ธปท. แจงปมแก้ กม. ทุนสำรอง ลุยหุ้นรองรับความเสี่ยง คลังชงตั้งกองทุนแข่งขัน
ธปท.แจงรื้อ พ.ร.บ.ธปท. เปิดทางทุนสำรองลงทุน ยันไม่ใช่การตั้งกองทุนเพื่อความมั่งคั่ง ฟากชง ครม.เคาะ พ.ร.บ.เพิ่มขีดความสามารถลงทุน 10 อุตสาหกรรม วงเงินหมื่นล้านบาท
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานว่า ตามที่ได้มีกระแสข่าวแสดงความห่วงใยในการที่ ธปท.เสนอแก้ไข พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ธปท.เพื่อขยายขอบเขตการลงทุนของเงินสำรองระหว่างประเทศให้รวมตราสารทุนได้นั้น เพื่อให้มีความเข้าใจที่ถูกต้อง ธปท.ขอชี้แจงรายละเอียดเพิ่มเติม ดังนี้ 1.การเสนอเพิ่มประเภทของสินทรัพย์ให้รวมถึงตราสารทุนเป็นการขยายขอบเขตการบริหารเงินสำรองระหว่างประเทศให้ครอบคลุมหลักทรัพย์ที่กว้างขึ้นกว่าที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการและการบริหารความเสี่ยงของเงินสำรองระหว่างประเทศ ทั้งนี้ ไม่ใช่การเสนอจัดตั้งกองทุนเพื่อความมั่งคั่ง (Sovereign Wealth Fund) ที่มุ่งแสวงหาประโยชน์ตอบแทนในระยะยาวจากการลงทุนในหุ้นและสินทรัพย์อื่นที่หลากหลายกว่ามากในการบริหารเงินสำรองระหว่างประเทศนั้น ธปท.จะต้องให้ความสำคัญกับสภาพคล่องของการลงทุน เพราะเงินสำรองระหว่างประเทศจะต้องมีความพร้อมที่จะนำมาใช้ได้ตลอดเวลา 2.การวางแผนขยายขอบเขตการลงทุนให้ครอบคลุมถึงตราสารทุนนี้เป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับอนาคต เพื่อให้ ธปท.มีเครื่องมือในการบริหารความเสี่ยงเพิ่มขึ้น เนื่องจากตลาดการเงินโลกจะมีความผันผวนสูงขึ้น 3.การลงทุนในตราสารทุนจะเป็นเพียงส่วนน้อยของเงินสำรองระหว่างประเทศ และจะเป็นการลงทุนเฉพาะในบัญชีของธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นบัญชีที่มีไว้เพื่อรองรับความผันผวนของเงินทุนเคลื่อนย้ายระหว่างประเทศ มิได้เกี่ยวข้องกับบัญชีทุนสำรองเงินตราที่มีไว้เพื่อหนุนหลังการออกธนบัตรแต่อย่างใด 4.ในการบริหารเงินสำรองระหว่างประเทศนั้น จะมีการติดตามและประเมินผลเป็นระยะๆ โดยมีการรายงานผลการบริหารและความเสี่ยงของการลงทุนต่อคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย และ 5.ในการบริหารเงินสำรองระหว่างประเทศ ธนาคารกลางหลายแห่งได้ลงทุนในตราสารทุนมาเป็น ระยะเวลาหนึ่งแล้ว อาทิ ธนาคารกลางมาเลเซีย ฮ่องกง เกาหลีใต้ อิสราเอล สวิตเซอร์แลนด์ เนเธอร์แลนด์ และนอร์เวย์ เป็นต้น ด้าน นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ในวันที่ 15 ธ.ค.2558 คณะรัฐมนตรี (ครม.) จะพิจารณาพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กองทุนเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย วงเงิน 1 หมื่นล้านบาท ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ซึ่งเป็นนโยบายเร่งด่วน คาดว่าจะเข้าสู่การพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และมีผลบังคับใช้ในไม่ช้านี้ สำหรับกองทุนที่ตั้งขึ้นจะให้แรงจูงใจนักลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย 10 อุตสาหกรรม ที่รัฐบาลประกาศไปก่อนหน้านี้ รวมถึงอุตสาหกรรมอื่นๆ หากเห็นว่ามีความจำเป็น โดยกองทุนจะให้แรงจูงใจนักลงทุน ทั้งการให้เงินเปล่า และยังสามารถให้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำแก่นักลงทุนกลุ่มเป้าหมาย ขณะเดียวกัน กองทุนยังสามารถพิจารณาการสนับสนุนอื่นได้อีกมาก เช่น การลดภาษีให้กับผู้ที่เข้ามาทำงาน ซึ่งกองทุนจะมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และมีอนุกรรมการเจรจา มีปลัดอุตสาหกรรมเป็นประธาน กับภาคอุตสาหกรรมเป้าหมายที่ต้องการให้มาลงทุน และเมื่อได้ผลการเจรจาต้องส่งให้กรรมการของกองทุนเป็นผู้อนุมัติ.
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานว่า ตามที่ได้มีกระแสข่าวแสดงความห่วงใยในการที่ ธปท.เสนอแก้ไข พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ธปท.เพื่อขยายขอบเขตการลงทุนของเงินสำรองระหว่างประเทศให้รวมตราสารทุนได้นั้น เพื่อให้มีความเข้าใจที่ถูกต้อง ธปท.ขอชี้แจงรายละเอียดเพิ่มเติม ดังนี้ 1.การเสนอเพิ่มประเภทของสินทรัพย์ให้รวมถึงตราสารทุนเป็นการขยายขอบเขตการบริหารเงินสำรองระหว่างประเทศให้ครอบคลุมหลักทรัพย์ที่กว้างขึ้นกว่าที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการและการบริหารความเสี่ยงของเงินสำรองระหว่างประเทศ ทั้งนี้ ไม่ใช่การเสนอจัดตั้งกองทุนเพื่อความมั่งคั่ง (Sovereign Wealth Fund) ที่มุ่งแสวงหาประโยชน์ตอบแทนในระยะยาวจากการลงทุนในหุ้นและสินทรัพย์อื่นที่หลากหลายกว่ามากในการบริหารเงินสำรองระหว่างประเทศนั้น ธปท.จะต้องให้ความสำคัญกับสภาพคล่องของการลงทุน เพราะเงินสำรองระหว่างประเทศจะต้องมีความพร้อมที่จะนำมาใช้ได้ตลอดเวลา 2.การวางแผนขยายขอบเขตการลงทุนให้ครอบคลุมถึงตราสารทุนนี้เป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับอนาคต เพื่อให้ ธปท.มีเครื่องมือในการบริหารความเสี่ยงเพิ่มขึ้น เนื่องจากตลาดการเงินโลกจะมีความผันผวนสูงขึ้น 3.การลงทุนในตราสารทุนจะเป็นเพียงส่วนน้อยของเงินสำรองระหว่างประเทศ และจะเป็นการลงทุนเฉพาะในบัญชีของธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นบัญชีที่มีไว้เพื่อรองรับความผันผวนของเงินทุนเคลื่อนย้ายระหว่างประเทศ มิได้เกี่ยวข้องกับบัญชีทุนสำรองเงินตราที่มีไว้เพื่อหนุนหลังการออกธนบัตรแต่อย่างใด 4.ในการบริหารเงินสำรองระหว่างประเทศนั้น จะมีการติดตามและประเมินผลเป็นระยะๆ โดยมีการรายงานผลการบริหารและความเสี่ยงของการลงทุนต่อคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย และ 5.ในการบริหารเงินสำรองระหว่างประเทศ ธนาคารกลางหลายแห่งได้ลงทุนในตราสารทุนมาเป็น ระยะเวลาหนึ่งแล้ว อาทิ ธนาคารกลางมาเลเซีย ฮ่องกง เกาหลีใต้ อิสราเอล สวิตเซอร์แลนด์ เนเธอร์แลนด์ และนอร์เวย์ เป็นต้น ด้าน นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ในวันที่ 15 ธ.ค.2558 คณะรัฐมนตรี (ครม.) จะพิจารณาพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กองทุนเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย วงเงิน 1 หมื่นล้านบาท ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ซึ่งเป็นนโยบายเร่งด่วน คาดว่าจะเข้าสู่การพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และมีผลบังคับใช้ในไม่ช้านี้ สำหรับกองทุนที่ตั้งขึ้นจะให้แรงจูงใจนักลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย 10 อุตสาหกรรม ที่รัฐบาลประกาศไปก่อนหน้านี้ รวมถึงอุตสาหกรรมอื่นๆ หากเห็นว่ามีความจำเป็น โดยกองทุนจะให้แรงจูงใจนักลงทุน ทั้งการให้เงินเปล่า และยังสามารถให้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำแก่นักลงทุนกลุ่มเป้าหมาย ขณะเดียวกัน กองทุนยังสามารถพิจารณาการสนับสนุนอื่นได้อีกมาก เช่น การลดภาษีให้กับผู้ที่เข้ามาทำงาน ซึ่งกองทุนจะมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และมีอนุกรรมการเจรจา มีปลัดอุตสาหกรรมเป็นประธาน กับภาคอุตสาหกรรมเป้าหมายที่ต้องการให้มาลงทุน และเมื่อได้ผลการเจรจาต้องส่งให้กรรมการของกองทุนเป็นผู้อนุมัติ.
ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก : ธปท. แจงปมแก้ กม. ทุนสำรอง ลุยหุ้นรองรับความเสี่ยง คลังชงตั้งกองทุนแข่งขัน
Discussion
Follow breaking news Investment property articles on Facebook, click here.