรกิจได้
Can Do คือ รูปแบบร้านค้าที่ขายสินค้าในราคา 100 เยน ทั้งร้าน มีต้นกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น ก่อตั้งโดย Can Do CO.,LTD. เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์โตเกียว (Tokyo Stock Exchange) มีสำนักงานใหญ่ ตั้งอยู่ในย่านชินจูกุ โตเกียว ข้อมูลล่าสุด Can Do มีสาขาทั่วญี่ปุ่นไม่ต่ำกว่า 970 สาขา และมีรายได้ ไม่ต่ำกว่า 63,484 ล้านเยน
ทาง บริษัท อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค จำกัด (มหาชน) หรือ ECF โดยคุณอารักษ์ สุขสวัสดิ์ กรรมการผู้จัดการ ได้มีความสนใจในธุรกิจร้านค้า 100 เยน ในญี่ปุ่น จึงได้เริ่มสำรวจธุรกิจประเภทนี้ทุกร้าน ทุกแบรนด์ จนในที่สุดเกิดความประทับใจต่อร้าน Can Do จึงเป็นที่มาของความสนใจที่อยากจะขอซื้อแฟรนไชส์เพื่อมาดำเนินธุรกิจในประเทศไทย เพื่ออยากให้คนไทยได้ใช้สินค้าคุณภาพดีภายใต้แบรนด์ญี่ปุ่น ในราคาที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ จึงได้ติดต่อเข้าไปที่สำนักงานใหญ่ของ Can Do ในที่สุดจึงเกิดการตัดสินใจร่วมธุรกิจกัน
รูปแบบร้าน Can Do ในประเทศไทย คือ ร้านค้านำเข้าสินค้าคุณภาพดี ภายใต้แบรนด์ญี่ปุ่น ขายสินค้าทั้งร้านในราคา 60 บาท เรามีสินค้าให้เลือกซื้อนับหมื่นรายการ ครอบคลุมตั้งแต่ของใช้ภายในบ้าน สินค้าเพื่อความงาม ภาชนะบรรจุอาหาร อุปกรณ์ทำความสะอาด อุปกรณ์เครื่องเขียน งานฝีมือ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิคส์ กล่อง ตระกร้าใส่ของ สินค้าเทศกาล ฯลฯ
กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ครอบคลุมตั้งแต่กลุ่มวัยรุ่น นักศึกษา แม่บ้าน พ่อบ้าน วัยทำงาน เราตั้งเป้าหมายเปิดสาขาภายในสิ้นปี 2558 ไม่ต่ำกว่า 3 สาขา ได้แก่
- สาขาฟิวเจอร์ พาร์ค รังสิต ขนาดพื้นที่ 175 ตรม.
- สาขาซีคอนสแควร์ ขนาดพื้นที่ 120 ตรม.
- เดอะพาซิโอ พาร์ค กาญจนาภิเษก ขนาดพื้นที่ 130 ตรม.
นอกจากนี้ยังตั้งเป้าหมายการขยายสาขาภายในปี 2559 ไว้ที่จำนวนสาขาทั้งหมดไม่ต่ำกว่า 13 สาขา