ธนาคารกสิกรไทยปรับโฉมและย้ายสำนักงานผู้แทนโตเกียว สู่ที่ตั้งแห่งใหม่ย่านโทราโนมอนใกล้ศูนย์กลางธุรกิจและการเงิน เพื่อรองรับนักธุรกิจญี่ปุ่นสู่โอกาสทางธุรกิจจากการก้าวเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนอย่างเต็มรูปแบบ ให้บริการคำปรึกษาการค้าการลงทุน ตลอดจนแนะนำคู่ค้าที่มีศักยภาพเข้าสู่ประเทศต่างๆ ในภูมิภาคอาเซียนโดยมีประเทศไทยเป็นศูนย์กลาง พร้อมจัดกิจกรรมจับคู่ธุรกิจในทุกไตรมาส เพื่อผลักดันยอดจับคู่ธุรกิจให้แก่นักลงทุนญี่ปุ่นและไทยกว่า 500 คู่ธุรกิจ ในปี 2559

นายบัณฑูร ล่ำซำ ประธานกรรมการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า ประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีความสัมพันธ์อันดีด้านการลงทุนกับประเทศไทยมากว่า 60 ปี เห็นได้จากการจำนวนของนักลงทุนที่เข้ามากว่า 8,000 บริษัทในปัจจุบันและมีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินว่า ในปี 2559 นี้ จะมีมูลค่าเงินลงทุนโดยตรงจากนักลงทุนญี่ปุ่นเข้ามาในไทยที่ประมาณ 140,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นราว 12% จากปีที่ผ่านมา ทางธนาคารจึงให้ความสำคัญแก่นักลงทุนชาวญี่ปุ่นมาโดยตลอดด้วยการพัฒนาเครือข่ายบริการและพันธมิตรในประเทศญี่ปุ่นอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบัน ธนาคารกสิกรไทยได้มีการจับมือเป็นพันธมิตรกับสถาบันการเงินในประเทศญี่ปุ่น 29 แห่ง และหน่วยงานสาธารณะอีก 7 แห่ง ที่สนับสนุนด้านการค้าการลงทุนของญี่ปุ่นในต่างประเทศ (FDI) เพื่อนำเสนอบริการทางการเงินรูปแบบต่างๆ ให้แก่นักลงทุนจากประเทศญี่ปุ่นที่ต้องการเข้ามาลงทุนในประเทศไทย และอาเซียน

ล่าสุด ธนาคารกสิกรไทยได้ปรับโฉมและย้ายสำนักงานผู้แทนโตเกียว ไปยังที่ตั้งแห่งใหม่ที่ ชั้น 18 อาคารโทราโนมอน ฮิลล์ (Toranomon Hills) ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น อยู่ในย่านโทราโนมอน (Toranomon) ซึ่งอยู่ใกล้กับย่านคะซุมิงะเซะ กิ (Kasumigaseki) เขตการเมืองสำคัญที่เป็นที่ตั้งของรัฐสภาและศาลสูงของญี่ปุ่น นอกจากนี้ยังใกล้กับย่านมารุโนะอุจิ (Marunouchi) ที่เป็นศูนย์กลางทางการเงินและธุรกิจที่สำคัญของประเทศญี่ปุ่น เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่นักลงทุนชาวญี่ปุ่นที่ต้องการเข้ามาดำเนินธุรกิจในประเทศไทย โดยทำหน้าที่ให้คำปรึกษาแนะนำการลงทุนในประเทศไทย ขณะเดียวกันสำนักงานผู้แทนแห่งนี้ก็จะทำหน้าที่เป็นตัวแทนนักลงทุนไทยที่จะเข้ามาลงทุนในญี่ปุ่น ในการเป็นผู้ประสานงานกับหน่วยงานในประเทศญี่ปุ่น เพื่อผลักดันโครงการให้ประสบความสำเร็จ ด้วยทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญในด้านต่าง ๆ รวมถึงพื้นที่ภายในสำนักงานที่รองรับการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ที่สนับสนุนนักลงทุนญี่ปุ่น ประกอบด้วย การจัดสัมมนา กิจกรรมการจับคู่ทางธุรกิจ และการหาผู้ร่วมทุน

สำนักงานผู้แทนโตเกียว มีแผนการจัดกิจกรรมจับคู่ธุรกิจให้แก่นักลงทุนชาวญี่ปุ่นในทุกไตรมาส โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม อุปกรณ์ทางการแพทย์และยารักษาโรค รวมทั้งธุรกิจด้านสุขภาพและความงาม พร้อมตั้งเป้าสามารถจับคู่ธุรกิจให้ได้ 500 คู่ ในปี 2559 รวมถึงการเจรจาร่วมทุนระหว่างบริษัทญี่ปุ่นและบริษัทไทย ซึ่งกำลังอยู่ในระหว่างเจรจาอีก 5 คู่เจรจา ตอบรับการขยายตัวทางของตลาดจากการก้าวเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนอย่างเต็มรูปแบบ

ทั้งนี้ นอกจากการให้บริการในประเทศญี่ปุ่นแล้ว ธนาคารกสิกรไทยยังได้ยกระดับบริการในประเทศไทยอย่างต่อเนื่องเพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการญี่ปุ่นที่เป็นลูกค้าของธนาคารกว่า 3,700 ราย ด้วยการเตรียมบุคลากรที่เข้าใจภาษา และวัฒนธรรมญี่ปุ่น มาดูแลการให้บริการแก่ลูกค้าผู้ประกอบการชาวญี่ปุ่นในประเทศไทย เพื่อให้ลูกค้าได้รับความสะดวกในการใช้บริการของธนาคาร นอกจากนี้ยังได้จัดตั้งและพัฒนาสาขา Japanese Friendly Branch บริการ Call Center เครื่อง ATM เว็บไซต์ และเอกสารต่าง ๆ สำหรับลูกค้าชาวญี่ปุ่นโดยเฉพาะ ซึ่งสามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้เป็นอย่างดี

จากการก้าวเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC อย่างเต็มรูปแบบ ทำให้เกิดการขยายตัวทางเศรษฐกิจไปสู่ภูมิภาคอาเซียน ทำให้ภูมิภาคนี้ยิ่งมีความน่าสนใจมากขึ้นในแง่ของการค้าการลงทุน โดยประเทศไทยเองตั้งอยู่ใจกลางภูมิภาคอาเซียน ประกอบกับปัจจัยความพร้อมทางด้านโครงสร้างพื้นฐานรวมถึงความเข้าใจในวัฒนธรรมของชาวญี่ปุ่นที่มีมายาวนาน จะเป็นส่วนที่ผลักดันให้ธุรกิจของบริษัทจากประเทศญี่ปุ่น สามารถขยายตัวเข้าสู่ภูมิภาคอาเซียนได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

ปัจจุบันธนาคารกสิกรไทยมีเครือข่ายบริการในต่างประเทศ ครอบคลุมในกลุ่มประเทศ AEC+3 และประเทศอื่น ๆ รวมทั้งสิ้น 16 แห่ง แบ่งเป็น ธนาคารท้องถิ่น 1 แห่ง ตั้งอยู่ที่ สปป.ลาว สาขาต่างประเทศ 7 แห่ง ได้แก่ สาขาเซินเจิ้น สาขาย่อยหลงกั่ง สาขาเฉิงตู สาขาฮ่องกง สาขาพนมเปญ สาขาลอสแองเจิลลิส และสาขาหมู่เกาะเคย์แมน สำนักงานผู้แทน 8 แห่ง ได้แก่ สำนักงานผู้แทนปักกิ่ง สำนักงานผู้แทนเซี่ยงไฮ้ สำนักงานผู้แทนคุนหมิง สำนักงานผู้แทนย่างกุ้ง สำนักงานผู้แทนฮานอย สำนักงานผู้แทนโฮจิมินห์ สำนักงานผู้แทนจาการ์ตา และสำนักงานผู้แทนโตเกียว นอกจากนี้ภายในปี 2559 ธนาคารได้เตรียมการเพิ่มสาขาแห่งที่สอง ณ กรุงเวียงจันทน์ สปป.ลาว ซึ่งจะช่วยให้การทำธุรกรรมระหว่างกลุ่มประเทศเหล่านี้เป็นไปอย่างสะดวกคล่องตัวยิ่งขึ้น และไม่เพียงแต่บริการด้านการเงินเท่านั้น ทางธนาคารกสิกรไทยยังมีบริการในด้านการให้คำปรึกษาการลงทุนและการจับคู่ธุรกิจ เพื่อช่วยให้การดำเนินธุรกิจในต่างประเทศเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นอีกด้วย

ขอบคุณข้อมูล จาก : www.bagroup.co.th/