โดย ดร.วิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.วรรณ Dr.win@one-asset.com วันที่ 19 ธันวาคม 2558 ภาพเความกังวลเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดคลี่คลายลง หลังมีการประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระดับ 0.25 - 0.50% ตามคาดการณ์ ซึ่งหมายถึงการส่งสัญญาณของเฟดว่าการขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะเป็นอย่างค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งผมมองว่า ปัจจัยการลงทุนที่มีความชัดเจนจะทำให้นักลงทุนมีความมั่นใจเข้าลงทุนเพิ่มขึ้น แม้ว่าที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยจะเผชิญกับแรงขายจากนักลงทุนต่างชาติมาตลอด 3 ปีที่ และ YTD ( ข้อมูล ณ วันที่ 16 ธ.ค.58) นักลงทุนต่างชาติมีสถานะขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยประมาณ 1.33 แสนล้านบาท แต่แรงขายที่เกิดขึ้น ทำให้ผมมองว่า Downside Risk จะเป็นไปอย่างจำกัดมากขึ้น และมีความเป็นไปได้สูงที่นักลงทุนต่างชาติจะมีสถานะพลิกกลับมาเป็นผู้ซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทยในปี 2559 หลังทิศทางอัตราดอกเบี้ยมีความชัดเจน และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่รัฐบาลของหลายๆประเทศในกลุ่มกำลังพัฒนา (Emerging Market) ได้นำออกมาใช้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งจะทำให้ในระบบยังคงมีสภาพคล่องอยู่อีกมาก ซึ่งจะเอื้อต่อการลงทุนในตลาดหุ้นที่ยังคงได้รับผลดีในช่วงเศรษฐกิจที่กำลังฟื้นตัว สำหรับประเทศไทยผมมองว่าหาก Road Map จากภาครัฐบาลสามารถสะท้อนให้เห็นถึงตัวเลข GDP ของเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มการฟื้นได้จริง ประกอบกับปัจจัยทางการเมืองเกี่ยวกับความคืบหน้าการเลือกตั้งชัดเจนขึ้นในช่วงกลางปีหน้า กระแสเงินทุนจากนักลงทุนต่างชาติมีโอกาสไหลกลับมา เนื่องจากปัจจัยเหล่านี้จะเสริมความมั่นใจเข้าลงทุนในตลาดหุ้นไทย
นอกจากนี้ ระดับราคา หุ้นไทย ที่ลดลงต่ำกว่าระดับ 1,300 จุด ทำให้ค่าระดับ P/E ของตลาดหุ้นไทยอยู่ในระดับต่ำเพียง 12.6 เท่า ซึ่งต่ำกว่าเมื่อเทียบกับตลาดประเทศเพื่อนบ้าน ขณะที่แนวโน้มการเติบโตของกำไรสุทธิปีหน้าอยู่ที่ระดับ 16.45% และอัตราการจ่ายเงินปันผลของหุ้นไทยอยู่ที่ระดับ 3.61% ถือว่าเป็นระดับที่น่าสนใจ และจากการลงทุนของภาครัฐบาลประกอบกับแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลก ทำให้หุ้นกลุ่ม Domestic Play อาทิ กลุ่มวัสดุก่อสร้าง รับเหมาก่อสร้าง ท่องเที่ยว การแพทย์ ขนส่งและโลจิสติกส์ เริ่มเป็นที่น่าสนใจลงทุน แต่ยังคงต้องพิจารณาลงทุนเป็นรายตัว โดยเน้นตัวที่มีปัจจัยพื้นฐานจากกำไรและมูลค่าหุ้นที่ยังอยู่ในระดับต่ำเป็นหลัก ทั้งนี้ ในปีหน้าแนวโน้มหุ้นขนาดกลาง - เล็กในรายตัวจะมีความโดดเด่นขึ้น โดยหากพิจารณาในแง่มุมกำไรต่อหุ้นและราคาหุ้น นับว่ามีความน่าสนใจทยอยสะสมเข้าพอร์ตการลงทุน โดยเฉพาะในช่วงที่ดัชนีย่อตัวลง ในขณะที่หุ้นขนาดใหญ่ยังมีปัจจัยแวดล้อมกดดันอยู่บ้าง อาทิ แนวโน้มการตั้งสำรองของธนาคารพาณิชย์ ทิศทางของราคาน้ำมันในตลาดโลก เป็นต้น อย่างไรก็ดี สำหรับผู้ลงทุนที่สนใจ เกี่ยวกับการจัดพอร์ตการลงทุน หลังเฟดขึ้นอัตราดอกเบี้ย เพื่อเตรียมความพร้อมด้านการลงทุนของปี 2559 ในสัปดาห์หน้าลองมาคุยกันครับ •นักลงทุนสามารถสอบถามเพิ่มเติมและขอรับร่างหนังสือชี้ชวนได้ที่ฝ่ายบริการลูกค้าและสนับสนุนธุรกิจที่หมายเลข 02-659-8888 ต่อ 1 ครับ •“ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน” ขอขอบคุณข้อมูล จาก : manager.co.th