ศูนย์วิจัยกสิกรไทย
  • ตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยยังเป็นความหวังในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในปี 2559 ภายใต้บรรยากาศภายในประเทศไทยและสถานการณ์ในต่างประเทศที่ยังไม่เปลี่ยนแปลง ตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยน่าจะยังสามารถเติบโตได้ดี โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า ตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยในปี 2559 นั้น จะมีจำนวนประมาณ 31.40-32.27 ล้านคน เติบโตประมาณร้อยละ 5.0-8.0 ชะลอลงจากที่เติบโตประมาณร้อยละ 20.4 ในปี 2558 ที่ผ่านมา แต่การเติบโตของตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทย ยังมีปัจจัยเสี่ยงระหว่างทางในปี 2559 อาทิ สถานการณ์เศรษฐกิจในแต่ละประเทศ ปัญหาการเมืองระหว่างประเทศ และปัญหาการก่อการร้าย รวมถึงการแข่งขันของภาคการท่องเที่ยวระหว่างประเทศ เป็นต้น
  • ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เห็นว่า การที่ภาครัฐมีนโยบายที่จะเน้นนักท่องเที่ยวต่างชาติกลุ่มคุณภาพ และการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวให้กระจายไปสู่ชุมชนในท้องถิ่น นับเป็นนโยบายที่ดีที่จะช่วยเพิ่มรายได้ให้แก่การท่องเที่ยวของไทย อย่างไรก็ดี การที่จะดึงตลาดกลุ่มคุณภาพควรมีการวางตำแหน่งประเทศไทยให้ชัดเจน และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้านการท่องเที่ยวให้มีมาตรฐานเพื่อที่จะตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มนี้ ขณะเดียวกัน ภาครัฐควรมีแนวทางส่งเสริมการกระจายเม็ดเงินรายได้จากการท่องเที่ยวไปสู่ชุมชนและผู้ประกอบการในท้องถิ่นให้มากยิ่งขึ้น อาทิ การจัดตั้งศูนย์จำหน่ายสินค้าโอทอป (OTOP) ท้องถิ่นที่ได้มาตรฐานและอาจเป็นในลักษณะปลอดภาษี (Duty Free OTOP) หรือการให้ขอคืนภาษี (VAT) ได้ในกรณีซื้อสินค้ากับร้านค้าที่จดทะเบียนอย่างถูกต้อง เป็นต้น
ปี 2558 ที่ผ่านมา นับเป็นปีที่ดีของภาคการท่องเที่ยวไทย ด้วยนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามา

ในไทยเป็นจำนวนมากถึง 29.88 ล้านคน หรือเติบโตประมาณร้อยละ 20.4 จากที่หดตัวร้อยละ 6.6 ในปี 2557 ซึ่งน่าจะทำให้ประเทศไทยสามารถกลับขึ้นไปติดอันดับ 1 ใน 10 ประเทศที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวสูงสุดในโลกอีกครั้ง ภายหลังจากที่ในปี 2557 ต้องตกลงมาอยู่อันดับที่ 11 ของโลก เนื่องจากเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมืองในประเทศ ทั้งนี้ การฟื้นตัวอย่างรวดเร็วของตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในไทยนั้น สะท้อนให้เห็นได้ว่า ประเทศไทยยังเป็นจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวต่างชาติหลายๆ ประเทศ ประกอบกับการที่ภาครัฐให้ความสำคัญต่อการดูแลภาคการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นเพียงเครื่องจักรที่สำคัญที่เหลืออยู่ไม่กี่ตัวในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย

ในปี 2558 อย่างจริงจัง ทั้งในด้านของการทำการตลาดและเมื่อเกิดสถานการณ์หรือเหตุการณ์อันส่งผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินของนักท่องเที่ยวต่างชาติ

ทั้งนี้ เป็นที่ทราบกันดีว่า ตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยในปี 2558 ที่เติบโตอย่างโดดเด่นนั้น หลักๆแล้วมาจากนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยมากเป็นประวัติการณ์ ซึ่งมีจำนวนใกล้แตะ 8 ล้านคน และมีสัดส่วนประมาณร้อยละ 27.0 ของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมดที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในไทย เพิ่มขึ้นจากค่าเฉลี่ยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ที่มีสัดส่วนเพียงร้อยละ 12.9 ขณะที่นักท่องเที่ยวต่างชาติจากประเทศอื่นๆ ก็ทยอยกลับเข้ามาท่องเที่ยวในไทย อย่างไรก็ตาม ตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติบางกลุ่มยังไม่ฟื้นตัว ซึ่งส่วนมากจะมีสาเหตุจากปัจจัยเศรษฐกิจในประเทศของตน อาทิ นักท่องเที่ยวชาวรัสเซีย นักท่องเที่ยวจากภูมิภาคยุโรปเหนืออย่างประเทศในกลุ่มสแกนดิเนเวีย กลุ่มยุโรปตะวันออก และจากประเทศออสเตรเลีย เป็นต้น

แน่นอนว่าด้วยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาเป็นจำนวนมากในปี 2558 ได้สร้างความท้าทายต่อเป้าหมายของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี 2559 ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ได้วิเคราะห์แนวโน้มตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยปี 2559 ดังนี้

ปี 2559 ตลาดต่างชาติเที่ยวไทยยังคงเติบโต... แรงหนุนยังมาจากตลาดเอเชีย

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า ตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยในปี 2559 ยังเติบโตได้ แม้อัตราการเติบโตอาจจะชะลอลงมาอยู่ที่ตัวเลขหนึ่งหลักก็ตาม แต่ในด้านจำนวนก็ยังนับว่าเป็นตัวเลขที่สูง สำหรับแรงหนุนที่จะช่วยขับเคลื่อนตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี 2559 มาจากบรรยากาศทั้งในประเทศและต่างประเทศที่ยังเอื้อต่อการเดินทางท่องเที่ยว ประกอบกับแรงหนุนจากการทำกิจกรรมการตลาดอย่างต่อเนื่องของหน่วยงานภาครัฐ รวมถึงการที่รัฐบาลได้วางยุทธศาสตร์ให้ไทยเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวทางน้ำ หรือ Marina Hub ของภูมิภาคอาเซียน ซึ่งภาครัฐได้เร่งผลักดันการลงทุนในส่วนของโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ท่าเรือ ในจังหวัดหัวเมืองท่องเที่ยวทางน้ำ อาทิ ภูเก็ต กระบี่ และสุราษฎร์ธานี เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีการใช้จ่ายซื้อสูง

นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยด้านอื่นๆ อาทิ การแข่งขันของภาคธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง อย่างธุรกิจสายการบินโลก ที่มีการแข่งขันรุนแรงอย่างมาก โดย ณ ขณะนี้ ผู้ประกอบการสายการบินต่างชาติ เข้ามารุกตลาดในฝั่งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก รวมถึงประเทศไทยมากขึ้น เนื่องจากมองเห็นโอกาสการเติบโตของการเดินทางท่องเที่ยวในภูมิภาคนี้

โดยล่าสุด การขยายเส้นทางการบินของสายการบินทั้งสายการบินต้นทุนต่ำระยะไกลจากฝั่งยุโรป และสายการบินที่ให้บริการเต็มรูปแบบ โดยเฉพาะสายการบินจากประเทศทางภูมิภาคตะวันออกกลาง ประกอบกับการที่ราคาน้ำมันยังทรงตัวอยู่ระดับต่ำ ทำให้ธุรกิจสายการบินยังสามารถแข่งขันด้านราคา และมีส่วนช่วยหนุนจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาประเทศไทย

ตลาดภูมิภาคเอเชียตะวันออกยังเป็นตลาดหลักในการผลักดันการเติบโตของตลาดท่องเที่ยวไทย โดยตลาดนักท่องเที่ยวจากประเทศในภูมิภาคเอเชียยังคงเป็นตลาดหลักซึ่งมีสัดส่วนกว่าร้อยละ 60 ของตลาดรวม สำหรับทิศทางของตลาดนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้คาดว่าจะขยายตัวได้ดี โดยมีกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนที่ยังเติบโต อันเป็นผลจากการทำการตลาดทั้งจากฝั่งผู้ประกอบการในประเทศจีนและชาวจีนที่เข้ามาทำธุรกิจในไทย เช่น บริษัทนำเที่ยวขยายตลาดเข้ามายังประเทศไทย และธุรกิจสายการบินของจีนขยายเส้นทางการบินมายังหัวเมืองท่องเที่ยวต่างๆ ของไทย นอกจากนี้

จากการที่ทางผู้ประกอบการจีนได้เข้ามาขยายฐานธุรกิจในไทยเพิ่มขึ้นนั้น ยังเป็นปัจจัยหนุนต่อที่ทำให้นักท่องเที่ยวจีนยังเติบโต อีกทั้งเมื่อเปรียบเทียบประเทศไทยกับประเทศคู่แข่งอย่างประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นประเทศที่นักท่องเที่ยวจีนนิยมเดินทางไปท่องเที่ยว ประเทศไทยน่าจะยังเป็นปลายทางท่องเที่ยวอันดับ 1 ของนักท่องเที่ยวจีนในปี 2559 ด้วยสัดส่วนจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาประเทศไทยที่มีจำนวนสูงกว่าเท่าตัวในปีที่ผ่านมา

อย่างไรก็ดี ยังคงต้องติดตามพัฒนาการของเศรษฐกิจจีน ซึ่งเริ่มต้นปี 2559 ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นจีนต้องเผชิญกับปัญหาอีกครั้ง โดยปรับตัวลดลงรุนแรงต่อเนื่องตั้งแต่เปิดทำการซื้อขายวันแรกของปี 2559 ซึ่งเป็นประเด็นที่อาจจะมีผลต่อความมั่งคั่งของประชาชนบางกลุ่ม อีกทั้งยังอาจส่งผลกระทบต่อตลาดนักท่องเที่ยวกลุ่มไมซ์ (Meetings, Incentives, Conventions and Exhibitions: MICE) โดยเฉพาะกลุ่มท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัลที่ในปีที่ผ่านมีหลายองค์กรของจีนมีการจัดงานลักษณะนี้อย่างเข้มข้น ทั้งนี้ ด้วยจำนวนนักท่องเที่ยวจากจีนในปี 2558 ที่มีจำนวนที่สูงเกือบถึง 8 ล้านคนนั้น จึงเป็นความท้าทายอย่างมากในการที่จะรักษาระดับจำนวนของนักท่องเที่ยวให้เพิ่มขึ้นในปี 2559 เนื่องด้วยนักท่องเที่ยวจีนมีสัดส่วนที่สูง ซึ่งหากจำนวนนักท่องเที่ยวจีนเดินทางมาไทยลดลงก็อาจจะมีผลต่อเป้าหมายการเติบโตของนักท่องเที่ยวต่างชาติปี 2559 ได้

ขณะที่ตลาดนักท่องเที่ยวหลักอื่นๆ อาทิ นักท่องเที่ยวกลุ่มมาเลเซีย ซึ่งเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาท่องเที่ยวในไทยมากเป็นอันดับ 2 นั้น คาดว่าจะยังคงขยายตัวได้ ประเทศไทยยังเป็นประเทศปลายทางท่องเที่ยวอันดับต้นๆ ของนักท่องเที่ยวมาเลเซีย แต่ยังต้องติดตามพัฒนาการด้านเศรษฐกิจของมาเลเซีย ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อเนื่องมายังการท่องเที่ยวได้ นอกจากนี้ กลุ่มนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ยังขยายตัวต่อเนื่อง

อีกหนึ่งแรงหนุน คือ ตลาดนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคยุโรป โดยแนวโน้มของตลาดนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคยุโรปในปี 2559 นั้น น่าจะดีขึ้นต่อเนื่องและคาดว่าภาพรวมนักท่องเที่ยวยุโรปจะสามารถกลับมาขยายตัวเป็นบวกได้ที่ประมาณร้อยละ 3.0 จากที่หดตัวประมาณร้อยละ 8.7 ในปี 2558 ที่ผ่านมา โดยตลาดที่คาดว่าจะยังคงเติบโตในกลุ่มนี้น่าจะเป็นนักท่องเที่ยวจากกลุ่มยุโรปใต้ เช่น สเปน อิตาลีและฝรั่งเศส เป็นต้น เช่นเดียวกับนักท่องเที่ยวกลุ่มยุโรปตะวันตก เช่น เยอรมนีและสหราชอาณาจักร เป็นต้น

จากปัจจัยแวดล้อมข้างต้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า ภาพรวมทั้งปี 2559 จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในไทยจำนวน 31.40-32.27 ล้านคน เติบโตที่ร้อยละ 5.0-8.0 เมื่อเทียบกับปี 2558 (ที่ขยายตัวประมาณร้อยละ 20.4)

อย่างไรก็ดี ทิศทางตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี 2559 ยังคงอยู่ท่ามกลางปัจจัยเสี่ยงที่อาจมีผลต่อการเติบโต และมีนัยสำคัญต่อผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวและเกี่ยวเนื่องในประเทศ ไม่ว่าจะเป็นประเด็นเศรษฐกิจในประเทศที่เป็นตลาดสำคัญของไทย ปัจจัยด้านภูมิรัฐศาสตร์ ปัญหาภัยก่อการร้าย รวมถึงการแข่งขันด้านการท่องเที่ยวระหว่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันการท่องเที่ยวได้กลายมาเป็นกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่รัฐบาลแต่ละประเทศให้ความสำคัญในการที่จะใช้เป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สำหรับกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติที่อาจได้รับผลกระทบจากความเสี่ยงดังกล่าว อาทิ นักท่องเที่ยวจากยุโรปตะวันออก และรัสเซียซึ่งน่าจะยังไม่สามารถกลับมาฟื้นตัวได้ในปีนี้ ขณะที่กลุ่มนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคตะวันออกกลาง คงต้องติดตามสถานการณ์ราคาน้ำมันที่จะกระทบความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจ และปัญหาความไม่สงบทั้งในและระหว่างประเทศ สำหรับนักท่องเที่ยวจากประเทศในภูมิภาคตะวันออกกลาง แม้จะมีสัดส่วนประมาณร้อยละ 2.4 ของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด แต่เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีค่าใช้จ่ายต่อหัวที่ค่อนข้างสูง โดยตลาดกลุ่มนี้ส่วนใหญ่เดินทางมายังประเทศไทยเพื่อรับบริการทางการแพทย์ ซึ่งความเสี่ยงดังกล่าวเริ่มสะท้อนให้เห็นจากจำนวนนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้บางประเทศชะลอลงในช่วง 2-3 เดือนสุดท้ายของปี 2558 ที่ผ่านมา ดังนั้น ผู้ประกอบการธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องที่เน้นทำตลาดกลุ่มนี้คงต้องติดตามสถานการณ์และเตรียมตัวพร้อมรับสถานการณ์ที่อาจเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา

โดยสรุป สำหรับทิศทางตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติ ในปี 2559 แม้คาดว่าจะยังมีโอกาสที่จะเติบโตได้ แต่ก็ยังมีความเสี่ยงที่ต้องจับตาที่อาจจะกระทบต่อการเติบโตของนักท่องเที่ยวและมีผลต่อเนื่องมายังรายได้ของภาคการท่องเที่ยว ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เห็นว่า การดำเนินนโยบายด้านการท่องเที่ยวที่จะเน้นกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพ อาทิ กลุ่มนักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ กลุ่มนักท่องเที่ยวสันทนาการและกีฬา

นับว่าเป็นนโยบายที่ดี เนื่องจากนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่มีการใช้จ่ายต่อทริปที่สูง อย่างไรก็ดี เห็นว่าการที่จะดึงตลาดกลุ่มคุณภาพควรมีการวางตำแหน่งประเทศไทยให้ชัดเจน และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้านการท่องเที่ยวให้มีมาตรฐานที่จะตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มนี้ และเป็นการลดการพึ่งพิงนักท่องเที่ยวกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งมากเกินไป

นอกจากนี้ ภาครัฐควรมีแนวทางส่งเสริมและกระตุ้นการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวให้กระจายไปสู่ชุมชนและผู้ประกอบการในท้องถิ่นให้มากยิ่งขึ้น ทั้งนี้เนื่องจากที่ผ่านมา การเติบโตของนักท่องเที่ยวต่างชาติก่อให้เกิดโอกาสการลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว ซึ่งไม่เพียงแต่โอกาสการลงทุนของผู้ประกอบการไทยเท่านั้น แต่นักลงทุนจากต่างชาติซึ่งเห็นโอกาสของการทำตลาด ได้เข้ามาขยายการลงทุนในธุรกิจท่องเที่ยวในไทย และในบางกรณีการเข้ามาทำธุรกิจของชาวต่างชาติได้ก่อให้เกิดการแข่งขันที่สูงต่อมายังผู้ประกอบการไทยในพื้นที่ท่องเที่ยว และนำมาซึ่งประเด็นเรื่องของการทำธุรกิจที่ไม่ได้มาตรฐาน ซึ่งส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยวของไทยและบางกรณีก็มีผลต่อเนื่องมายังการกระจายเม็ดเงินไปสู่ชุมชนและผู้ประกอบการในท้องถิ่น อย่างไรก็ดี ประเด็นดังกล่าวเป็นประเด็นที่ละเอียดอ่อน ซึ่งมีหลายภาคส่วนที่เกี่ยวเนื่อง โดยในเบื้องต้นทุกภาคส่วนควรมีการหารือร่วมกันเพื่อหาแนวทางแก้ไขควบคู่ไปกับการบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยหนึ่งในแนวทางแก้ไขเบื้องต้นอาจจะเป็นการขอความร่วมมือกับผู้ประกอบการธุรกิจต่างชาติที่เกี่ยวข้องในแนวทางการประกอบธุรกิจร่วมกัน

นอกจากนี้อาจจะมีการจัดตั้งสถานที่หรือศูนย์การค้าสำหรับสินค้าโอทอป (OTOP) ท้องถิ่นที่ได้มาตรฐาน หรือ ศูนย์การค้าสินค้าโอทอปแบบปลอดภาษี (Duty Free OTOP) หรือการรณรงค์ซื้อสินค้ากับร้านค้าที่จดทะเบียนอย่างถูกต้องและให้นักท่องเที่ยวสามารถขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ได้ เพื่อดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาใช้บริการ ซึ่งไม่เพียงแต่จะเป็นช่องทางสร้างรายได้ให้แก่คนไทยในแต่ละแหล่งท่องเที่ยวแล้ว ยังเป็นการยกระดับมาตรฐานของสินค้าและบริการด้วย

ขอบคุณข้อมูล จาก : ศูนย์วิจัยกสิกรไทย